ได้ฟังความคิดเห็นของลุงตู่งแล้ว...คิดว่า
ไม่ผิดหวังในตัวท่านเลยค่ะ...
มีจุดยืนที่มั่นคง ไม่เอนเอียงไปมาตามกระแส
ยึดมั่นความถูกต้อง
แบบนี้จะไม่ให้มาลารินชื่นชมท่านได้อย่างไรคะ..





มาอ่านข่าวกันค่ะ...


กม.44 นิรโทษกรรม บอกต้องเข้ากระบวนการก่อน ยันไม่เคยดิวกับใคร แต่ปรองดองทุกคน ไม่สนถ้านักการเมืองจะไม่เข้าร่วมอีก
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการมอบนโยบายการทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง(ป.ย.ป.) ว่า เป็นการชี้แจงการทำงานของรัฐบาลที่ตั้ง ป.ย.ป.ไปสู่การขับเคลื่อนให้รู้ว่าจะเดินหน้าประเทศอย่างไร ซึ่งขณะนี้เป็นการบริหารราชการแผ่นดินสู่ระยะที่ 2 เพื่อให้เกิดความชัดเจนและส่งต่อให้รัฐบาลหน้า รวมทั้งเตรียมการสำหรับการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ภายหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ เพื่อให้อย่างน้อย 5 ปีแรกของรัฐบาลต่อไปสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เพราะในวันหน้าจะเหลือเพียงคณะกรรมการชุดนี้เท่านั้น โดยได้หารือกับปลัดกระทรวง ในฐานะเป็นผู้ทำงาน โดยรัฐบาลเป็นผู้ติดตามประเมินผลและคิดนโยบาย แต่ผู้ปฏิบัติคือ ข้าราชการที่ต้องทำให้มีความเข้มแข็งและมีความเข้าใจ ซึ่งจะลดปัญหาทั้งภายใน โดยเฉพาะการแต่งตั้งต่างๆ และการแทรกแซงการทำงานต่างๆ รวมทั้งการเตรียมเรื่องการป้องกันปราบปรามการทุจริตด้วย โดยมีคณะกรรมการที่ต้องทำงานบูรณาการ เพื่อดูเรื่องงบประมาณต่างๆ ทั้งนี้ใน 4 คณะ ย่อยของ ป.ย.ป. หลายฝ่ายยังไม่เข้าใจและคิดว่าทหารหรือ คสช.ทำเพียงฝ่ายเดียว แต่ยืนยันว่ามีหลายภาคส่วนมาร่วม โดยรัฐบาลเป็นเพียงหัวคิดให้ แต่มีคณะที่ปรึกษาหลายด้าน และคณะอนุกรรมการที่ร่วมทำงานอยู่ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคี ปรองดอง ต้องมีทั้งฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายเศรษฐกิจ สังคมและ การเมือง ร่วมพิจารณาโดยเสนอสิ่งที่เห็นตรงกันก่อน แต่สิ่งที่ยังเห็นไม่ตรงกันก็คุยกันต่อ ส่วนเรื่องคดีความ ทุกคดีต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ใช่การนิรโทษกรรม ต้องว่าตามกฎหมาย ไม่ใช่ยังไม่เข้ากระบวนการแล้วให้ใช้ มาตรา 44 นิรโทษกราม ตนทำไม่ได้เพราะสังคมไม่ยอมรับ ทั้งนี้คณะกรรมการปรองดองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คณะกรรมการอื่นๆ สามารถทำงานได้ โดยต้องหาข้อยุติเพื่อไปการปฏิบัติให้ได้ จึงขออย่าติตั้งแต่ต้น
