[CR] ภูกระดึง ครั้งที่ 2 ของย่า ครั้งที่ 3 ของฉัน

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าทริปนี้เป็นทริปที่เซอร์ไพร้มากก่อนไป 1 สัปดาห์ เพราะว่า “ย่าเราอายุ 80 ปี จะเดินขึ้นภูกระดึง” ตอนแรกเราก็ชวนย่าก่อนหน้านั้น 3 เดือน ย่าก็ยืนยันว่าจะไม่ไป แต่ไปๆ มาๆ กลับเปลี่ยนใจ ร่วมออกเดินทางไปด้วย (ปกติแล้วย่าเราออกกำลังกายตลอด ย่าเราเดินออกกำลังกายทุกวัน) การไปครั้งนี้มีต้นเหตุจากอาของเราอยากจะไปภูกระดึง เราเลยไปจองบ้านพักให้อาตั้งแต่เดือนตุลาคม (การจองบ้านพักอุทยานต้องจองล่วงหน้า 3 เดือน ตามลิงค์นี้เลย http://nps.dnp.go.th/ ) เราไปภูกระดึงวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2559  เริ่มออกเดินทางกันได้เลย

           คืนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 เริ่มออกเดินทางกันที่หมอชิต โดยรถโดยสารบริษัท ซันบัส ราคาตั๋ว 582 บาท รถออกเวลา 20.00 น. เราเดินทางไปพร้อมกับย่าและน้องสาวเรา การเดินทางมาขึ้นรถสนับสนุนโดยคุณพ่อที่ขับรถส่ง

             เช้าวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 เวลาประมาณ 3.00 น. เดินทางมาถึงผานกเค้าเพื่อเตรียมตัวขึ้นภูกระดึง ดึ๋ง ดึ๋ง แต่ตอนนั้นร้านเจ๊กิมยังไม่เปิด นั่งรอจนร้านเปิด ย่าเราบ่นหิวกาแฟมาก (ปกติแกกินกาแฟตอนตื่นนอน) น่าจะประมาณ 4.00 น. ร้านเจ๊กิมก็เปิด แล้วพอเกือบๆ 5.00 น. อาเรากับเพื่อนอีกคนก็เดินทางมาถึงเพื่อเสริมทัพ ก็เปลี่ยนชุดแล้วก็กินอะไรรองท้อง แล้วก็ออกเดินทางโดยรถสองแถว คนละ 30 บาท ประมาณ 20 นาที ก็ถึงที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงตอนประมาณ 6.30 น. ประมาณ 7.00 น. ก็ไปเสียค่าธรรมเนียมคนละ 40 บาท แล้วก็เอาใบที่โอนเงินบ้านพักไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการยืนยันในการจะเข้าพัก ใครที่จะจ้างลูกหาบก็ไปแจ้งได้เลย ก่อนทางขึ้นด้านขวามือ จะมีจุดที่รับฝากของ-สัมภาระให้ลูกหาบแบกขึ้นไป กิโลกรัมละ 30 บาท แก๊งเราก็จ้างลูกหาบไปหมดทุกคน มีเราคนเดียวที่แบก (เราเรียนวนศาสตร์ เรื่องแค่นี้สบายมาก)

              เวลาประมาณ 7.45 น. ได้เวลาออกเดินทางไปยังจุดหมาย ใช้เวลา 45 นาที ก็ถึง ซำแฮก ระยะทางแค่ 800 เมตร แต่เป็นทางชัน แฮกๆ กันไปเลยยยยย แวะพักกินแตงโม เครื่องดื่ม น้ำแข็งใส อาหารตามสั่ง แล้วแต่เลยว่าใครจะกินอะไร

              การเดินขึ้นจากจุดศูนย์บริการนักท่องเที่ยวข้างล่างๆ ไปถึงหลังแปประมาณ 6 กิโลเมตร จะผ่านซำแฮก ซำบอน ซำกกอก พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน ซำแคร่ หลังแป ย่าเราใช้เวลาเดินขึ้น 6.32 ชั่วโมง แต่ก็พักทุกซำนะ พักทักทายคนโน้นคนนี้ (แต่ส่วนใหญ่จะมีคนเข้ามาทักมากกว่า) คอยเป็นกำลังใจให้กันตลอดทาง

              จากหลังแปไปจุดบริการนักท่องเที่ยววังกวาง ประมาณ 3 กิโลเมตร แต่เป็นทางเรียบ พื้นทราย เดินชิวๆ ชมต้นสนสองข้างทางก็เพลินไปอีกแบบ ก็ไปถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวประมาณบ่ายสามบ่ายสี่ คนกำลังเยอะครึกครื้น ทะยอยเดินกันขึ้นมาถึง เราได้บ้านพัก 6 คน ชื่อ บ้านเทียนน้ำ 3

               ด้วยความบ้าพลังของเราก็เปลี่ยนชุด ตัดสินใจวิ่งไปที่ผาหล่มสักในระยะทาง 9 กิโลเมตร ใช่ 9 กิโลเมตร จะวิ่งไป เพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน วิ่งไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็วิ่งไปถึง พระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี การวิ่งไปครั้งนี้ถือว่าคุ้ม แล้วเราก็ไปแวะดื่มโกโก้ที่ร้านชมพูมะเหมี่ยวของพี่นก นั่งคุยกันไปซักพักก็เดินกลับพร้อมๆ กับความมืดคนเดียว แต่ไม่อันตรายนะ จะมีก็แต่ช้างที่มาทักทายแต่โชคดีที่เจ้าบ้านไม่แวะมาหาเรา
  

