สวัสดีค่ะ นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของเราเลยนะคะ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยค่ะ
ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวเล็กๆ น้อยๆ ก่อนนะคะ เนื่องจากเราเป็นนักเดินทางมือใหม่คนหนึ่งที่รักและหลงไหลในมนต์เสน่ห์ของพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และทะเลหมอกเป็นอย่างมาก ถือว่าเริ่มเสพติดมันเลยก็ว่าได้ และเราก็ตั้งปณิธานไว้ว่า....เราจะไปทุกที่ที่มีคนร่ำลือถึงเจ้า 3 สิ่งนี้ อาจรวมไปถึงที่ที่ยังไม่มีคนพูดถึง ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ไปสัมผัสเจ้า 3 สิ่งนี้มาแล้วบ้างบางที่ ไม่ว่าจะเป็น เขาค้อ ภูทับเบิก ภูชี้ฟ้า ห้วยน้ำดัง......
แต่ในกระทู้นี้เราจะเล่าถึงประสบการณ์จากทริปเล็กๆ ของเรากับเพื่อนๆ อีก 3 คน ในการเดินทางไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งทริปนี้ เป็นทริปที่พวกเราออกเดินทางตั้งแต่ต้นปี คือ วันที่ 2-3 มกราคม 2558 โดยอาจจะมีบางตอนที่เราลืมเก็บภาพมาฝาก แต่เราจะเขียนเป็นข้อมูลให้แทนนะคะ ส่วนภาพที่เราถ่ายมา มีทั้งที่ถ่ายจากกล้องและจากโทรศัพท์ ไม่ผ่านการแต่งภาพใดๆ ภาพอาจจะไม่ได้สวยเหมือนที่กระทู้อื่นๆ ที่ตั้งกระทู้รีวิวการท่องเที่ยวไว้ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ มือใหม่จริงๆ ค่ะ

ที่เรามาตั้งกระทู้นี้ เพราะเราหวังว่า ข้อมูลจากทริปเล็กๆ ของเราอาจจะเป็นประโยชน์กับนักเดินทางมือใหม่ไม่มากก็น้อยนะคะ ก่อนอื่นอื่นเรามาทำความรู้จักกับดอยหลวงเชียงดาวกันก่อนเลยค่ะ...
ดอยหลวงเชียงดาวสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย รองจากดอยอินทนนท์และดอยผ้าห่มปก แต่ถ้าพูดถึงภูเขาหินปูนแล้ว ถือว่าดอยหลวงเชียงดาวเป็นภูเขาหินปูนที่สูงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย มีความสูงอยู่ที่ 2,225 เมตรจากระดับน้ำทะเล สำหรับทริปดอยหลวงเชียงดาว หลายๆ คนอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าดอยหลวงเชียงดาวสามารถนำรถขึ้นไปบนยอดดอยได้ แต่คิดผิดนะคะ เราสามารถพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาวได้ด้วยการเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้นค่ะ โดยเส้นทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาวมี 2 เส้นทาง คือ
1. เส้นทางหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอกหรือที่คนแถวนี้คุ้นหูกันในชื่อ เด่นหญ้าขัด ระยะทาง 8.5 กิโลเมตร
2. เส้นปางวัว ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร

ขอบคุณภาพจาก
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hyee&month=12-2010&date=01&group=1&gblog=36

