ลาออกเถอะ ถ้าครบ 3 ข้อนี้


“อย่าย่อท้อต่ออุปสรรค อดทนทำต่อไป

อย่าถอดใจง่ายๆ มองแง่บวก หาข้อดีกับเรื่องที่เราเจอ”

ไม่เถียงว่าวิธีคิดเหล่านี้ช่วยพยุงเราให้เดินต่อไปได้


แต่ก็อยากชวนคิดว่า บางเรื่องบางราว

ถ้ามันดูแล้วไม่น่ามีอนาคตจริงๆ

ก็อย่าฝืนทนไปเรื่อยๆ มันเสียเวลา


เวลานี่โคตรมีค่าเลยนะ เป็นทรัพยากร

ที่มีค่าที่สุด หมดแล้วหมดเลย

มีเงินเท่าไหร่ ก็ซื้อคืนมาไม่ได้

(อย่างน้อยก็ ณ ตอนนี้อนาคตเราอาจเดินทางข้ามกาลเวลาได้)


โดยเฉพาะเรื่องการงานนี่ก็เรื่องใหญ่ของชีวิต

เรามี 3 เรื่องให้พิจารณา

ถ้ามันเข้าข่ายครบทั้ง 3 เรื่อง

เชียร์ให้ลาออกเหอะ

อยู่ไปก็เสียแรง เสียจิต เสียเวลา

มีอะไรบ้าง ตามนี้เลย


เรื่องที่ 1) บั่นทอนจิตใจมากไป

อ่านดีๆ มีคำว่า “มากไป” อยู่ด้วยนะ

คือว่าถ้านิดๆหน่อยๆ

โดยว่านั่นว่านี่ ทั้งจากเรื่องเล็กเรื่องใหญ่


หรือเรื่องที่เราทำพลาดไปบ้าง

แหม่ มันก็มีกันได้ นายเราอาจะมีเรื่องเครียด

เขาก็เป็นมนุษย์แบบเรานี่นา

ก็มีอารมณ์มาผสมโรงได้บ้าง

ฟังตั้งใจบ้าง หรือปล่อยผ่านบ้างก็ได้


เราควรเอาใจเราถอยออกมาดูภาพรวมว่า

เขาว่าเราทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาทีมั้ย

หรือก็ตำหนิติเตียนไปตามประเด็นที่เกิดขึ้นจริง

เราก็ต้องเปิดใจยอมรับ อย่าคิดเล็กคิดน้อยเกินไป


แต่ถ้าไม่ใช่แบบนี้หล่ะ

คือเจอปุ๊บด่าว่าปั๊บ

ไม่มีเรื่องก็ขุดคุ้ยจนได้เรื่องด่า

หรือไม่ใช่ทางวาจา

ก็ใช้สีหน้าทางท่าทางการกระทำ และอื่นๆ

คือหาวิธีทำให้เรารู้สึกย้ำแย่จนได้


รวมถึงลักษณะงานการที่ทำ

อาจจะไม่เหมาะกับเราจนเกินไป

เช่น เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ สวย ใส น่ารัก

แต่ทำงานในโรงงาน หรือสถานที่ดูไม่น่าไว้ใจเลย

อาจจะทั้งที่ตั้งห่างไกล ไปมายาก ลึก เปลี่ยว มืด

หรือคนที่เราทำงานด้วย

ดูอันตรายจะเป็นภัยต่อชีวิตจิตใจตลอด


และอื่นๆ ที่ทำเราเครียดจัดทุกวันๆ แบบนี้

ก็ควรคิดไว้มากๆ แล้วว่าไม่น่าเหมาะแล้ว

หาที่ทำงานใหม่ดีกว่ามั้ย จดไว้ก่อนๆ


เรื่องที่ 2) รายได้น้อยนิด

ถ้าเรื่องทางกาย ทางใจก็ไม่เวิร์ค

แล้วต้องมาเจอเรื่องรายได้

มาเซ็งเรื่องเงินทอง

ที่ได้ค่าตอบแทนไม่เหมาะกับเรา


ต้องย้ำว่าไม่เหมาะกับตัวเรานะ

เพราะถ้าไปถามนายจ้าง

ยิ่งจ้างถูก ก็ยิ่งเหมาะกับเขาแหละ จริงมั้ยละ

(ค่าจ้าง มุมใครมุมมัน ไม่มีผิดถูก)


ของแบบนี้อยู่ที่มองมุมไหน

แต่เราก็ต้องมองมุมเราว่า

ถ้าไม่เหมาะจริงๆ ทำงานก็เครียดจะแย่

ถ้ามีค่าเดินทางที่ใช้เงินมากโข


รวมไปถึงภาระของเรา

ทั้งค่าเช่าหอ หรือค่าผ่อนบ้าน

ผ่อนรถ ผ่อนโทรศัพท์  ผ่อนทีวี

ผ่อนตู้เย็น ค่าเนต ค่าน้ำไฟรายเดือน

ค่าเสื้อผ้า ค่าแต่งหน้า(ผู้ชายก็อาจจะมีแล้วยุคนี้)

