นางงามตู้กระจก

กระทู้สนทนา
จากถิ่นฐานบ้านป่าเคยอาศัย
สู่เมืองใหญ่ดิ้นรนเพื่อค้นหา
หลีกหนีความลำเข็ญที่เป็นมา
เพื่อเงินตราทางใหม่จึงใคร่ลอง

เจ้านกไพรโผ.ลงจากดงดอย
คิดตามรอยความฝันพลันสนอง
สู่เมืองกรุงศิวิไลดั่งใจปอง
มาขุดทองลองเขื่องเมืองอมร

เดินถนนเห็นรถแล้วหดหู่
จอดกันอยู่เป็นแพแลสลอน
ค่อยค่อยคืบดุจทากที่ยากจร
ร้อนก็ร้อนคิดจะไปหนใดกัน

นกไพรจากพฤกษ์พนาราคาต่ำ
สองเท้าย่ำติดตามหาความฝัน
ผ่านเพลาเหนื่อยกายมาหลายวัน
สู้บากบั่นสมัครงานที่ผ่านตา

สังคมเมืองอลวนต่างคนอยู่
มิเคยรู้น้ำใจยากใฝ่หา
ต่างดิ้นรนปนเล่ห์ทุกเวลา
เรื่องคุณค่าน้ำใจมิใคร่มี

โฉมไม่งามความรู้ก็ดูต่ำ
ตัดใจจำสัมผัสความบัดสี
เลือกไม่ได้โผ.ลงดงโลกีย์
เอาร่างพลีสนองค่าเงินตราชาย

เป็นหมอนวดอวดร่างในอ่างน้ำ
เขาขย้ำโหมขยี้ศักดิ์ศรีหาย
ร่างอาภัพชอกช้ำสิ้นคำอาย
เอาเรือนกายเป็นเป้าให้เล้าโลม

น้ำตาร่วงเอ่อนองริมสองแก้ม
ยามแต่งแต้มเพิ่มสินประทินโฉม
ต้องแต่งล่อต่อเขาเข้าตะโบม
ถ้าทรุดโทรมเห็นเบื่อคงเหลือทน

คล้ายดั่งผักดั่งปลาเขามาเลือก
เงินดั่งเชือกผูกมัดเพราะขัดสน
ใครจะเห็นคุณค่ารู้ว่าคน
สู้ดิ้นรนเพื่อท้องที่ต้องกิน

เป็นสมันในอ่างสิ้นทางเปลี่ยน
ชายวนเวียนผลัดพบมิจบสิ้น
เปลี่ยนสามีตีตราเป็นอาจินต์
รอยมลทินคราบชั่วติดตัวตาย

เพลาผ่านนานมาหมดค่าสาว
เปรอะคราบคาวทรุดโทรมเพราะโหมขาย
ณ.ที่นี้ความสดหมดทั้งกาย
ต้องโยกย้ายเปลี่ยนตู้ดูลำเข็ญ

วัฎจักรนางงามตู้กระจก
ในหัวอกหม่นหมองใครมองเห็น
หวังลืมตาอ้าปากคงยากเย็น
ความจำเป็นมีทั่วครอบครัวตน

พ่อและแม่แก่ชราต้องหาเลี้ยง
มิอาจเลี่ยงหลบผลัดแม้ขัดสน
น้องเล็กเล็กเรียงรายอีกหลายคน
น้ำตาหล่นทุกครายามหากิน

ใครใครชมเอ็นดูเหมือนชู้ผ่าน
ลิ้มความหวานดั่งหมายคลายถวิล
หมุนเวียนผลัดผ่านมาเป็นอาจินต์
ค่าเพียงดินผ่านชายเพียงหมายเงิน

นั่งมองผ่านกระจกหัวอกเศร้า
บางครั้งเหงาคิดรักก็จักเขิน
จะมีใครหมายปองมิมองเมิน
ช้ำเหลือเกินเรื่องคู่กับผู้คน

เปรียบดอกไม้ริมวิถียังดีกว่า
ยังมีค่าใช้ประดับกับถนน
ชีวิตหญิงรันทดเฝ้าอดทน
ค่าของตนกับดอกไม้ยังไกลกัน

บริการปลดเปลื้องเรื่องความใคร่
พลั้งเผลอไปติดโรคต้องโศกศัลย์
ติดเชื้อร้ายประทุษหยุดชีวัน
ชีวิตสั้นนับถอยคอยเวลา

เจ้านกไพรหมดท่าน้ำตาล่วง
สำนึกห่วงคนบนดอยจะคอยหา
มิอาจอยู่ดูแลพ่อแม่ชรา
อนิจจาใครลิขิตชีวิตเรา

นี่น่ะหรือชีวิตคนอยู่บนโลก
ทางสายโศกมิสดใสดั่งใครเขา
หมายความชื่นสุขสันต์มาบรรเทา
เหมือนหาเงาเข็มร่วงในห้วงชล

จิตมนุษย์สุดลึกเกินนึกนัก
มันยอกยักแยกยอนย้อนฉงน
เหมือนรากไม้งอกรกดูวกวน
เปรียบใจคนสัปดนวกวนเวียน

