จขกท. พึ่งเรียนจบมาทำงานที่กรุงเทพได้ปีนึงครับ อยากมีบ้านเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เรียนมหาลัย พอเรียนจบเข้ามาทำงานในบริษัทไอทีเอกชนเป็นโปรแกรมเมอร์ ก็ได้ยินเรื่องสวัสดิการ ธอส. จาก HR ในวันอบรมพนักงานใหม่ ก็ไม่ฟังมันล่ะสวัสดิการอื่น ฟังเสร็จก็ไปหาข้อมูลตามเว็บขายคอนโด จากประกาศขายทรัพย์สินของธนาคารหลายที่จนไปติดใจคอนโดแถวรัชดาราคา 2.2m ก็ตัดสินใจว่าต้องที่นี่แหละ พอทำงานครบ 6 เดือนก็จัดเลยครับ ไปถามรายละเอียดจาก ธอส. แล้วก็อึ้งกลับมา เพราะอายุงานไม่ถึงปีกู้ได้ 90% ตอนนั้นมีเงินเก็บอยู่ 30k แป้กกลับมา กลับมาคิดๆวางแผนล่วงหน้าอีก 6 เดือน มองหาห้องใหม่แต่ต้องที่เดิมนะถ้าไม่ได้มันเสียความมั่นใจ กดดันมากครับข้างห้องทะเลาะกันทุกวัน ผู้ชายก็มีกิ๊ก ผู้หญิงก็จับเก่ง นั่งในส้วมตอนเช้าก็ได้ยินทุกวัน นอนอยู่ผู้หญิงก็กรี๊ดตอนตีสองกว่า กลับบ้านปีใหม่กลับมาก็มาเจอคราบผงซักฟอกแห้งกรังหกอยู่หน้าห้องเหม็นแบบผงซักฟอกบูด ผมนี่ฮึดเลยได้เอกสารครบละ อยู่ไม่ไหวแล้วว้อยยย มะรืนครบปีพอดี ต้องไปซ้ำ คิดเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ เตรียมเอกสารเยอะมากเก็บทุกอย่างยันบิลค่าโทรศัพท์บอกเลยว่าหนี้คลีนมาก ไม่นานเกินรอครบปีละ ต้องซ้ำให้มันหายแค้น ร่ายยาวละ เอาเนื้อเลยละกันครับ
เอกสารที่ต้องใช้ทั้งหมด
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาเปลี่ยนชื่อ-สกุล(ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า (ตั้งแต่หน้าที่เป็นรายละเอียดบ้าน จนถึงหน้าที่มีรายชื่อคนสุดท้าย)
- หนังสือผ่านสวัสดิการจากบริษัทที่ทำงาน
- สลิปเงินเดือน 6 เดือนย้อนหลัง
- Statement ย้อนหลัง 1 ปี (ถ้ามีสำเนาสมุดบัญชีอัพเดททุกเดือนใช้แทนได้ Statement ที่ print จากเว็บใช้ที่นี่ไม่ได้ครับ)
- สัญญาจะซื้อจะขาย(ถ้ามีมัดจำต้องระบุด้วยหรือทำสัญญามัดจำแยกก็ได้)
- สำเนาบัตรประชาชนผู้ขาย
- สำเนาเปลี่ยนชื่อ-สกุลผู้ขาย
- สำเนาโฉนดที่ประทับตราจากกรมที่ดิน 3 ฉบับ (ใช้ยื่นให้ ธอส. 2ฉบับ อีกฉบับให้คนประเมินครับ)
- ใบเสร็จการชำระหนี้บัตรเครดิต หรือบัตรผ่อนสินค้าที่แสดงยอดชำระเป็น 0 ทุกใบ
เริ่มด้วยการหาคอนโดที่ใช่ราคากับรายได้ไปกันได้ (ธอส. จะคิดให้มีค่าดำรงชีพประมาณ 5000 ครับถ้าเกินนี้ต้องหาส่วนต่าง และรายได้ที่คิดต้องระบุที่มากับเสียภาษีครับ) ทำสัญญากับคนขายทำข้อตกลงกันและเซ็นสัญญา 2 ฉบับ เก็บกันคนละฉบับครับ กรณีผมระบุค่ามัดจำชัดเจน ก็ไม่ต้องใช้สัญญามัดจำแยกครับ
