อลหม่านหลังม่านวันดีเดย์....ภาคสี่!!

จากกระทู้ภาคสามค่ะ...https://pantip.com/topic/36045305  

ขณะที่สงครามที่เมืองคองกำลังดำเนินไปอยู่นั้น...ขอเล่าย้อนกลับมาทางฝั่งเยอรมันเพื่อจะได้มองเห็นภาพของทั้งสองฝั่งในช่วงเวลาเดียวกัน

วันที่ 9 กรกฏาคม...รอมเมลได้ต้อนรับ นาวาอากาศโทแห่งลุฟท์วัฟฟ์  Caesar von Hofacker แห่งฝ่ายเสนาธิการในกรุงปารีส...ที่เข้ามาเพื่อมาพบปะหารือในเรื่องสถานะการณ์ฝั่งตะวันตกที่ออกจะย่ำแย่


เสธ. ซีซ่าร์ ฟอน ฮอฟอัคเกอร์ คนนี้ คือ ญาติของ Colonel Klaus von Stauffenberg (Operation Valkyrie)



ในความเป็นจริง เสธ.มาหารอมเมลด้วยเอางานมาบังหน้า
แต่"ธุระ" ที่สำคัญจริงๆ คือการที่มาขอคุยเป็นส่วนตัวเพื่อที่จะบอกถึง"ขบวนการโค่นล้มฮิตเล่อร์" ที่ได้ก่อตั้งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว..และมีผู้ที่เข้าร่วมอุดมการณ์หลายคนที่อยู่ในระดับบิ๊กๆ  
ในความหมายที่รอมเมลเข้าใจ...คือ...ต้องเอาฮิตเล่อร์ออกจากตำแหน่ง...เพื่อที่จะได้มีโอกาสต่อรองกับฝ่ายสัมพันธมิตรเพื่อให้เยอรมันเสียหายที่สุด
แต่ที่เสธ. ไม่ได้บอกข้อมูลที่ลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง นั่นคือ ระดับต้นขบวนการไม่ต้องการแค่ที่จะเอาฮิตเล่อร์ลงจากตำแหน่ง...แต่ต้องการ"เก็บ"ให้หมด ทั้ง ฮิตเล่อร์, เกอริง และ ฮิมม์เล่อร์...ในเวลาเดียวกัน
ทั้งสองได้สนทนากันเป็นเวลานาน...ซึ่ง รอมเมลเห็นด้วยว่า...สมควรที่จะต้องเปลี่ยนตัวผู้นำเพื่อสันติของเยอรมัน***
และในวันนั้น...แม่ทัพรอมเมลได้บอกว่า...ทางสงครามที่กำลังพันตูอยู่นี้...ไม่สามารถจะรับมือได้นานไปกว่าสามอาทิตย์ ถ้าจะทำอะไรก็รีบทำ
ซึ่งในส่วนนี้ แม่ทัพก็ได้พยายามหารือแบบอ้อมๆกับนายทหารที่อยู่ใกล้ชิดว่า นายพล von Klug ว่า...
"สงครามตะวันตกนี้...เราแพ้อย่างแน่อน เร็วๆนี้แหละ..."
นายพล von Klug เห็นด้วยกับความคิดนี้
และแม่ทัพได้เจรจากับ Colonel Hans Lattmann ในบ่ายวันต่อมาว่า..
"คุณคิดว่าเราจะจบกันยังไง...กับสงครามนี่?"
"ท่านแม่ทัพขอรับ...เราต้านไม่ไหวแน่นอนขอรับ กระผมหวังว่าเราจะต้องหาทางออกที่มันสวยๆหน่อย"
"ฉันจะพยายามนะ...อาจจะใช้เครดิตที่พอมีของฉัน...แบกหน้าไปเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อขอวางอาวุธ...แต่นั่นหมายถึงการขัดคำสั่งของท่านผู้นำ"

***จากการให้การของ General Hans Speidel หัวหน้าของฝ่ายเสธ. ของแม่ทัพรอมเมล  ว่า...

เสธ. ซีซ่าร์ ฟอน ฮอฟอัคเกอร์ ได้ถามแม่ทัพรอมเมลว่า สนใจที่จะเข้าร่วมเพื่อเจรจาของวางอาวุธกับฝ่ายสัมพันธมิตรหรือไม่..คำตอบคือ ท่านยินดี
เสธ.ได้บอกอีกว่า การที่จะเจรจากันได้ หมายถึงจะต้องมีการปฏิวัติในกรุงเบอร์ลินเกิดขึ้นมา มีการเปลี่ยนขั้ว...แต่...ไม่มีใครได้เอ่ยถึงเรื่องการสังหารเลยแม้แต่คำเดียว...
และ Dr.Georg Kiessel หัวหน้าฝ่ายเกสตาโปคือผู้ที่ทำการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการหลายคน ได้ให้ใจความว่า
แม่ทัพรอมเมลได้ถูกชักชวนให้เข้ามา...ไม่ใช่ผู้เริ่มก่อการ...แต่ได้ให้ความเห็นว่า ถ้าท่านผู้นำปฏิเสธที่จะลงจากตำแหน่ง...แม่ทัพรอมเมลก็จำเป็นอาจจะต้องใช้กำลัง..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่