ชีวิตของนางงามตู้กระจก
สกปรกคนเดียดกระเบียดกระเสียร
คราบโลกีย์คลุ้งฉาวคาวจนเอียน
มิอาจเปลี่ยนคำประณามนางงามคาว

ใครจะรู้จะเป็นผู้เห็นค่า
ผู้หญิงหากินกามขายความสาว
ชีพมลายปลดเปลื้องจบเรื่องราว
แม้ถึงคราวจบสิ้นก็ยินดี

รับจดหมายคำฝากมาจากแม่
พ่อที่แก่ป่วยมากน่าจากหนี
คงไม่นานยากอยู่มาดูที
โอกาสมีชั่วครู่มาดูใจ

เคราะห์กระหน่ำกรรมซ้อนถึงตอนเศร้า
โรครบเร้ารุมจับเกินรับไหว
ทางบ้านมีเรื่องร้อนต้องจรไป
และคงไม่กลับมาขายค่าคน

เก็บสมบัติพัสถานออกขานขาย
คนใกล้ตายลำบากยุ่งยากขน
ขอเหลือเพียงคราบชั่วติดตัวตน
กลับขึ้นบนดอยสงบหลบจากกรุง

  เตรียมข้าวของหยูกยาเสื้อผ้าฝาก
หมากแห้งตากปลาเค็มใส่เต็มถุง
ของกำนัลฝากน้าพี่ป้าลุง
ทั้งน้องนุ่งแม่พ่อรอกลับคืน

ต้องลาแล้วเมืองกรุงมุ่งสู่ป่า
หลั่งน้ำตาคลาไคลใจสะอื้น
ขายศักดิ์ศรีเจ็บจำต้องกล้ำกลืน
และขมขื่นชีวิตต้องปลิดปลง

นั่งรถไฟยาวนานกลับบ้านเก่า
เบื้องหลังเศร้าเบื้องหน้ายิ่งพาหลง
จะอยู่ได้นานไหมใจพะวง
อาการทรงกับทรุดมิหยุดรอ

ตามผิวกายแผลพุปะทุหนอง
นัยตาหมองแววซ่อนวิงวอนขอ
เป็นโรคเอดส์ระกำก็ช้ำพอ
อย่าได้ล้อท้ออายเพราะสายตา

สุดปลายทางรถไฟยังไกลบ้าน
ต้องโดยสารรถไปอีกไกลหนา
ละจากรถซมซานผ่านพนา
ใช้เวลาจึ่งคล้อยลุดอยบน

คะนึงหวนชวนสลดทุกบทบาท
ลิ้มรสชาติรันทดสลดผล
สิ่งสุดท้ายได้รับสำหรับตน
คือทุกข์ทนยลแค่กระแสกรรม

จะโทษดินโทษฟ้าก็หาไม่
โทษหัวใจไม่รักดีที่ถลำ
เข้าบ่วงทุกข์เคล้าคละเป็นประจำ
จนต้อยต่ำหมดค่ามิว่าใคร

รถยังวิ่งเดินหน้าน้ำตาเปื้อน
มันวิ่งเคลื่อนตามรางที่วางให้
แต่ชีวิตสิ้นรางสิ้นทางไป
จะมีใครเวทนาหันมามอง

ถึงจุดหมายสถานีที่สุดท้าย
ต้องตะกายแรงหญิงยกสิ่งของ
มิมีใครคอยขยับเข้ารับรอง
ชายตามองทำแสดงแล้วแกล้งเมิน

กะเล่อกะล่าแถวหน้าสถานี
มองไม่มีรถเข้าสู่เขาเขิน
ละล้าละลังชีวิตคิดจะเดิน
ก็เหลือเกินเดินย่ำจะลำเค็ญ

หารถเหมาตัดใจรีบไปก่อน
ต้องคอยซ่อนแผลไว้มิให้เห็น
กว่าจะถึงตีนดอยคงคล้อยเย็น
จะทันเห็นหน้าพ่อไหมหนอเรา

จากไปนานบ้านเมืองประเทืองผล
ทุกแห่งหนถนนสร้างเชื่อมทางเขา
ป่ารกชัฏเคยเคียงกลับเกลี้ยงเกลา
ผู้ใดเผาผลิกป่าเป็นนคร

คนชั่วตัดทำลายแอบขายป่า
ยังเชิดหน้าคร่อมตอคอ สลอน
ฯพณฯท่านหน้าหนามิอาทร
ใครจะค่อนฉ้อฉลมิสนใจ

เป็นเพียงคนธรรมดาใกล้ลาโลก
สิ้นทุกข์โศกหมดลงอสงไขย
มิเคยคิดวกเวียนเบียดเบียนใคร
แต่ยังไกลคำว่าข้าก็คน

มองผู้สาวละอ่อนตอนกำดัด
จิตประหวัดห่วงหาน่าฉงน
อธิษฐานอย่าคอยย้อนรอยตน
หลีกให้พ้นถนนบาปตราบนิรันดร์