ขอบคุณภาพจาก
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hyee&month=12-2010&date=01&group=1&gblog=36
*ระยะทางนี้เป็นระยะทางจากจุดเดินขึ้นทั้ง 2 เส้นทางถึงอ่างสลุง ซึ่งเป็นลานกางเต้นท์ ไม่รวมระยะทางขึ้นยอดดอยหลวงและดอยกิ่วลม (โดยส่วนมากนิยมขึ้นทางเด่นหญ้าขัด เพราะถึงแม้จะมีระยะทางที่ไกลกว่า แต่การเดินทางจะสะดวกกว่าเส้นทางปางวัว เนื่องจากพื้นที่มีลักษณะลาดชันสูง ซึ่งในการเดินทางไปยังลานกางเต็นท์บริเวณอ่างสลุงนั้น ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับศักยภาพของนักเดินทาง
สิ่งที่เราต้องทำก่อนเดินทางมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันค่ะ
1. ทำการติดต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เพื่อติดต่อสอบถามคิวในการขึ้นก่อนค่ะ (เนื่องจากมีการจำกัดจำนวนคนขึ้นในแต่ละวัน คือ ไม่เกิน 200 คนต่อวัน) ค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อคน
2. ทำการติดต่อคนนำทางและลูกหาบในการขนสัมภาระ
*ควรจะมีคนนำทาง 1 คน ส่วนลูกหาบแล้วแต่สัมภาระของเรา โดยลูกหาบ 1 คน สามารถแบกรับน้ำหนักสัมภาระได้คนละ 25 กิโลกรัม
*ส่วนเรา แค่แบกกระเป๋าใบเล็กๆ ใส่อาหาร ขนม และน้ำกินระหว่างทาง แค่นี้ก็แทบอยากจะโยนทิ้งละค่ะ 5555 หรือใครจะแบกขึ้นไปเองก็ลองดูได้เลยค่ะ
คนนำทาง 500 บาทต่อวัน
ลูกหาบ 450 บาทต่อวัน
น้ำถัง 20 ลิตร 500 บาทต่อถัง
*ทริปนี้เราไป 2 วัน 1 คืน (ไปกัน 4 คน เราจ้างคนนำทาง 1 คนและลูกหาบ 2 คน+น้ำ รวม 3,300 บาท)
3. รถรับ-ส่ง ไปยังจุดเดินขึ้นและลง
เส้นทางเด่นหญ้าขัด 1,200 บาทต่อเที่ยว
เส้นทางปางวัว 600 บาทต่อเที่ยว
*เราขึ้นทางเด่นหญ้าขัด ลงทางปางวัว (1800 บาท)
เนื่องจากเรา 3 คนเป็นคนเชียงดาวโดยกำเนิด ส่วนอีกคนเป็นเพื่อนชาวต่างชาติของเราเองค่ะ เราจึงนัดรวมตัวกันเช้าวันที่ 2 ม.ค. 58 โดยออกจากจุดนัดพบของเราเวลา 8.00 น. จากนั้นไปติดต่อทำเรื่องเสียค่าธรรมเนียมที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวก่อน จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก(เด่นหญ้าขัด) ซึ่งเป็นจุดเดินเท้าขึ้นไปยังอ่างสลุง(ลานกางเต็นท์) ไปกันเล้ยยยยยยย!!!
*ภาพอาจจะไม่ค่อยสวย มีแสงนั่นนี่โผล่มา แนวนอนบ้าง แนวตั้งบ้าง นักเดินทางมือใหม่อย่างเราขออภัยด้วยนะคะ (ภาพทั้งหมดถ่ายจากกล้องและโทรศัพท์ ไม่มีการปรับแต่งใดๆ ค่ะ)

เส้นทางโหดมากค่ะ เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพมาเลย เราใช้เวลาเดินทางจากตัวอำเภอเชียงดาวไปยังเด่นหญ้าขัดประมาณ 2 ชั่วโมง (แทบอ้วกกกกก!!!+ไส้แทบหลุด) *ความจริงแล้วระหว่างทางก็สวยนะคะ เห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวด้านข้างด้วย (แต่ถ่ายไม่ไหวจริงๆ)

ถึงแล้วค่าาาาาาาา เด่นหญ้าขัด เส้นทางเดินขึ้นของเรา ดูหน้าตาแต่ละคน แทบไม่อยากลุกจากที่เลยทีเดียว

การแต่งกาย ควรแต่งกายรัดกุมนะคะ เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวดีที่สุดค่ะ (ภาพนี้ 11.00 น. ยังหนาวอยู่เลยค่ะ)

ก่อนเดินทาง เราก็อบอุ่นร่างกายกันหน่อย ฝากสัมภาระไว้ที่ลูกหาบ เหลือแต่กระเป๋าสำหรับพกน้ำ อาหาร และของใช้ที่จำเป็นติดตัวเท่านั้นนะคะ เพราะเค้าต้องขึ้นไปก่อนเรา เหลือแค่คนนำทางค่ะ

จุดเริ่มต้นของพวกเรา....เรียกขวัญกำลังใจกันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ

สบาย สบายยยยยย....โถ่ ทางแค่นี้....สบายยยย (ยังเดินกันแบบชิลๆ ไม่รีบค่ะ)