ค่ากิน หรือเงินที่ต้องส่งให้พ่อแม่

และดูแลน้องในการเรียน


ภาระแต่ละคนไม่เท่ากันเนอะ

ถึงบอกว่าถ้ารายได้ไม่เหมาะกับเรา

อันนี้ ก็ต้องคิดเยอะขึ้นอีกว่า

แม้จะยอมทนเครียด ทนสภาพจิตใจแย่

แต่รายได้ก็ไม่ได้มากมาย ครอบคลุม

เพียงพอต่อรายจ่ายประจำของตัวเราเอง

จนต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อน หรือก่อหนี้

จะในระบบหรือนอกระบบ ก็ไม่ดีทั้งนั้น


แบบนี้มีแต่ชีวิตจะเจ๊ง ไม่เชียร์ให้ไปต่อ

มองหาที่ทำงานใหม่ในเวลาว่างเถอะ


เรื่องที่ 3) โดยเอาเปรียบสุดฤทธิ์

ถ้าประสบทั้ง 2 เรื่องก่อนหน้านี้

แล้วยังมาเจอการทำงาน

ที่เห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งว่า

โดนเอาเปรียบมากเหลือเกิน


ย้ำว่า มากเหลือเกิน นะฮะ

ไม่ใช่ทำงานเกินขอบเขตหน้าที่

ไปบ้างเล็กน้อยตามสถานการณ์ก็คิดว่า

โดนเอาเปรียบแบบนั้นก็ใจเล็กไปหน่อย


อันนี้ต้องชั่งใจดีๆ มีเหมือนกันที่

เป็นการทดสอบจากนาย หรือบริษัท

เพื่อลองใจดูว่า เป็นคนยังไง

ถ้าให้ทำงานหนัก งานอื่น ยังรับได้มั้ย

ถ้ารับได้ เตรียมโปรโมทขึ้นตำแหน่งใหม่ใหญ่โต


แต่ถ้าดูแล้วอนาคตมืดมันหาทางไปไม่มี

แต่ใช้งานยิกๆๆ ใช้ไปเรื่อยไม่ดูขอบเขตงานจริงเราเลย

สั่งงานทั้งวันทั้งคืน ใช้ทำงานต่อเนื่อง 7 วันไม่หยุด

เกี่ยวไม่เกี่ยวก็ใช้งานเราหมด


เรื่องที่ทำงานก็เราทำ เรื่องส่วนตัวของนายก็เราทำ

เช่น สั่งให้ไปรับลูกที่โรงเรียนแทนบ้าง

พาไปซื้อของเข้าบ้านนายบ้าง

ช่วยทำการบ้านให้ลูก ช่วยคิดงานจัดกิจกรรม


คือติดขัดคิดอะไรได้ก็ใช้งานเราไปซะหมด

วันลาวันพักลากิจลาป่วยมีไปก็เท่านั้น


แบบนี้ไม่ต้องคิดมากแล้วคุณ

มันไม่ใช่การทำงานมากเกินขอบเขตงาน

แต่เป็นทำงานผิดตำแหน่งงานไปแล้ว

ตั้งใจหางานทำที่ใหม่ได้เลย


ไม่ใช่หางานใหม่ในเวลาว่างนะ

ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาหาอย่างจริงจังเลย

มีอินเตอร์เน็ต ก็เข้าเว็บหางาน

มีเพื่อนก็ถามเพื่อนเลย

“แกๆ มีที่ไหนเปิดรับตำแหน่งอะไรที่เราทำได้มั้ย”


มีครู มีอาจารย์ มีญาติ มีแฟน

เพื่อนแฟน ญาติแฟนอะไรก็ถามให้หมด

โอกาสเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตใหม่

ก็อาจจะมาให้เลือก


บั่นทอนจิตใจมากไป + รายได้น้อยนิด + โดยเอาเปรียบสุดฤทธิ์

ถ้าครบ 3 สิ่งอย่างนี้

อย่าทนต่อไปเลย

เสียเวลาก็ว่าแย่มากแล้ว

เสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต นี่ยิ่งแย่ใหญ่

โรคเครียดคือจุดกำเนิดของสารพัดโรคที่จะวิ่งเข้าตัว

โดยไม่ทราบสาเหตุนะ และรักษายากมากๆ


เรามาทำงานเพื่อหวังจะได้มีชีวิตที่ดี มีงานทำ มีเงินใช้

อย่ามาทำงาน แล้วได้โรคเครียด และโรคอื่นๆ

เป็นโบนัสของแถมติดตัวไปตลอดชีวิตเลย

งานมีให้ทำตลอด แต่ถ้าทำงานห่วยๆ

จนชีวิตเสื่อมทั้งทางกาย และใจเลยคุณ

(ส่วนใหญ่ เริ่มจากจิตตกก่อน แล้วกายจะทรุดตาม)

แน่นอนว่าหลายคนคงอยากถามว่า

จะไปรู้ได้ไง อีที่ใหม่จะดีกว่าเก่า


ถามแบบนี้ก็ตอบเลย

ไม่รู้เว้ย แต่ที่รู้คือ ที่นี่มันแย่จะตายห่าอยู่แล้ว

ถ้าไม่กล้า ไม่เสี่ยงทำอะไรสักอย่าง

เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตเราเอง

ก็รอเน่าตายคาที่เดิมตรงนี้แหละ


ถ้าไหนๆ จะตาย ขอลองดิ้นรนสักทีดูมั้ย

ไม่ดีก็ถือว่าเราได้ทำอะไรกับชีวิตบ้างแล้ว

ที่ใหม่จะแย่ มันก็คงไม่ต่างกันหรอก

ไปแย่ที่ใหม่ อ่ะ อย่างน้อยได้เปลี่ยนบรรยากาศ


สมมุติมันจะแย่

มันอาจจะแย่เรื่องเดียว หรือแย่ 2 เรื่อง

มันก็ยังดีกว่าที่เดิมที่แย่ครบ 3 อย่างนี้ ใช่ป่าวล่ะ


แล้วถ้ามันดีกว่าล่ะ…

“กูจะรวย” ขอเป็นกำลังใจ

ให้กับทุกคนที่คิดจะเปลี่ยนแปลง

การงานใหม่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด

ขอให้เจอที่ดีๆ ที่เหมาะกับคุณ  

ที่มา http://www.gujaruay.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่