ถัดมาก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ในวันที่อายุงานครบ 1 ปีครับ ที่นี่ละเอียดมากจริงๆขาดไปไม่ถึงอาทิตย์ก็ไม่ได้ละ ถ้าจะเอา 100% ต้องครบ 1ปีเท่านั้น
กรอกใบคำขอกู้ที่ธนาคารในเอกสารจะเป็นรายละเอียดการกู้ ข้อมูลส่วนตัว รายได้ และการยินยอมให้ตรวจสอบเครดิตบูโร
ต่อมาก็รอครับหวั่นๆใจตลอด ดันทำสัญญากำหนดวันโอนสั้นไป ถ้าไม่ทันทำไงเนี่ยยย


เผื่อเวลาไว้เยอะๆนะครับ
ธนาคารจะโทรมาขอเอกสารการชำระหนี้บัตรเครดิตครับ ถ้าจะให้ไวก็ให้ไปตั้งแต่วันแรกเลยครับไม่งั้นเสียเวลาไปตั้งวันนึง
รอจนธนาคารนัดวันประเมิน ก็เตรียมเงินค่าประเมิน 2800 บาท เตรียมให้พอดีนะครับเดี๋ยวต้องวิ่งไปแลกเซเว่นเหมือนผม
รายละเอียดการประเมินลองถามคร่าวเผื่อใจไว้ก็ได้ครับเพราะธนาคารเอายอดที่ขอกู้ กับยอดประเมินเปรียบเทียบกันแล้วให้ราคาที่ต่ำที่สุด คนประเมินจะดูสภาพห้อง ทำเลที่ตั้ง ชั้น เฟอร์นิเจอร์ที่ built-in เท่านั้นครับ ประเมินเร็วมาก คนขายเปิดแอร์ยังไม่ทันเย็นเลย ลงมาจ่ายเงินส่งหลักฐาน แล้วไปไหว้ศาลหน้าคอนโดขอป๋มอยู่ด้วยนะครับ

ประมาณ 2 วัน ธนาคารจะแจ้งผลประเมินให้เราและถามว่าพอใจมั้ยถ้าตกลงจะเสนอสำนักงานใหญ่ ลุ้นมากได้มาพอดียอดเป๊ะ
รอประมาณ 1 อาทิตย์ จะนัดเราไปทำสัญญา อ่านดีๆนะครับ ยอดกู้ดอกเบี้ยต้องตรง เซ็นอย่างไว ลองขอให้เค้าคำนวณยอดดู
ธนาคารจะหักค่าอัคคีภัยกับค่าผ่อนงวดแรกไปจากเงินกู้ครับ



ดีว่ายังมีเงินเก็บ คิดแล้วพอแบบฉิวเฉียด เสร็จก็นัดวันโอนในวันที่เซ็นสัญญาได้เลยครับให้เวลาเค้าออกเช็คประมาณ 1 วันตรงนี้ต้องคุยกับคนขายดีๆครับว่าต้องออกเช็คเป็นชื่อธนาคารที่เค้ากู้เท่าไหร่ออกเป็นชื่อคนขายเท่าไหร่ ชื่อคนอื่นไม่ได้ครับ ธนาคารจะให้ใบนัดมามีรายละเอียดเอกสารกับวันเวลาที่ไปโอนอย่าสายเด็ดขาดครับ
ถึงวันโอนเอกสารพร้อม พกเงินค่านิติกรรม 1000 ด้วย วันนี้เงินเก็บของทั้งปีจะหายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยค่าจำนอง 1% ค่าโอนคนละครึ่งกับคนขาย(แล้วแต่ตกลงกันนะครับ) ค่าอากรแสตมป์ จ่ายเสร็จก็มองดูธนาคารเก็บโฉนดไปแบบรวดเร็ว เสียดายอยากลองขอเซลฟี่กับโฉนดดู เสร็จคนขายกับธนาคารก็เอาเช็คแยกย้ายกันไปขึ้นเงิน เราก็จะได้กุญแจห้องพร้อมแบกหนี้กลับบ้านไปแบบเต็มภาคภูมิ