ท้องฟ้าของฉันนนนนนน....สวยดีแฮะ

)
เริ่มมีป่าสนให้เห็นกันแล้วววว สวยมากๆ เลยค่ะ

ระหว่างทาง เราก็แวะถ่ายรูปกันไปค่ะ

สังเกตว่าเส้นทางจะยังคงเป็นทางราบ เดินสบายๆ (เอ๊ะ!! หรือยังไม่ถึงเวลา)

นั่นไง!! พูดไม่ทันขาดคำ เริ่มชันแล้วค่ะท่านผู้ชม (ดูจากท่าหมูดาวได้ 55555)

เที่ยงกว่าแล้ว เราเดินยังไม่ถึงครึ่งทางเลย งั้นพักทานข้าวกันก่อนละกัน

อาหารของเราก็ง่ายๆ เลยค่ะ จิ๊นทอด(หมูทอด) น้ำพริกตาแดง ไส้อั่ว ข้าวเงี้ยว และสลัด

กินอิ่มกันแล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลยจ้าาาาาา

บรรยากาศข้างทางยังคงสวยงาม มีแสงส่องลงมา สวยยยยยยย

เรายังคงเดินต่อไป เพลิดเพลินกับบรรยากาศข้างทาง(มีความรู้สึกว่า....มันได้นะ!!)

นั่นไง....เริ่มชันอีกแล้ววววว (บ่นในใจ เมื่อไหร่จะถึงครึ่งทาง)

ถึงแล้ววววว....ตรงนี้เค้าเรียกว่า "สามแยก" ถ้ามาถึงตรงนี้แสดงว่า เราเดินมาประมาณครึ่งทางแล้ว ซึ่งเป็นจุดที่เส้นทางจากเด่นหญ้าขัดและปางวัวมาบรรจบกัน และหลังจากนี้ก็จะมีเพียงเส้นทางเดียว (ข้างหลังนั่นคือทางที่เดินมาจากเส้นทางปางวัวที่เขาร่ำลือว่าโหดและชันมาก)

บริเวณนี้เป็นจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์นะคะ ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณค่ะ

บังเอิญเจอดอกพญาเสือโคร่งด้วยยยยย

ตรงนี้มองดีๆ เหมือนน้องหมาด้วย พี่คนนำทางบอกเรียก "โก๊งหมาก๊าน" แปลเป็นภาษากลางว่า "โค้งหมาแพ้" (ขนาดหมายังแพ้) 555555

ระหว่างทางเราเจอน้องหมาด้วย อ่าววววว!! ไหนบอกหมายังแพ้ (บอกตัวเอง เห้ยยย!! ต้องไหว หมายังไหว)

มองทางไหนก็สวยไปหมดดดดดด

ระหว่างทางเราจะเจอฟอสซิลหอย ซึ่งดอยหลวงเชียงดาวเป็นภูเขาหินปูนที่เกิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน มีอายุระหว่าง 230-250 ล้านปี ซึ่งเกิดจากการทับถมของตะกอนทะเล และซากสัตว์ที่มีหินปูน สันนิษฐานว่า พื้นที่ในบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นท้องทะเลมาก่อนที่การตกตะกอนทับถมของซากสิ่งมีชีวิต (ดูมีความรู้ 55555)

พี่เค้าบอกว่า ใกล้ถึงแล้วววววว (เฮ่!!!!)

บนเขาที่เหมือนต้นมะพร้าวนั่น เรียกว่า "ค้อเชียงดาว" เป็นพรรณไม้ประจำถิ่น พบได้ที่นี่ที่เดียว

อื้อหือ!! อึ้งไปเลย อันนี้ชัน ต้องระวังเป็นพิเศษ *ที่สำคัญหินแหลมด้วย

ระหว่างนี้ก็ยังถามพี่คนนำตลอดทาง "พี่คะ เดินมา 5 ชั่วโมงกว่าละ เมื่อไหร่จะถึง?"