"ยืนยันรัฐบาลทำเพื่อสร้างความเข้มแข็งในอนาคต เห็นเถียงกันติดต่อมา 2 อาทิตย์ พาดหัวข่าวทุกวัน ทำให้ท่านประวิตร หงุดหงิดเพราะถามสิ่งที่ยังไม่เกิด ยืนยันไม่มีการดิวกับใคร ใครจะมาดิวกับผม ยืนยันด้วยความสัตย์จริงว่าจะไม่ดิวกับใครทั้งสิ้น ถ้าตราบใดที่ผมไม่พูดเรื่องนั้น ก็ไม่เกิดทั้งสิ้นเพราะผมเป็นคนตัดสินใจ มีการพูดกันไปมาว่าการปรองดองเป็นการวางอนาคตทางการเมืองของผมและรัฐบาล แต่ผมต้องอยู่วันนี้เพื่อทำงานตรงนี้ให้ได้ก่อน วันหน้าเกิดอะไรก็เรื่องของวันหน้า แต่การเมืองก็คือการเมือง อย่ามาพูดเรื่องการเมืองกับผม ถ้าตีกันแต่เรื่องปรองดองก็ทำอะไรไม่ได้ กฎหมายคือกฎหมาย ไม่มีอะไรถูกใจทุกคนอยู่แล้ว แต่ต้องเคารพกระบวนการของกฎหมายด้วย และการขับเคลื่อนประเทศไม่ง่ายอย่างที่เราต้องการ ถ้าทำให้ง่ายก็ทำเหมือนเดิมแก้ปัญหาไม่ได้"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรองดองต้องทำกับทุกคน โดยใช้อนุกรรมการหลายกลุ่ม ไปพูดคุยหาข้อสรุปร่วมกัน ไม่ใช่คุยกันครั้งเดียวแล้วจบ เพราะที่ผ่าน คสช.เคยตั้งศูนย์ปรองดองมาแล้ว เชิญนักการเมืองมาแต่ไม่มา กลับพูดผ่านสื่อ ดังนั้นไม่มาก็อย่ามา และหากมาพูดก็ไม่ใช่เอาแต่พรรคของตัวเอง ต้องหาทางออกร่วมกัน เพราะการปรองดองของตนหมายถึงทุกคนต้องอยู่อย่างสงบสุข สันติ และสนับสนุนการทำงานทุกรัฐบาลไม่เอาการเมืองมานำ ใครมีคดีก็กลับมาสู้คดีไม่อย่างนั้นก็ไปไม่ได้ ยกโทษให้ไม่ได้ ไปขอรัฐบาลหน้า เพราะตนไม่ทำ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีหากนักการเมืองไม่ทำตามแนวทางของรัฐบาลและกลับมาขัดแย้งกันอีกว่า ไม่สามารถออกกฎหมายบังคับนักการเมืองได้อยู่แล้ว กฎหมายอาญายังใช้ไม่ได้ รัฐธรรมนูญออกมาจะตีกันตายไม่ยอมรับอะไรสักอย่าง ดังนั้นนักการเมืองอยากกลับมาก็ต้องมีธรรมภิบาล ซื่อสัตย์ สุจริต บริหารงานเชิงยุทธศาสตร์ก็ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายบังคับ โดยการปรองดองต้องอยู่ภายใต้ประชาชนและกฎหมาย ซึ่งการปรองดองไม่ใช่เฉพาะนักการเมือง มีทั้งสื่อ ที่ยังมีเลือกข้าง รวมถึงนักวิชาการต่างๆ ด้วยซึ่งมีหลายฝ่าย ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ข้างบนเป็นที่ปรึกษาให้ชุดพล.อ.ประวิตร ทั้งนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และนายคณิต ณ นคร อดีตประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) ที่ตนได้ถอดมาหมดแล้ว ว่ามีส่วนใดที่ตรงกัน แต่จะไม่ตรงกับนักการเมืองเพราะนักการเมืองตั้งธงไว้ก่อน แต่ตนไม่มีธง ส่วนรายชื่อคณะกรรมการป.ย.ป.นั้น ยังไม่แล้วเสร็จเพราะยังมีหลายคณะ จึงต้องหาคนที่เหมาะสมเพิ่มเติม.... อ่านต่อที่ :
http://www.dailynews.co.th/politics/552373
((มาลาาริน)) ถูกใจใช่เลยค่ะ ^_^ ปรองดอง : นักการเมืองไม่มาก็อย่ามา..เมินเถอะถ้าจะนิรโทษกรรม !
