▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวไทย
เที่ยวภูเขา
ภาพถ่ายทิวทัศน์
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
ลุยไป…ลื่นไป ณ ดอยหลวงเชียงดาว By นายคิ้วเข้ม
ก่อนจะไปลุยกัน เรามาทำความรู้จักกับดอยหลวงเชียงดาวก่อนครับ ดอยหลวงเชียงดาวตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่โดยประมาณ 521 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพพื้นที่เป็นป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าสน สลับกับทุ่งหญ้า ดอยหลวงเชียงดาวเป็นภูเขาหินปูนที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,225 เมตร ซึ่งถือเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย
สำหรับช่วงเวลาการเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นดอยหลวงเชียงดาว จะอยู่ในช่วงประมาณ 1 พ.ย.- 31 มี.ค. เป็นระยะเวลาประมาณ 5 เดือน การจองขึ้นดอยหลวงเชียงดาวสามารถจองได้ทั้งผ่านทัวร์ในพื้นที่ และผ่านทางเขตรักษาพันธ์ุเชียงดาวโดยตรง โดยทริปนี้ผมจองผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว (รายละเอียดการจองและค่าใช้จ่าย ผมสรุปไว้ให้ท้ายกระทู้นะครับ)
เอาล่ะครับมาเริ่มกันเลย !!
ทริปนี้มีผมเพื่อนร่วมทางด้วย 2 คน พวกเราเริ่มเดินทางเวลา 07.00 น. จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชม. 40 นาที เวลา 08.40 น. ก็ถึงเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเชียงดาว
เมื่อถึงก็จัดการกรอกเอกสารลงทะเบียนนักท่องเที่ยวให้เรียบร้อย ชำระค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาท และชำระค่ามัดจำขยะ 600 บาท โดยเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจนับจำนวนกระป๋องอาหาร ถุงพลาสติกต่าง ๆ ที่เราเอาขึ้นไปบนดอย พอเรากลับลงมาก็ต้องเก็บมาให้ครบเพื่อมาแลกค่ามัดจำขยะคืน และที่สำคัญคือเพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมของธรรมชาติให้ยังคงสวยงามต่อไปนะครับ
เมื่อเสร็จเรียบร้อย เราก็จัดของที่เราจะให้ลูกหาบแบกขึ้นเลยครับ ลูกหาบ 1 คนสามารถแบกน้ำหนักได้ 20 กก. ค่าบริการลูกหาบต่อคนคือ 450 บาทต่อวัน แต่ถ้าเพื่อน ๆ ชาวสบายคลับท่านใดร่างกายแข็งแรง อึด ถึก ทน รถชนไม่ตาย!! (อันหลังไม่น่าเกี่ยว ฮ่าๆๆ) สามารถแบกสำภาระเองได้ทั้งหมดก็ไม่ต้องจ้างลูกหาบก็ได้ครับ
ซึ่งทริปนี้ผู้ร่วมทางเป็นชายหนุ่มยังเอ๊าะ ๆ แข็งแรง กำยำทุกคน (หราาาาา!) ก็แน่นอนครับผม จ้างลูกหาบเพิ่มแน่นอน ฮ่าๆๆ เอาล่ะเมื่อพร้อมแล้วก็ขึ้นรถไปยังจุดปล่อยตัวกันเลย
- ทางเดินเท้าปางวัว ชันมาก ระยะทาง 6.5 กม. ใช้เวลานั่งรถจากเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าประมาณ 20 นาที ค่ารถเหมาจ่าย 600 บาทต่อเที่ยว (ไปกลับ 1200 บาท)*