เย้ๆๆๆๆๆๆ ถึงแล้วจ้าาาาา บวกกับสีหน้าอันอิดรวย 5555555555

ภาพ "อ่างสลุง" ในจินตนาการหายวั๊บไปกับตา (ที่คิดไว้คือ เป็นแอ่งกระทะ ลักษณะเป็นลานกว้างๆ "โถ่!! นี่มันดอยนะ")
*อ่ะๆๆๆ พักกันก่อน เดี๋ยวเราจะมาดูกันว่า "ดอยหลวงเชียงดาว" มีอะไรดี เดี๋ยวเราจะพาไปดูพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยกัน
ดอยหลวงเชียงดาว กับมนต์เสน่ห์ที่นักเดินทางมือใหม่อย่างเราต้องหลงไหล
ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวเล็กๆ น้อยๆ ก่อนนะคะ เนื่องจากเราเป็นนักเดินทางมือใหม่คนหนึ่งที่รักและหลงไหลในมนต์เสน่ห์ของพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และทะเลหมอกเป็นอย่างมาก ถือว่าเริ่มเสพติดมันเลยก็ว่าได้ และเราก็ตั้งปณิธานไว้ว่า....เราจะไปทุกที่ที่มีคนร่ำลือถึงเจ้า 3 สิ่งนี้ อาจรวมไปถึงที่ที่ยังไม่มีคนพูดถึง ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ไปสัมผัสเจ้า 3 สิ่งนี้มาแล้วบ้างบางที่ ไม่ว่าจะเป็น เขาค้อ ภูทับเบิก ภูชี้ฟ้า ห้วยน้ำดัง......
แต่ในกระทู้นี้เราจะเล่าถึงประสบการณ์จากทริปเล็กๆ ของเรากับเพื่อนๆ อีก 3 คน ในการเดินทางไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งทริปนี้ เป็นทริปที่พวกเราออกเดินทางตั้งแต่ต้นปี คือ วันที่ 2-3 มกราคม 2558 โดยอาจจะมีบางตอนที่เราลืมเก็บภาพมาฝาก แต่เราจะเขียนเป็นข้อมูลให้แทนนะคะ ส่วนภาพที่เราถ่ายมา มีทั้งที่ถ่ายจากกล้องและจากโทรศัพท์ ไม่ผ่านการแต่งภาพใดๆ ภาพอาจจะไม่ได้สวยเหมือนที่กระทู้อื่นๆ ที่ตั้งกระทู้รีวิวการท่องเที่ยวไว้ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ มือใหม่จริงๆ ค่ะ
ดอยหลวงเชียงดาวสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย รองจากดอยอินทนนท์และดอยผ้าห่มปก แต่ถ้าพูดถึงภูเขาหินปูนแล้ว ถือว่าดอยหลวงเชียงดาวเป็นภูเขาหินปูนที่สูงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย มีความสูงอยู่ที่ 2,225 เมตรจากระดับน้ำทะเล สำหรับทริปดอยหลวงเชียงดาว หลายๆ คนอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าดอยหลวงเชียงดาวสามารถนำรถขึ้นไปบนยอดดอยได้ แต่คิดผิดนะคะ เราสามารถพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาวได้ด้วยการเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้นค่ะ โดยเส้นทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาวมี 2 เส้นทาง คือ
1. เส้นทางหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอกหรือที่คนแถวนี้คุ้นหูกันในชื่อ เด่นหญ้าขัด ระยะทาง 8.5 กิโลเมตร
2. เส้นปางวัว ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร
ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hyee&month=12-2010&date=01&group=1&gblog=36
ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hyee&month=12-2010&date=01&group=1&gblog=36