ไม่ผิดหวังในตัวท่านเลยค่ะ...
มีจุดยืนที่มั่นคง ไม่เอนเอียงไปมาตามกระแส
ยึดมั่นความถูกต้อง
แบบนี้จะไม่ให้มาลารินชื่นชมท่านได้อย่างไรคะ..
มาอ่านข่าวกันค่ะ...
กม.44 นิรโทษกรรม บอกต้องเข้ากระบวนการก่อน ยันไม่เคยดิวกับใคร แต่ปรองดองทุกคน ไม่สนถ้านักการเมืองจะไม่เข้าร่วมอีก
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการมอบนโยบายการทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง(ป.ย.ป.) ว่า เป็นการชี้แจงการทำงานของรัฐบาลที่ตั้ง ป.ย.ป.ไปสู่การขับเคลื่อนให้รู้ว่าจะเดินหน้าประเทศอย่างไร ซึ่งขณะนี้เป็นการบริหารราชการแผ่นดินสู่ระยะที่ 2 เพื่อให้เกิดความชัดเจนและส่งต่อให้รัฐบาลหน้า รวมทั้งเตรียมการสำหรับการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ภายหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ เพื่อให้อย่างน้อย 5 ปีแรกของรัฐบาลต่อไปสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เพราะในวันหน้าจะเหลือเพียงคณะกรรมการชุดนี้เท่านั้น โดยได้หารือกับปลัดกระทรวง ในฐานะเป็นผู้ทำงาน โดยรัฐบาลเป็นผู้ติดตามประเมินผลและคิดนโยบาย แต่ผู้ปฏิบัติคือ ข้าราชการที่ต้องทำให้มีความเข้มแข็งและมีความเข้าใจ ซึ่งจะลดปัญหาทั้งภายใน โดยเฉพาะการแต่งตั้งต่างๆ และการแทรกแซงการทำงานต่างๆ รวมทั้งการเตรียมเรื่องการป้องกันปราบปรามการทุจริตด้วย โดยมีคณะกรรมการที่ต้องทำงานบูรณาการ เพื่อดูเรื่องงบประมาณต่างๆ ทั้งนี้ใน 4 คณะ ย่อยของ ป.ย.ป. หลายฝ่ายยังไม่เข้าใจและคิดว่าทหารหรือ คสช.ทำเพียงฝ่ายเดียว แต่ยืนยันว่ามีหลายภาคส่วนมาร่วม โดยรัฐบาลเป็นเพียงหัวคิดให้ แต่มีคณะที่ปรึกษาหลายด้าน และคณะอนุกรรมการที่ร่วมทำงานอยู่ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคี ปรองดอง ต้องมีทั้งฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายเศรษฐกิจ สังคมและ การเมือง ร่วมพิจารณาโดยเสนอสิ่งที่เห็นตรงกันก่อน แต่สิ่งที่ยังเห็นไม่ตรงกันก็คุยกันต่อ ส่วนเรื่องคดีความ ทุกคดีต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ใช่การนิรโทษกรรม ต้องว่าตามกฎหมาย ไม่ใช่ยังไม่เข้ากระบวนการแล้วให้ใช้ มาตรา 44 นิรโทษกราม ตนทำไม่ได้เพราะสังคมไม่ยอมรับ ทั้งนี้คณะกรรมการปรองดองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คณะกรรมการอื่นๆ สามารถทำงานได้ โดยต้องหาข้อยุติเพื่อไปการปฏิบัติให้ได้ จึงขออย่าติตั้งแต่ต้น