- ทางเดินเท้าเด่นหญ้าขัด ชันน้อย ระยะทาง 8.5 กม. ใช้เวลานั่งรถจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าประมาณ 2 ชม.กว่า ๆ ค่ารถเหมาจ่าย 1200 บาทต่อเที่ยว (ไปกลับ 2400 บาท)*
*สามารถเลือกขึ้นทางนึงลงอีกทางนึงได้นะครับ
เวลา 09.30 น. ถึงจุดเริ่มต้นทางเดินเท้าปางวัว ที่พวกเราเลือกทางนี้เพราะชอบความท้าท้ายครับ (หึหึ เดี๋ยวรู้เลยยยย !!) เมื่อลงรถมาแล้วสิ่งแรกที่ควรทำคือ เลือกไม้สำหรับค้ำยันเวลาเดินขึ้นเขาครับ ซึ่งจะมีเตรียมไว้ให้มากมาย ผมแนะนำให้เลือกอันที่มีความแข็งแรงเหมาะกับมือเรา เลือกดี ๆ นะครับ เลือกไม่ดีมีร้องแน่นอน ฮ่าๆๆๆ เมื่อพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย
ทางช่วงแรกที่เดินก็ชิว ๆ ครับเป็นเนินนิดหน่อย คิดในใจว่า "ไหนวะที่ว่าชัน เดินโคตรสบายเลย" หารู้ไม่ พอหลุดไปหน่อยเท่านั้นแหละ อื้อหือ!! เอาละไง ความชันเริ่มมาละ เอาวะ สดอยู่ละ ลุยยยย !! พอเดินได้ 4-5 ก้าวก็รู้เลยครับ ดินชื้นมาก รองเท้าที่พวกเราใส่มาก็เป็นผ้าใบธรรมดา ๆ ก็เลยทำให้เกือบหัวทิ่ม หน้าคะมำกันหลายรอบ แต่ก็ได้ 2 มือกับ 1 ไม้ที่พวกเราหยิบมาก่อนเริ่มเดินนั่นแหละที่ช่วยชีวิตไว้ ทางจะเป็นลักษณะนี้น่าจะสักประมาณ 1.5 กม. ครับ
หลังจากเดินมาได้สักพักก็จะเริ่มเป็นป่าโปร่ง มีความชันมากพอสมควร จนเริ่มบ่นกันว่า "ชันจัง เมื่อไรจะถึง" แถมยังโดนพี่ลูกหาบที่เดินสวนลงว่าหลอกอีกว่า "อีกนิดเดียวก็สบายละน้อง ประมาณ 200 เมตรเอง" (หราาา ใช่หรอพี่ ฮ่าๆๆ) แต่ก็ยังดีมีทางลงให้ได้พักขาบ้าง วิวสองข้างทางก็จะมี ต้นไม้ยืนต้นต่าง ๆ ต้นไผ่ พื้นดินก็จะลื่นน้อยลงมากครับ แต่ก็มีหินก้อนใหญ่ ๆ เป็นขั้นเป็นชั้นเยอะ เวลาเดินก็ต้องใช้ความระมัดระวังหน่อย ไม้ในมือท่านค้ำยันให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่งนะครับ ระยะทางช่วงนี้ผมคาดว่าน่าจะสัก 2 กม. เห็นจะได้
ในที่สุดเราก็ลุย ๆ ลื่น ๆ จนมาถึงจุดที่เรียกว่า "สามแยกปางวัว" เป็นจุดบรรจบกันของทางเดินเท้าปางวัว และทางเดินเท้าเด่นหญ้าขัด เรียกได้ความครึ่งทางละครับ จุดนี้เป็นจุดที่คนส่วนใหญ่จะพักกินข้าวกลางวันกัน พวกเราก็ขอนั่งพักขา พักดื่มน้ำแก้กระหายกันสะหน่อย
พักพอหายเมื่อยสักแปบก็ออกเดินต่อกันโลด ส่วนแรกหลังเดินออกจากสามแยกปางวัว ก็มีลักษณะเป็นป่ากล้วยครับ มีต้นกล้วยเต็มไปหมด พื้นบริเวณนี้ก็ชื้นมาก ๆ (จริง ๆ เรียกว่า "แฉะ" จะดีกว่านะ) ไปอีกหน่อยก็จะเริ่มเป็นทุ่งหญ้าโล่ง ๆ เลยครับ เดินสบาย ๆ แต่ก็ชันขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งจุดที่เรียกว่า "ดอยกิ่วป่าคา" ก็ตามชื่อเลย มีแต่ทุ่งหญ้าคาโล่ง ๆ เลย ถ้าเดินมาถึงตรงนี่ก็ใกล้ถึงจุดกางเต้นท์แล้วล่ะครับ เอ้าสู้ ๆ กันหน่อย ลุยยยย !!