ถึงเชิงดอยสิ้นถนนรถยนต์วิ่ง
รถจอดนิ่งคนสลดหมดความฝัน
ผีกลับหลุมแพ้แสงแห่งตะวัน
เราเช่นกันกลับดอยมาคอยตาย

สังขารกร่อนอ่อนเพลียละเหี่ยโหม
ร่างทรุดโทรมโรครั้งกำลังหาย
พะรุงพะรังเดินอ่วมเหงื่อท่วมกาย
มองจุดหมายขาสั่นประหวั่นใจ

ตะวันรอนอ่อนมัวสลัวแสง
คนสิ้นแรงก้าวขาน้ำตาไหล
หนทางชันลำบากยังยากไกล
ต้องเดินไปใจมั่นกลั้นน้ำตา

เจ้านกไพรขมขื่นคิดคืนคอน
จะหวนย้อนรังเก่าบินเข้าหา
ปีกพิการกระพือยื้อเวลา
สุดอ่อนล้ายังฝืนจะคืนรัง

กระเซอะกระเซิงเดินย่ำจนค่ำมืด
เดินจนหืดขึ้นคอรอความหวัง
มีสักคนผ่านด้วยช่วยประทัง
พาไปยังกระท่อมน้อยที่คล้อยมา

แสงกระจ่างจันทร์ส่องลงต้องร่าง
สิ้นแรงย่างเยื้องกรายจะไปหา
ทรุดลงนั่งร้องไห้ในพนา
หมดปัญญาเหนื่อยเกินจะเดินไป

พื้นสะเทือนเสียงสะท้อนย้อนเข้าหู
ยินเสียงรู้เหมือนม้าวิ่งมาใกล้
ตะโกนก้องร้องลั่นสนั่นไพร
กระโจนไปไม้มือกระพือวน

ชะงักงันพระนั่งบนหลังม้า
มองสีกาด้วยจิตคิดฉงน
ร้องถามว่าเจ้านี้ผีหรือคน
ใยพิกลป่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย

จะไปไหนเส้นทางระหว่างป่า
หรือค้นหาอะไรสิ่งใดหาย
เดินในป่าทุกข์ยากลำบากกาย
จงขยายบอกเล่าเรื่องเจ้ามา

ยกสองมือขึ้นพนมแล้วก้มกราบ
ลำดับภาพเล่าหวนกลับครวญหา
ถึงพ่อเฒ่าเจ็บไข้วัยชรา
ขอเห็นหน้าครั้งสุดท้ายก่อนสายไป

พระคุณเจ้ากล่าวว่าสีกาเอ๋ย
กรรมแล้วเอยเราจะแจ้งแถลงไข
พ่อของเจ้าทิ้งถิ่นเพิ่งสิ้นใจ
เมื่อยามใกล้พลบค่ำย่ำระฆัง

สิ้นเสียงสุดดุจสิ้นทั้งวิญญาณ์
หลั่งน้ำตาโศกสลดเพราะหมดหวัง
พ่อสิ้นแล้วสังขาร์ละล้าละลัง
ทิ้งคนหลังดูใจไปไม่ทัน

พระคุณเจ้าร้องสั่งให้รั้งอยู่
จะหาผู้ช่วยไปจากไพรสัณฑ์
สั่งสิ้นเสียงขยับม้าลับตาพลัน
เสียงสนั่นม้าวิ่งดั่งทิ้งนาง

เย็นยะเยือกเจ็บแปลบลมแนบหนาว
กายร้อนผ่าวไข้รุมเข้าสุมร่าง
นัยน์ตาจ้องเพ่งพิศหลงทิศทาง
สรรพางค์ปวดร้าวเกินกล่าวคำ

ระลึกภาพนางงามนั่งตามตู้
ลำดับผู้คนผ่านเคยขานขำ
ลำดับชายเคยค้าขาประจำ
บ่นพึมพำพร่ำเปรอะถ้อยเลอะเลือน

น้ำตาหลั่งไหลย้อยอุ่นรอยแก้ม
รอยยิ้มแกมแซมสลดประชดเหมือน
รู้สัญญาความตายใกล้มาเยือน
สัญญาณเตือนว่าชีวิตจะปลิดปลง

คิดถึงพ่อรอก่อนลูกย้อนหา
ถึงเวลาตามไปคงไม่หลง
คิดถึงแม่พี่น้องร่วมพ้องพงศ์
แล้วล้มลงสิ้นสายลมหายใจ

อนิจจาใครลิขิตชีวิตหนา
ใครจะหาคำแจ้งแถลงไข
ทุกเรื่องราวลำเข็ญที่เป็นไป
พรหมหรือใครเนรมิตขีดให้เดิน

หนึ่งชีวิตจบสิ้นโอบดินสอน
อุทาหรณ์สอนเราจากเขาเขิน
ดำรงชีพดีชั่วอย่ามัวเพลิน
ค่อยค่อยเดินมั่นคงอย่าหลงทาง

บทสุดท้ายนางงามตู้กระจก
มิใช่ยกคนยากมาถากถาง
หยิบประเด็นเห็นค่าจับมาวาง
เพียงจะสร้างแนวให้สอนใจกัน….@
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่