"ยืนยันรัฐบาลทำเพื่อสร้างความเข้มแข็งในอนาคต เห็นเถียงกันติดต่อมา 2 อาทิตย์ พาดหัวข่าวทุกวัน ทำให้ท่านประวิตร หงุดหงิดเพราะถามสิ่งที่ยังไม่เกิด ยืนยันไม่มีการดิวกับใคร ใครจะมาดิวกับผม ยืนยันด้วยความสัตย์จริงว่าจะไม่ดิวกับใครทั้งสิ้น ถ้าตราบใดที่ผมไม่พูดเรื่องนั้น ก็ไม่เกิดทั้งสิ้นเพราะผมเป็นคนตัดสินใจ มีการพูดกันไปมาว่าการปรองดองเป็นการวางอนาคตทางการเมืองของผมและรัฐบาล แต่ผมต้องอยู่วันนี้เพื่อทำงานตรงนี้ให้ได้ก่อน วันหน้าเกิดอะไรก็เรื่องของวันหน้า แต่การเมืองก็คือการเมือง อย่ามาพูดเรื่องการเมืองกับผม ถ้าตีกันแต่เรื่องปรองดองก็ทำอะไรไม่ได้ กฎหมายคือกฎหมาย ไม่มีอะไรถูกใจทุกคนอยู่แล้ว แต่ต้องเคารพกระบวนการของกฎหมายด้วย และการขับเคลื่อนประเทศไม่ง่ายอย่างที่เราต้องการ ถ้าทำให้ง่ายก็ทำเหมือนเดิมแก้ปัญหาไม่ได้"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรองดองต้องทำกับทุกคน โดยใช้อนุกรรมการหลายกลุ่ม ไปพูดคุยหาข้อสรุปร่วมกัน ไม่ใช่คุยกันครั้งเดียวแล้วจบ เพราะที่ผ่าน คสช.เคยตั้งศูนย์ปรองดองมาแล้ว เชิญนักการเมืองมาแต่ไม่มา กลับพูดผ่านสื่อ ดังนั้นไม่มาก็อย่ามา และหากมาพูดก็ไม่ใช่เอาแต่พรรคของตัวเอง ต้องหาทางออกร่วมกัน เพราะการปรองดองของตนหมายถึงทุกคนต้องอยู่อย่างสงบสุข สันติ และสนับสนุนการทำงานทุกรัฐบาลไม่เอาการเมืองมานำ ใครมีคดีก็กลับมาสู้คดีไม่อย่างนั้นก็ไปไม่ได้ ยกโทษให้ไม่ได้ ไปขอรัฐบาลหน้า เพราะตนไม่ทำ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีหากนักการเมืองไม่ทำตามแนวทางของรัฐบาลและกลับมาขัดแย้งกันอีกว่า ไม่สามารถออกกฎหมายบังคับนักการเมืองได้อยู่แล้ว กฎหมายอาญายังใช้ไม่ได้ รัฐธรรมนูญออกมาจะตีกันตายไม่ยอมรับอะไรสักอย่าง ดังนั้นนักการเมืองอยากกลับมาก็ต้องมีธรรมภิบาล ซื่อสัตย์ สุจริต บริหารงานเชิงยุทธศาสตร์ก็ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายบังคับ โดยการปรองดองต้องอยู่ภายใต้ประชาชนและกฎหมาย ซึ่งการปรองดองไม่ใช่เฉพาะนักการเมือง มีทั้งสื่อ ที่ยังมีเลือกข้าง รวมถึงนักวิชาการต่างๆ ด้วยซึ่งมีหลายฝ่าย ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ข้างบนเป็นที่ปรึกษาให้ชุดพล.อ.ประวิตร ทั้งนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และนายคณิต ณ นคร อดีตประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) ที่ตนได้ถอดมาหมดแล้ว ว่ามีส่วนใดที่ตรงกัน แต่จะไม่ตรงกับนักการเมืองเพราะนักการเมืองตั้งธงไว้ก่อน แต่ตนไม่มีธง ส่วนรายชื่อคณะกรรมการป.ย.ป.นั้น ยังไม่แล้วเสร็จเพราะยังมีหลายคณะ จึงต้องหาคนที่เหมาะสมเพิ่มเติม.... อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/552373