กลับมาก็เก็บของเตรียมย้ายออกจากห้องครับนั่งไปน้ำตาร่วงแปะๆ โทรหาพ่อแปป ดีใจจนน้ำตาไหล อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเองครับถ้าผิดพลาดก็ขออภัยนะคร้าบ หวังว่าคนที่อยากจะมีบ้านจะได้ประโยชน์ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บัตรเครดิตคำนวณรอบให้ดีนะครับห้ามมียอดค้างที่ยังไม่ตัดยอดเด็ดขาดนะครับเพราะธนาคารเจ้าของบัตรก็ไม่ให้จ่าย ธอส.ก็จะให้กู้น้องลงไปด้วยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สรุปยอดเงินที่ใช้ทั้งหมดในรายการ 50k ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://condoconveyancing.appspot.com/ ผมใช้คำนวณค่าใช้จ่ายในการโอนครับใกล้เคียงดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เตรียมทะเบียนบ้านตัวจริงไว้ด้วยก็ดีนะครับเผื่อไว้
[CR] แชร์ประสบการณ์กู้ซื้อคอนโดมือสองจาก ธอส. ด้วยสวัสดิการ
เอกสารที่ต้องใช้ทั้งหมด
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาเปลี่ยนชื่อ-สกุล(ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า (ตั้งแต่หน้าที่เป็นรายละเอียดบ้าน จนถึงหน้าที่มีรายชื่อคนสุดท้าย)
- หนังสือผ่านสวัสดิการจากบริษัทที่ทำงาน
- สลิปเงินเดือน 6 เดือนย้อนหลัง
- Statement ย้อนหลัง 1 ปี (ถ้ามีสำเนาสมุดบัญชีอัพเดททุกเดือนใช้แทนได้ Statement ที่ print จากเว็บใช้ที่นี่ไม่ได้ครับ)
- สัญญาจะซื้อจะขาย(ถ้ามีมัดจำต้องระบุด้วยหรือทำสัญญามัดจำแยกก็ได้)
- สำเนาบัตรประชาชนผู้ขาย
- สำเนาเปลี่ยนชื่อ-สกุลผู้ขาย
- สำเนาโฉนดที่ประทับตราจากกรมที่ดิน 3 ฉบับ (ใช้ยื่นให้ ธอส. 2ฉบับ อีกฉบับให้คนประเมินครับ)
- ใบเสร็จการชำระหนี้บัตรเครดิต หรือบัตรผ่อนสินค้าที่แสดงยอดชำระเป็น 0 ทุกใบ
เริ่มด้วยการหาคอนโดที่ใช่ราคากับรายได้ไปกันได้ (ธอส. จะคิดให้มีค่าดำรงชีพประมาณ 5000 ครับถ้าเกินนี้ต้องหาส่วนต่าง และรายได้ที่คิดต้องระบุที่มากับเสียภาษีครับ) ทำสัญญากับคนขายทำข้อตกลงกันและเซ็นสัญญา 2 ฉบับ เก็บกันคนละฉบับครับ กรณีผมระบุค่ามัดจำชัดเจน ก็ไม่ต้องใช้สัญญามัดจำแยกครับ
ถัดมาก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ในวันที่อายุงานครบ 1 ปีครับ ที่นี่ละเอียดมากจริงๆขาดไปไม่ถึงอาทิตย์ก็ไม่ได้ละ ถ้าจะเอา 100% ต้องครบ 1ปีเท่านั้น