เอาล่ะครับ ใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว แต่เดี๋ยวก่อน !! ถ้าคุณโทรมา 10 สายแรก (เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่ละ) อย่าคิดว่าจะเดินสบาย ๆ เหมือนป่าคาก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ ช่วงนี้จะเป็นทางขึ้นและเป็นหินก้อนใหญ่ ๆ เรียงกันให้ปีนป่ายคล้ายขั้นบันได หินบางก้อนมีตะไคร่น้ำเกาะด้วยนะครับ ก็เดินกันระมัดระวังสักนิด ค่อย ๆ ไป ไม่ต้องรีบร้อน เอาชัวร์ดีกว่าเนอะ
จากนั้นก็เป็นป่าสลับกันไป ทางก็จะขึ้นสลับลงเล็กน้อยจนกระทั่งถึงจุดกางเต้นท์ ระยะทางจากสามแยกปางวัวถึงจุดกางเต้นท์ก็น่าจะสักประมาณ 3 กม. ครับ เวลาประมาณ 14.00 น. พวกเราก็คลานกันถึงจุดกางเต้นท์กันเสียที ใช้เวลาเดินทั้งประมาณ 4 ชม.กว่า ๆ (ถือว่าทำเวลาได้ดี) ลูกหาบบอกว่าส่วนใหญ่เดินกัน 4-5 ชม. เล่นเอาขาล้าไปพอสมควร
บริเวณนี้เรียกว่าอ่างสลุงเป็นทุ่งหญ้าโล่ง ๆ ครับ เมื่อเดินไปถึงปุ๊บ ก็พบว่าลูกหาบกางเต้นท์ไว้ให้พวกเราเรียบร้อยแล้ว สุดยอดไปเลยครับ !! ลูกหาบบอกว่าให้พักกันสักหน่อย เดี๋ยวตอน 4 โมงจะพาไปขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาวเพื่อดูพระอาทิตย์ตก พวกเราก็นั่งเล่น นอนคุยกันไปสักพักเท่านั้นแหละ หลับกันไปตอนไหนไม่รู้ ฮ่าๆๆ ประมาณ 4 โมง ก็ได้ยินเสียง "พี่ครับ พร้อมขึ้นยอดดอยกันหรือยัง" พวกเราก็จัดแจงหยิบของให้พร้อม มุ่งหน้าเดินขึ้นยอดดอยกันต่อ
ระยะทางขึ้นยอดดอยก็ไม่ได้ไกลมากครับ แต่พื้นที่เป็นภูเขาหินปูน มีความชัน ก็ต้องปีนป่าย ตะเกียกตะกายกันนิดหน่อย (ได้ฟิลลิ่งการปีนเขานิด ๆ)
ระหว่างทางไป ลูกหาบก็บอกว่า ถ้าโชคดีตอนเช้า ๆ อาจจะได้เห็นเลียงผาด้วย (ซึ่งในตอนเช้าเพื่อนผมก็เห็นจริง ๆ แต่ผมมันไม่มีดวง ก็อดไปครับ ฮ่าๆๆ) พอถึงยอดดอยเพื่อนผมถึงกับพูดว่า "นี่เราขึ้นมาถึงกันได้ไงวะเนี่ย" และตากล้องหนึ่งเดียวของเราก็เริ่มทำภารกิจถ่ายภาพตามที่แฟนสั่ง (หวานได้อีกกกก)
พวกเราก็ถ่ายรูปกันไปเพลิน ๆ จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป
...ยังไม่หมดครับ ติดตามต่อกันในคอมเม้นท์นะครับ ตรงนี้พื้นที่ไม่พอ