*ระยะทางนี้เป็นระยะทางจากจุดเดินขึ้นทั้ง 2 เส้นทางถึงอ่างสลุง ซึ่งเป็นลานกางเต้นท์ ไม่รวมระยะทางขึ้นยอดดอยหลวงและดอยกิ่วลม (โดยส่วนมากนิยมขึ้นทางเด่นหญ้าขัด เพราะถึงแม้จะมีระยะทางที่ไกลกว่า แต่การเดินทางจะสะดวกกว่าเส้นทางปางวัว เนื่องจากพื้นที่มีลักษณะลาดชันสูง ซึ่งในการเดินทางไปยังลานกางเต็นท์บริเวณอ่างสลุงนั้น ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับศักยภาพของนักเดินทาง
สิ่งที่เราต้องทำก่อนเดินทางมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันค่ะ
1. ทำการติดต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เพื่อติดต่อสอบถามคิวในการขึ้นก่อนค่ะ (เนื่องจากมีการจำกัดจำนวนคนขึ้นในแต่ละวัน คือ ไม่เกิน 200 คนต่อวัน) ค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อคน
2. ทำการติดต่อคนนำทางและลูกหาบในการขนสัมภาระ
*ควรจะมีคนนำทาง 1 คน ส่วนลูกหาบแล้วแต่สัมภาระของเรา โดยลูกหาบ 1 คน สามารถแบกรับน้ำหนักสัมภาระได้คนละ 25 กิโลกรัม
*ส่วนเรา แค่แบกกระเป๋าใบเล็กๆ ใส่อาหาร ขนม และน้ำกินระหว่างทาง แค่นี้ก็แทบอยากจะโยนทิ้งละค่ะ 5555 หรือใครจะแบกขึ้นไปเองก็ลองดูได้เลยค่ะ
คนนำทาง 500 บาทต่อวัน
ลูกหาบ 450 บาทต่อวัน
น้ำถัง 20 ลิตร 500 บาทต่อถัง
*ทริปนี้เราไป 2 วัน 1 คืน (ไปกัน 4 คน เราจ้างคนนำทาง 1 คนและลูกหาบ 2 คน+น้ำ รวม 3,300 บาท)
3. รถรับ-ส่ง ไปยังจุดเดินขึ้นและลง
เส้นทางเด่นหญ้าขัด 1,200 บาทต่อเที่ยว
เส้นทางปางวัว 600 บาทต่อเที่ยว
*เราขึ้นทางเด่นหญ้าขัด ลงทางปางวัว (1800 บาท)
เนื่องจากเรา 3 คนเป็นคนเชียงดาวโดยกำเนิด ส่วนอีกคนเป็นเพื่อนชาวต่างชาติของเราเองค่ะ เราจึงนัดรวมตัวกันเช้าวันที่ 2 ม.ค. 58 โดยออกจากจุดนัดพบของเราเวลา 8.00 น. จากนั้นไปติดต่อทำเรื่องเสียค่าธรรมเนียมที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวก่อน จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก(เด่นหญ้าขัด) ซึ่งเป็นจุดเดินเท้าขึ้นไปยังอ่างสลุง(ลานกางเต็นท์) ไปกันเล้ยยยยยยย!!!
*ภาพอาจจะไม่ค่อยสวย มีแสงนั่นนี่โผล่มา แนวนอนบ้าง แนวตั้งบ้าง นักเดินทางมือใหม่อย่างเราขออภัยด้วยนะคะ (ภาพทั้งหมดถ่ายจากกล้องและโทรศัพท์ ไม่มีการปรับแต่งใดๆ ค่ะ)
เส้นทางโหดมากค่ะ เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพมาเลย เราใช้เวลาเดินทางจากตัวอำเภอเชียงดาวไปยังเด่นหญ้าขัดประมาณ 2 ชั่วโมง (แทบอ้วกกกกก!!!+ไส้แทบหลุด) *ความจริงแล้วระหว่างทางก็สวยนะคะ เห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวด้านข้างด้วย (แต่ถ่ายไม่ไหวจริงๆ)
ถึงแล้วค่าาาาาาาา เด่นหญ้าขัด เส้นทางเดินขึ้นของเรา ดูหน้าตาแต่ละคน แทบไม่อยากลุกจากที่เลยทีเดียว
การแต่งกาย ควรแต่งกายรัดกุมนะคะ เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวดีที่สุดค่ะ (ภาพนี้ 11.00 น. ยังหนาวอยู่เลยค่ะ)
ก่อนเดินทาง เราก็อบอุ่นร่างกายกันหน่อย ฝากสัมภาระไว้ที่ลูกหาบ เหลือแต่กระเป๋าสำหรับพกน้ำ อาหาร และของใช้ที่จำเป็นติดตัวเท่านั้นนะคะ เพราะเค้าต้องขึ้นไปก่อนเรา เหลือแค่คนนำทางค่ะ
