ตอน...ควันหลงจากสงครามสตาลินกราด
ต่อมาจากกระทู้ที่แล้วค่ะ...
https://pantip.com/topic/36275520
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเล่าเรื่องนี้อีก เพราะหาอ่านได้ทั่วไป....ใช่ค่ะ เรื่องที่ว่า สงครามสตาลินกราดนั้นเป็นจุดที่ชี้ชะตาของเยอรมันว่า...หมดหวังกับการที่จะยึดครองรัสเซียแล้วอย่างแน่อน
เพราะความดื้อดึงของฮิตเล่อร์ที่จะมุ่งทำลายเมืองอันเป็นสัญญลักษณ์ของสตาลินให้จงได้...แบบทุ่มหมดหน้าตัก...และอีกเหตุผลหนึ่งคือ เป็นการยึดพื้นที่ของคอเคซัสที่มีแหล่งทรัพยากรน้ำมันขนาดใหญ่ด้วย
สตาลินก็คิดอย่างเดียวกันกับฮิตเล่อร์...ว่า...เมื่อมันเป็นสัญญลักษณ์ของตรู...ก็อย่าหมายว่าจะได้มาหยามกัน...เท่ากับว่า...ผลักกันหมดหน้าตักเช่นกัน
ดังนั้น สงครามครั้งนี้...จึงเป็นสงครามตัดเชือกกันไปเลย...
ฮิตเล่อร์ได้ส่งกองทัพที่หก นำโดยแม่ทัพ Friedrich Paulus พร้อมกำลังพล 1,011,500 นาย และ ยุทโธปกรณ์ นับไม่ถ้วน มุ่งหน้าสู่สตาลินกราดในเดือนกันยายน ปี 1942

ทางรัสเซียได้เตรียมรับมือกองทัพที่นำโดยแม่ทัพ Georgy Zhukov ด้วยกำลังพลที่ใกล้เคียงกัน และเพียบไปด้วยอาวุทธที่จะเข้าประหัตประหารกัน นั่นหมายถึงการรบที่มีทหารกว่าสองล้านคน...
ซึ่งนับว่าเป็นการนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะมันเป็นชิงพื้นที่กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เยอรมันได้ไปตอนเช้า...ตอนเย็นรัสเซียมาเอาคืน...

ในเดือนพฤศจิกายน รัสเซียพร้อมที่จะทำการรุก...หลังจากที่รับมาในช่วงต้นๆ แม่ทัพซูคอฟใช้หกกองทัพ ที่มีทหารกว่าล้านคน...ล้อมเมืองแบบปิดประตูตีแมวจนสำเร็จในวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่วงล้อมได้มาบรรจบกันอย่างแน่นหนา...
ในความเป็นจริง...แม่ทัพพอลลัสสามารถที่จะตีฝ่าออกไปได้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่กระชับวง...แต่ฮิตเล่อร์ได้มีคำสั่งให้ยึดฐานที่มั่น ไม่ให้ออกมาจากเมือง และ ต้องสู้จนถึงทหารคนสุดท้าย เพื่อศักดิศรีของกองทัพที่ยิ่งใหญ่จากตะวันตก
เมื่อตีฝ่าออกไปไม่ได้ นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องรับสภาพของฤดูหนาวที่โหดร้ายของรัสเซีย...อีกทั้งเสบียงที่มีอยู่เริ่มที่จะร่อยหรอ ส่วนการที่จะส่งเข้ามาทางอากาศนั้น...แทบหมดหวัง
จดหมายน้อยของทหารคนหนึ่งได้เขียนรำพันถึงความหนาวเย็นไว้ว่า...
"มือของฉันมันไปหมดแล้ว...ตั้งแต่เริ่มต้นเดือนธันวาคม นิ้วก้อยซ้ายหลุดหายไป นิ้วอีกสามนิ้วในมือขวามันเย็นจนแข็ง จะกินกาแฟ ต้องใช้นิ้วโป้งกับนิ้วก้อยอีกข้างหนึ่งช่วยประคองถ้วย เมื่อนิ้วมันไม่มี มือหมดสมรรถภาพแล้วจะใช้ยิงปืนได้อย่างไร..?"
อลหม่านหลังม่านวันดีเดย์....ภาคสิบสาม!!
ต่อมาจากกระทู้ที่แล้วค่ะ... https://pantip.com/topic/36275520
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเล่าเรื่องนี้อีก เพราะหาอ่านได้ทั่วไป....ใช่ค่ะ เรื่องที่ว่า สงครามสตาลินกราดนั้นเป็นจุดที่ชี้ชะตาของเยอรมันว่า...หมดหวังกับการที่จะยึดครองรัสเซียแล้วอย่างแน่อน
เพราะความดื้อดึงของฮิตเล่อร์ที่จะมุ่งทำลายเมืองอันเป็นสัญญลักษณ์ของสตาลินให้จงได้...แบบทุ่มหมดหน้าตัก...และอีกเหตุผลหนึ่งคือ เป็นการยึดพื้นที่ของคอเคซัสที่มีแหล่งทรัพยากรน้ำมันขนาดใหญ่ด้วย
สตาลินก็คิดอย่างเดียวกันกับฮิตเล่อร์...ว่า...เมื่อมันเป็นสัญญลักษณ์ของตรู...ก็อย่าหมายว่าจะได้มาหยามกัน...เท่ากับว่า...ผลักกันหมดหน้าตักเช่นกัน
ดังนั้น สงครามครั้งนี้...จึงเป็นสงครามตัดเชือกกันไปเลย...
ฮิตเล่อร์ได้ส่งกองทัพที่หก นำโดยแม่ทัพ Friedrich Paulus พร้อมกำลังพล 1,011,500 นาย และ ยุทโธปกรณ์ นับไม่ถ้วน มุ่งหน้าสู่สตาลินกราดในเดือนกันยายน ปี 1942
ทางรัสเซียได้เตรียมรับมือกองทัพที่นำโดยแม่ทัพ Georgy Zhukov ด้วยกำลังพลที่ใกล้เคียงกัน และเพียบไปด้วยอาวุทธที่จะเข้าประหัตประหารกัน นั่นหมายถึงการรบที่มีทหารกว่าสองล้านคน...
ซึ่งนับว่าเป็นการนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะมันเป็นชิงพื้นที่กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เยอรมันได้ไปตอนเช้า...ตอนเย็นรัสเซียมาเอาคืน...
ในเดือนพฤศจิกายน รัสเซียพร้อมที่จะทำการรุก...หลังจากที่รับมาในช่วงต้นๆ แม่ทัพซูคอฟใช้หกกองทัพ ที่มีทหารกว่าล้านคน...ล้อมเมืองแบบปิดประตูตีแมวจนสำเร็จในวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่วงล้อมได้มาบรรจบกันอย่างแน่นหนา...
ในความเป็นจริง...แม่ทัพพอลลัสสามารถที่จะตีฝ่าออกไปได้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่กระชับวง...แต่ฮิตเล่อร์ได้มีคำสั่งให้ยึดฐานที่มั่น ไม่ให้ออกมาจากเมือง และ ต้องสู้จนถึงทหารคนสุดท้าย เพื่อศักดิศรีของกองทัพที่ยิ่งใหญ่จากตะวันตก
เมื่อตีฝ่าออกไปไม่ได้ นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องรับสภาพของฤดูหนาวที่โหดร้ายของรัสเซีย...อีกทั้งเสบียงที่มีอยู่เริ่มที่จะร่อยหรอ ส่วนการที่จะส่งเข้ามาทางอากาศนั้น...แทบหมดหวัง
จดหมายน้อยของทหารคนหนึ่งได้เขียนรำพันถึงความหนาวเย็นไว้ว่า...
"มือของฉันมันไปหมดแล้ว...ตั้งแต่เริ่มต้นเดือนธันวาคม นิ้วก้อยซ้ายหลุดหายไป นิ้วอีกสามนิ้วในมือขวามันเย็นจนแข็ง จะกินกาแฟ ต้องใช้นิ้วโป้งกับนิ้วก้อยอีกข้างหนึ่งช่วยประคองถ้วย เมื่อนิ้วมันไม่มี มือหมดสมรรถภาพแล้วจะใช้ยิงปืนได้อย่างไร..?"