               เช้าวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 ตื่นแต่เช้า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ตื่นสายค่ะงานนี้ ได้วิ่งไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ไปถึงไข่แดงดวงน้อยๆ กำลังจะขึ้นพอดี หายเหนื่อยเป็นปริดพริ้ง ทะเลหมอกก็มาตามคำเรียกร้อง ก็ยืนดูฟินๆ กับบรยากาศไปซักพักก็เดินไปลานวัดพระแก้ว แล้วก็ทานอาหารเช้า

               เวลาประมาณ 9.00 น. การเดินทางในวันที่ 2 ก็เริ่มต้นขึ้น โดยเราและย่า 2 คน จะเดินเท้าไปผาหล่มสัก ระยะทาง 9 กิโลเมตร (แต่คนอื่นเช่าจักรยานปั่น) โดยผ่านเส้นองค์พระพุทธรูป – สระอโนดาต – น้ำตกถ้ำสอเหนือ - ผาหล่มสัก ตลอดทางย่าบ่นตลอดจ้า เมื่อไหร่จะถึง อีกไกลไหม ตามสไตล์เราก็บอกอีกนิดเดียว ไม่ไกลหรอก แล้วก็ถึงจุดหมายประมาณ 12.30 น. ใช้เวลาในการเดิน ประมาณ 3.30 ชั่วโมง ก็นั่งเล่น เดินดูรอบๆ ซักพัก และแล้วก็ต้องขอรบกวนพี่เจ้าหน้าที่ให้ช่วยมาส่งย่าในการเดินทางกลับไปที่ที่พัก เพระต้องเก็บแรงในการเดินลงในวันพรุ่งนี้ ขอขอบคุณพี่ๆ เจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ

               ส่วนเราก็นั่งชิวๆ ดื่มโกโก้กับบราวนี่ที่ร้านกาแฟชมพู่มะเหมี่ยว และเราก็กลายเป็นเด็กเสิร์ฟ มาผาหล่มสักต้องมาโดนบราวนี่นะคะ รับรองว่าอร่อยฟินบนภู (ต้องจองล่วงหน้า 1 วัน จองผ่านเฟสบุ๊คของพี่นกเจ้าของร้านเลย Tipmongkol Kaemongkolsuk ) เวลาประมาณ 15.00 น. เราก็เดินกลับที่พัก ก็เดินสวนกับหลายๆ คน มีทั้งเดินมาคนเดียว มากับเพื่อน มากับครอบครัว ปั่นจักรยาน เดินจูงจักรยานขึ้นเนิน แต่เราคิดว่าเป้าหมายของแต่ละคนก็คือสถานที่เดียวกัน คือ ที่ที่มีหินยื่นออกไป มีกิ่งก้านของต้นสนยื่นออกไป คลุมส่วนของหินที่ยื่นออกมา นั่นคือ ผาหล่มสัก

               เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป อากาศหนาวก็เข้ามาแทนที่ อาหารเย็นในวันนี้คือ หมูกระทะ พอทุกคนกลับมากันครบแล้วก็ออกไปกินหมูกระทะกัน ช่วยบรรเทาความหนาวได้ตอนอยู่หน้าเตา  อุณหภูมิน่าจะประมาณ 15 องศา แต่บอกเลยว่าดาวที่นี่สวยมากๆ

               เช้าวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 ได้เวลาโบกมือลา เราเดินลงตั้งแต่เวลา ประมาณ 9.15 น. เดินถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวข้างล่าง ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ระหว่างทางนั้นก็สลับกันให้กำลังใจกันตลอดเวลา พี่ๆ หลายๆ คนพอเห็นย่าเราเดินลง ก็บอกกันว่า “ตอนแรกจะบ่นแล้ว พอเห็นคุณย่า ไม่กล้าบ่นเลย” มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งสวนกับเราน่าจะบริเวณพร่านพรานแป ก็เดินมาคุยกับย่าเรา “ตอนแรกผมตัดสินในจะไม่มาแล้ว แต่เมื่อวานผมเห็นรูปคุณยาย เดินขึ้นได้ถึงผมเลยต้องมา ถ้าผมไม่มาผมก็แพ้คุณยาย คุณยายเดินไหว ผมก็ต้องเดินไหว” ก็เดินลงมาถึงข้างล่าง ประมาณ 14.00 น. อาบน้ำ กินข้าว นั่งรถกลับกรุงเทพฯ จบทริปอย่างสวยๆ

               จริงๆ แล้ว ในปีนี้ (2559) เราตั้งใจว่าจะ “พาย่าเที่ยว” ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้ทำในสิ่งที่เราตั้งใจ
               ระหว่างทางย่าบอกหลายๆ คนว่า “อย่าไปสนใจอายุมันเป็นเพียงแค่ตัวเลข”
               ดีใจนะที่ย่าเราได้เป็นกำลังใจให้หลายๆ คน เชื่อเถอะว่าการที่เราตัดสินใจทำอะไรไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผลตามที่เราตั้งใจไว้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำไปแล้ว “ใจถึงไปถึง”
               ขอบคุณพี่ๆ เจ้าหน้าที่ที่ช่วยดูแล
               ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้กำลังใจตลอดทาง
               ขอบคุณมิตรภาพระหว่างทาง
               ขอบคุณความท้าทายที่ผลักดันให้ทำอะไรบ้าๆ
ชื่อสินค้า:   ภูกระดึง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่