กรอกใบคำขอกู้ที่ธนาคารในเอกสารจะเป็นรายละเอียดการกู้ ข้อมูลส่วนตัว รายได้ และการยินยอมให้ตรวจสอบเครดิตบูโร
ต่อมาก็รอครับหวั่นๆใจตลอด ดันทำสัญญากำหนดวันโอนสั้นไป ถ้าไม่ทันทำไงเนี่ยยย
ธนาคารจะโทรมาขอเอกสารการชำระหนี้บัตรเครดิตครับ ถ้าจะให้ไวก็ให้ไปตั้งแต่วันแรกเลยครับไม่งั้นเสียเวลาไปตั้งวันนึง
รอจนธนาคารนัดวันประเมิน ก็เตรียมเงินค่าประเมิน 2800 บาท เตรียมให้พอดีนะครับเดี๋ยวต้องวิ่งไปแลกเซเว่นเหมือนผม
รายละเอียดการประเมินลองถามคร่าวเผื่อใจไว้ก็ได้ครับเพราะธนาคารเอายอดที่ขอกู้ กับยอดประเมินเปรียบเทียบกันแล้วให้ราคาที่ต่ำที่สุด คนประเมินจะดูสภาพห้อง ทำเลที่ตั้ง ชั้น เฟอร์นิเจอร์ที่ built-in เท่านั้นครับ ประเมินเร็วมาก คนขายเปิดแอร์ยังไม่ทันเย็นเลย ลงมาจ่ายเงินส่งหลักฐาน แล้วไปไหว้ศาลหน้าคอนโดขอป๋มอยู่ด้วยนะครับ
ประมาณ 2 วัน ธนาคารจะแจ้งผลประเมินให้เราและถามว่าพอใจมั้ยถ้าตกลงจะเสนอสำนักงานใหญ่ ลุ้นมากได้มาพอดียอดเป๊ะ
รอประมาณ 1 อาทิตย์ จะนัดเราไปทำสัญญา อ่านดีๆนะครับ ยอดกู้ดอกเบี้ยต้องตรง เซ็นอย่างไว ลองขอให้เค้าคำนวณยอดดู
ธนาคารจะหักค่าอัคคีภัยกับค่าผ่อนงวดแรกไปจากเงินกู้ครับ
ดีว่ายังมีเงินเก็บ คิดแล้วพอแบบฉิวเฉียด เสร็จก็นัดวันโอนในวันที่เซ็นสัญญาได้เลยครับให้เวลาเค้าออกเช็คประมาณ 1 วันตรงนี้ต้องคุยกับคนขายดีๆครับว่าต้องออกเช็คเป็นชื่อธนาคารที่เค้ากู้เท่าไหร่ออกเป็นชื่อคนขายเท่าไหร่ ชื่อคนอื่นไม่ได้ครับ ธนาคารจะให้ใบนัดมามีรายละเอียดเอกสารกับวันเวลาที่ไปโอนอย่าสายเด็ดขาดครับ
ถึงวันโอนเอกสารพร้อม พกเงินค่านิติกรรม 1000 ด้วย วันนี้เงินเก็บของทั้งปีจะหายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยค่าจำนอง 1% ค่าโอนคนละครึ่งกับคนขาย(แล้วแต่ตกลงกันนะครับ) ค่าอากรแสตมป์ จ่ายเสร็จก็มองดูธนาคารเก็บโฉนดไปแบบรวดเร็ว เสียดายอยากลองขอเซลฟี่กับโฉนดดู เสร็จคนขายกับธนาคารก็เอาเช็คแยกย้ายกันไปขึ้นเงิน เราก็จะได้กุญแจห้องพร้อมแบกหนี้กลับบ้านไปแบบเต็มภาคภูมิ
กลับมาก็เก็บของเตรียมย้ายออกจากห้องครับนั่งไปน้ำตาร่วงแปะๆ โทรหาพ่อแปป ดีใจจนน้ำตาไหล อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเองครับถ้าผิดพลาดก็ขออภัยนะคร้าบ หวังว่าคนที่อยากจะมีบ้านจะได้ประโยชน์ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้