จุดเริ่มต้นของพวกเรา....เรียกขวัญกำลังใจกันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ
สบาย สบายยยยยย....โถ่ ทางแค่นี้....สบายยยย (ยังเดินกันแบบชิลๆ ไม่รีบค่ะ)
ท้องฟ้าของฉันนนนนนน....สวยดีแฮะ
เริ่มมีป่าสนให้เห็นกันแล้วววว สวยมากๆ เลยค่ะ
ระหว่างทาง เราก็แวะถ่ายรูปกันไปค่ะ
สังเกตว่าเส้นทางจะยังคงเป็นทางราบ เดินสบายๆ (เอ๊ะ!! หรือยังไม่ถึงเวลา)
นั่นไง!! พูดไม่ทันขาดคำ เริ่มชันแล้วค่ะท่านผู้ชม (ดูจากท่าหมูดาวได้ 55555)
เที่ยงกว่าแล้ว เราเดินยังไม่ถึงครึ่งทางเลย งั้นพักทานข้าวกันก่อนละกัน
อาหารของเราก็ง่ายๆ เลยค่ะ จิ๊นทอด(หมูทอด) น้ำพริกตาแดง ไส้อั่ว ข้าวเงี้ยว และสลัด
กินอิ่มกันแล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลยจ้าาาาาา
บรรยากาศข้างทางยังคงสวยงาม มีแสงส่องลงมา สวยยยยยยย
เรายังคงเดินต่อไป เพลิดเพลินกับบรรยากาศข้างทาง(มีความรู้สึกว่า....มันได้นะ!!)
นั่นไง....เริ่มชันอีกแล้ววววว (บ่นในใจ เมื่อไหร่จะถึงครึ่งทาง)
ถึงแล้ววววว....ตรงนี้เค้าเรียกว่า "สามแยก" ถ้ามาถึงตรงนี้แสดงว่า เราเดินมาประมาณครึ่งทางแล้ว ซึ่งเป็นจุดที่เส้นทางจากเด่นหญ้าขัดและปางวัวมาบรรจบกัน และหลังจากนี้ก็จะมีเพียงเส้นทางเดียว (ข้างหลังนั่นคือทางที่เดินมาจากเส้นทางปางวัวที่เขาร่ำลือว่าโหดและชันมาก)
บริเวณนี้เป็นจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์นะคะ ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณค่ะ
บังเอิญเจอดอกพญาเสือโคร่งด้วยยยยย
ตรงนี้มองดีๆ เหมือนน้องหมาด้วย พี่คนนำทางบอกเรียก "โก๊งหมาก๊าน" แปลเป็นภาษากลางว่า "โค้งหมาแพ้" (ขนาดหมายังแพ้) 555555
ระหว่างทางเราเจอน้องหมาด้วย อ่าววววว!! ไหนบอกหมายังแพ้ (บอกตัวเอง เห้ยยย!! ต้องไหว หมายังไหว)
มองทางไหนก็สวยไปหมดดดดดด
ระหว่างทางเราจะเจอฟอสซิลหอย ซึ่งดอยหลวงเชียงดาวเป็นภูเขาหินปูนที่เกิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน มีอายุระหว่าง 230-250 ล้านปี ซึ่งเกิดจากการทับถมของตะกอนทะเล และซากสัตว์ที่มีหินปูน สันนิษฐานว่า พื้นที่ในบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นท้องทะเลมาก่อนที่การตกตะกอนทับถมของซากสิ่งมีชีวิต (ดูมีความรู้ 55555)
พี่เค้าบอกว่า ใกล้ถึงแล้วววววว (เฮ่!!!!)
บนเขาที่เหมือนต้นมะพร้าวนั่น เรียกว่า "ค้อเชียงดาว" เป็นพรรณไม้ประจำถิ่น พบได้ที่นี่ที่เดียว
อื้อหือ!! อึ้งไปเลย อันนี้ชัน ต้องระวังเป็นพิเศษ *ที่สำคัญหินแหลมด้วย
ระหว่างนี้ก็ยังถามพี่คนนำตลอดทาง "พี่คะ เดินมา 5 ชั่วโมงกว่าละ เมื่อไหร่จะถึง?"
เย้ๆๆๆๆๆๆ ถึงแล้วจ้าาาาา บวกกับสีหน้าอันอิดรวย 5555555555
ภาพ "อ่างสลุง" ในจินตนาการหายวั๊บไปกับตา (ที่คิดไว้คือ เป็นแอ่งกระทะ ลักษณะเป็นลานกว้างๆ "โถ่!! นี่มันดอยนะ")
*อ่ะๆๆๆ พักกันก่อน เดี๋ยวเราจะมาดูกันว่า "ดอยหลวงเชียงดาว" มีอะไรดี เดี๋ยวเราจะพาไปดูพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยกัน