ถ้าพูดถึงนักการเมือง ก็จะคิดว่าส่วนใหญ่มีแต่โกงกิน .. ถ้าพูดถึงข้าราชการ ก็จะคิดว่าส่วนใหญ่จน(ถ้าไม่โกงเสียบ้าง) จริง??

กระทู้คำถาม
ส่วนตัวในชีวิต ก็เคยรับราชการใช้ทุนอยู่ 3 ปี ..... จากนั้นก็ได้ลาออก  จะด้วยเหตุผลอะไร ก็จะเล่าให้ในภายหลัง


               ไม่มีเจตนา กล่าวหา หรือว่า ข้าราชการ แต่อย่างใด  ส่วนที่ดีก็มีเยอะ น่ายกย่อง น่าชมเชย


                                                  แต่ก็คงมีส่วนนึงแหละ ไม่มากไม่น้อย ที่สมควรโดนต่อว่า

  

          การเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดในบ้านเรา เหตุผลหลักๆ ก็คงจะอ้างเรื่อง นักการเมืองโกง นักการเมืองไม่ดี นักการเมืองเอาแต่พวกพ้อง บลา ๆ ๆ

                                  แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ส่วนนึงนักการเมืองที่ดีก็มีนะ  แต่คงถูกพวกไม่ดี ปิดบัง เสียหมด

                                  นักการเมืองทั่วทั้งประเทศ มีกี่คน น่าจะนับหัวได้  คนที่โกงกินก็ส่วนนึง แต่ก็ไม่น่าจะมากมายนัก





                                                                          ส่วนข้าราชการละ

  ในบ้านเราน่าจะราวๆ 5 ล้านคน (อันนี้ ไม่ทราบข้อมูลว่านับรวมพวกบำนาญและพนง.รัฐ ด้วยหรือป่าว) รอผู้รู้มาแนะนำอีกทีค่ะ

     ส่วนใหญ่น่าจะดี  มีบางส่วนมั้งที่โกง ไม่รู้จริงหรือป่าวนะคะ  ....  แต่อย่าลืมนะคะว่าทั้งหมดน่ะ มีเป็นหลักล้าน อยู่

                ที่โกงกินมีบางส่วน  แต่อย่าลืม ว่า  บางส่วนจากล้านคนนะคะ ..... คำนวณดูให้ดีๆ ว่ารัฐ เสียผลประโยชน์กันไปเท่าไร





                                          ตอนนี้ขอเล่าประสบการณ์ปีแรกในชีวิตราชการ ช่วงที่เป็น  INTERN   ค่ะ

ครึ่งปีแรก ทำงานอยู่ใน รพ.จังหวัด ก็จะหมุนเวียนในแต่ละวอร์ดหลักๆ  สู ศัล เมด เด็ก   อย่าง ละ 1 - 2 เดือน

      ทำงานเวลาราชการ จันทร์-ศุกร์  8.30 - 16.30 น.  ส่วน  เสาร์-อาทิตย์ ถ้าอยู่เวร ก็ทั้งวันทั้งคืน ทั้ง รพ.

                                 ตั้งแต่ 8.30 น. ของวันนั้น ถึง 8.30 น. ของอีกวันเลย

       แต่ถ้าอยู่เวรในวันราชการ ก็จะเริ่มตั้งแต่ 16.30 น. ถึง 8.30 น. ของอีกวันนึง


มีอยูวันนึง ทำงานอยู่ศัล วันนั้นมีผ่าตัด  เข้า  OR  ตั้งแต่เช้า ถึงเย็น และวันนั้น อยู่เวรของรพ. ด้วย  รุ่นพี่ศัลก็ให้เราลงไปอาบน้ำตอน 16.00 น.

            เพื่อจะได้มาอยู่เวรนอกเวลา ตั้งแต่ 16.30 น. เป็นต้นไป ใน ช่วงเวลาราชการวันนั้น 8.30 น.  - 16.30 น.

ก็จะรุ่นพี่เฉพาะทางคนนึงอยู่เวร  OPDทั่วไป  วันนั้น ไม่ทราบว่ารุ่นพี่คนนั้น เลิกตรวจคนไข้ตั้งแต่ 15.00 น. ไปทำะธุระส่วนตัว โดยไม่บอกล่วงหน้า

        ทำให้ตั้งแต่ 15.00 น. เป็นต้นมา ถึง 16.00 น. เศษๆ ยังไม่ถึง 16.30 น.  ตอนน้ำ เรากำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่

                                 มียอดคนไข้สะสมมา เกือบๆ 100 คน  คนไข้หลายๆคนกระวนกระวายใจ

ก็มีสายโทรศัพท์ กริ๊ง ๆ ๆ  มาจาก หน.พยาบาลเวร  บอกให้รีบมาตรวจคนไข้  บอกมีคนไข้รอตรวจเยอะ

           ทางเราก็ยังกระโจมอก อาบน้ำอยู่  หัวก็ยังไม่ได้ล้าง  เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ใส่  .... เราก็บอกว่าไปไม่ได้ เราจะไปตรวจตอน 16.30 น. ตรง

เราก็ละสาย รีบใส่เสื้อผ้า เพื่อมาให้ทันเวลา ตรงเวงลา 16.30 น.  ก็ ได้รับสายโทรศัพท์ ตามเราอีก  เราจึงรีบไปในตอนนั้นเลย

           ก็ไปถึงก่อน 16.30 น.  ผมเผ้ายังไม่ได้เช็ด   รีบตรวจคนไข้ที่รอตรวงทั้งหมดจนแล้วเสร็จ ...... จึงมาชำระความกันหน่อย


เราก็เรียกหน.พยาบาลเวรนั้นมาคุย ว่าโทรมาทำไมหลายครั้ง  ... น้องเค้าก็อ้างอยู่อย่างเดียวว่าคนไข้รอตรวจเยอะ

เราก็ถามว่า ทำไมเยอะมากมายขนาดนั้น  ... น้องเค้าก็บอกว่ารุ่นพี่คนนั้นออกดไปตั้งแต่ 15.00 น.

เราก็ถามว่า ทำไมไม่ตามรุ่นพี่คนนั้น  เพราะเป็นเวลางานของเค้า  ของเราเริ่ม 16.30 น. ...น้องเค้าก็บอกว่า  .......ไม่กล้าตาม

          อ้าว ๆๆๆๆๆ   อย่างนี้ก็เป็นความผิดของฉันหรอที่มาทำงานตรงเวลา แต่คนไข้มารอก่อนจำนวนมาก ...... กล้าตามแต่เรา


เราก็บอกว่าอย่าให้เจอเหตุการณ์แบบนี้อีก .. น้องเค้าก็บอกว่า  วันถัดไป ถ้ามีคนไข้รอเยอะ รุ่นพี่ออกไปก่อน ก็จะตามเราอีก


          เราก็หมดความอดทน ค่ะ .... เลยบอกว่า   ได้ค่ะ   ถ้าวันนั้น มีอีก แล้วตามเราๆก็จะมาให้ตรงเวลาอีก

                      แต่หลังเลิกงาน  เจอกันหลัง รพ. นะคะ  ......  จะเอาเพื่อนไปด้วยก็ได้ ค่ะ


เราก็พูดไปแค่เนี้ย   น้องเค้าก็ร้องห่มร้องไห้ไปฟ้อง  หน.ฝ่ายการพยาบาล  ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

  จากนั้น หน.ฝ่ายการเรียกเราไปคุย(ความจริงไม่ไปก็ได้ คนที่จะเรียกเราต้อง ผอ.รพ.ค่ะ)   แต่เราก็ไป ค่ะ  ไม่กลัว เพราะไม่ผิด

     หน.ฝ่ายการเค้าก็ต่อว่าเรา เข้าข้างน้องพยาบาล  โดยไม่ฟังเหตุผล ว่า...... เรื่องนี้เป็นความผิดของใคร กันแน่

              ดิฉัน ก็เดินเชิดหน้า สะบัดเอว ออกมาจากห้อง หน.ฝ่ายการ  ....รีบไปรายงานเรื่องกับ ผอ.โดยตรง

                   ผอ.ท่านก็ดี เค้าบอกว่าถ้ามีเรื่องทำนองนี้อีก ไม่ต้องไปหา หน. ฝ่ายการ  คนที่จะเรียกเรา ต้องเป็น ผอ. เท่านั้นค่ะ




รุ่นพี่หมอ เอาเวลาราขการไปใช้ส่วนตัว แล้วไม่ส่งต่อเวรให้คนที่จะต้องมารับเวรล่วงหน้าก่อน  ....แถมเงินเดือน ค่าเวร  ก็ได้รับมากกว่าน้องๆอีก












                                         เรื่องที่ 2 ขอเล่าเรื่องพยาบาลคนนึงที่สนิทๆกันอยู่

พยาบาลคนนี้ทำงานอยู่ฝ่ายเวช ทำงาน จันทร์ -ศุกร์ เวลาราชการ  นอกเวลาไม่ต้องมาอยู่เวร  น้องเค้าเปิดคลินิกสถานพยาบาลด้วย

        งานหลัก ๆ  ก็ออกหมู่บ้าน ติดตามคนไข้หลัง DC บ้าง  งานประชุมวิชาการบ้าง  งานคีย็ข้อมูลคนไข้บ้าง

หลักๆ นางจะเข้ามาทำงานตอน หลัง 9โมงเช้า ออกไปรับลูกตอนบ่าย 3 แล้วกลับบ้านเลย เป็นอย่างนี่ทุกๆวัน

   ส่วนเวลางานนางก็บอกว่า เบื่อๆคีย์ข้อมูล นางก็จะนั่ง skype  คุยกับแฟนชาว ต่างชาติ  ไปด้วย ทำให้งานคีย์ได้คนไข้ไม่กี่คน

    เลยขอทำงาน  OT  วันเสาร์-อาทิตย์   นางก็ทำคลินิกก่อน แล้วสายแก่ๆก่อนเที่ยง นางถึงไปทำงานนอกเวลา

         ทำไม่ถึงเที่ยงดี นางก็ชวนกันออกไปกินก๋วยเตี๋ยว กลับเข้ามาบ่ายโมงกว่าๆ  พอบ่าย 3 ก็กลับบ้าน

  นางก็เงินเดือน 30,000  กว่าๆ แล้ว   ส่วน   OT   ก็เบิกได้เครั้งละ 500 บ. .........  ทำงานคุ้มภาษีที่ปชช.เสียไปไหมค่ะ



เราเองก็แอบกัดนางเล็กๆ ตลอด  ว่า แม่ข้าราชการสาวดีเด่น  งานเต็มไม้เต็มมือมั่กม้ากเบย   วันๆมัวแต่ทำหน้าสวย นะยะ    





สุดท้าย สังคมคนดี๊ดี  ควรจะกล้า ออกมายอมรับความเป็นจริงกันเสียทีนะคะ ว่าใครกันแน่ที่ โกงกินมาก  อย่าว่าแต่นักการเมืองเลยค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ผมเคยรับราชการกระทรวงสาธารณสุข
ตำแหน่ง ก็อยู่ระหว่างหมอ กับ พยาบาล (เรียนในมหาวิทยาลัย 5 ปี คงเดาได้ตำแหน่งอะไร)

ทำงานก็ประมาณปี ก่อน รสช ปฏิวัติ 4-5 ปี

บรรจุครั้งแรก โดนบังคับทำงานที่กระทรวง เมื่อก่อนอยู่เทเวศน์ เพราะไม่ต้องจับสลากไปลงบรรจุ เนื่องจากได้เกียรตินิยม
ทำได้ 1 ปี ก็เบื่อเลยขอทำงานโรงพยาบาลในกรุงเทพ  ที่คนไข้ต้องมาเอาบัตรคิวตั้งแต่ ตี 5

กระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงของหมอ หมอเป็นใหญ่ตำแหน่งอื่นขึ้นสู้ระดับสูงยาก และที่สำคัญหมอถูกเสมอ
ขนาดผมแย้งการสั่ง เกินขนาดยา overdose ที่หมอสั่งเกิน ยังโดน-ดันเก่งนักไล่ให้ไปเรียนหมอ  โรงพยาบาลที่ผมอยู่
หมอปลดเกษียณด้วยตำแหน่ง ปลัดกระทรวงบ้าง อธิบดีบ้าง  ดังนั้นการที่ผมไปแย้งอาจจะทำให้ท่านเสียหน้า แต่ถ้าเด็กซึ่ง
เป็นผุ้รับยาตอนนั้นทานไป อาจมีผลต่อตับหรือตับวายได้  นี่ก็สาเหตุหนึ่งที่ผมไม่ทำงานสายนี้ และทิ้งใบประกอบโรคศิลป์ไปเลย

ประสบการณ์ ขอเล่าเป็รคำบอกเล่า ไม่บอกชื่อโรงพยาบาล บุคคล แล้วกัน
ส่วนหนึ่งที่ผมรู้จัก (วัดจากการทำงานสายนี้ 4-5 ปี) หมอที่คนดี จรรยาบรรณสูง ทำงานไม่เท่าไหรย้าย หรือลาออก หรือลาไปเรียน
ส่วนหมอที่อยู่ ก็มากประสบการณ์ทั้งการรักษา และการเอาประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง  

ขอยกตัวอย่างประโยชน์ส่วนตน
1. ค่าคอมมิชชั่น จากการจ่ายยาตัวนั้นมาก (เป็นการตกลงระหว่างหมอกับ detail) บางครั้งบอกว่ายาตัวนี้หมด ขอจ่ายตัวแทนได้ไหม ความจริง
ไม่ต้องถามก็ได้ ผมจ่ายได้เลย เพราะชื่อสามัญทางยาเดียวกัน  แต่ต่างกันที่ชื่อการค้า แต่เคยโดนหมอต่อว่าทำไมไม่ stock ให้พอ เพราะ detail
ไปฟ้อง  ดังนั้น ร.พ. ที่ผมอยู่ มียาทุกยี้ห้อ ที่ประเทศไทยจำหน่าย  ดังนั้น มันจึงมีตัวยาเดียวกัน แต่ชื่อทางค้าต่างกัน ก็แล้วแต่หมอแต่ละคนจะจ่ายตัวไหน ได้คุยกับ detail คนไหน ซึ่งผมดูแล้วมันยากจะเชื่อว่าหมอจะไม่รู้เรื่องด้วย

2. หมอระดับหัวหน้าตึก หรืออาจารย์หมอมากประสบการณ์ เวลาท่านจะซื้อยาเข้าคลีนิค ได้สิทธิพิเศษคือซื้อราคาทุน ที่ห้องจ่ายยาได้เลย ไม่รู้สมัยนี้ ยังจะทำอย่างนั้นได้ไหม   ที่สำคัญ สั่งทำยาน้ำ เป็นแกลลอน คิดราคาทุนอีก  ไม่รู้ว่าทำยาเพื่อคนไข้ หรือเพื่อสนองประโยชน์ไปเปิดคลีนิค
ที่บรรจุขวดสำเร็จ มีราคาไม่ซื้อ ต้องทำให้ไหม่  บางทีทำให้ก็แค่ 4-5 ลิตร ซึ่งมันไม่คุ้มกับการเสียเวลา แต่ไม่ทำก็จะมีปัญหา  ตามที่ผมบอก หมอที่นี่ มีตำแหน่งในอนาคต ใหญ่ๆ ในกระทรวงเยอะ ถ้ามีปัญหา รุ้น่ะจะเกิดอะไร

3. บางครั้งคนไข้ต้องรอหมอตรวจ 10 โมงเช้า  ทั้งๆที่คนไข้เขามารอ ตั้งแต่เช้า หมอจะอ้างไปตรวจคนไข้ ตามวอร์ด แต่ผมสอบถามจริงๆ บางคนขึ้นตรวจคนไข้ในจริงครับ แต่บางคนไปตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาลเอกชน หรือคลีนิคตัวเอง  (ไม่ทราบสมัยนี้จะมีอีกไหมแบบนี้อีกไหม)  ที่ผมรู้เพราะว่าตอนเย็นผมต้องไปทำงานพิเศษที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง  ก้คุ้นหน้าหมอหลายท่านที่นั้น  ไม่ต้องอธิบายอะไรมากน่ะครับ ว่าผมรู้ได้ไงว่าหมอบางท่านถึงไปตรวจคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชน เบียดบังเวลาราชการ   (ไม่ได้อยู่รอกลับมาพร้อมหมอหรอกครับ บุคคลนำบอกเล่ามี)

4. ตอนปี ประมาณ 2531-2532 จำไม่ได้ปีไหนแน่ น้ำท่วมลาดกระบัง มีนบุรี ผมต้องออกหน่วยแพทย์เคลื่อนไปช่วยประชาชน ตอนนั้น หมอยุทธยุทธ โพธารามิก ท่านยังหนุ่มๆ อยู่เลย  ไปออกอยู่หลายเดือน ทุกวัน  จนกระทรวงสาธารณสุขได้ตอบแทนรางวัล ให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับได้ 2 ขั้น
แต่มีผมคนเดียวไม่ได้  ตอนนั้นไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าโรงพยาบาลที่เขาไม่ให้เราเพราะมีคนที่เหมาะสมกว่า และควรได้ไป แต่มารู้ที่หลังว่าคนที่ได้ เป็นหน้าห้องของผู้มีอำนาจ และได้ลาคลอดด้วย ทำให้อึ้งและผิดหวังกับระบบราชการที่นี่

มันจึงเป็นสาเหตุที่ผมอึดอัด และได้สอบโอนย้ายไปทำงานที่อื่น กระทรวงอื่น คนละสายงานกันเลย ยอมลด ซี ลดเงินเดือน แต่ไปแล้วสบายใจกว่า
ได้ช่วยประชาชนมากกว่า  และผมก็ยืนยันว่าทุกองค์กร ไม่ว่าที่ผมทำงานอยู่ปัจจุบัน และอดีตที่กระทรวงสาธารณสุข  มีทั้งคนดี มีอุดมการณ์ ยังทำหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขันแม้ไม่ได้รับราชการหรือทำงานราชการอยู่ในปัจจุบันก็ตาม  แต่ยังมีบางคนยังทำตัวเป็นเหลือบ ลิ้น เห็บเกาะหาผลโยชน์ก็ยังมีให้เห็นอยู่ทุกวงการ

ขอยกตัวอย่างเพื่อนผมที่เป็นคนดีคนหนึ่ง ตอนนี้ตายไปแล้ว  เขาเป็นทันตแพทย์ ทำงานโรงพยาบาลแค่ 5-6 ปีก็ลาออก มาเปิดคลีนิคใช้เงินพ่อแม่เปิด หมดไปหลายสิบล้าน(พ่อแม่เขารวย) เด็กทำฟันฟรี  คนแก่ทำฟันฟรี คนอื่นๆ คิดราคาเท่าโรงพยาบาลของรัฐ  เพื่อนผมทำไปด้วยความสุข ด้วยอุดมการณ์ของการเป็นหมอฟันที่มันใฝ่ฝันแต่เด็ก แม้มันบอกกูไม่ได้กำไรเลยว่าขาดทุนทุกเดือน และกูได้กำไรจากรอยยิ้มและความสุขที่เขามีให้ บางคนเอาพระมาให้ บางคนเอาผลไม้มาฝาก แค่นี้กูก็พอใจ  และที่เพื่อนผมออกจากโรงพยาบาล ก็ด้วยเหตุผลเดียวกับผมคือทนเห็นอะไร หรือเป็นเครื่องมือให้เขาไม่ได้ต่อไป  ผมยังเสียใจที่เพื่อนผมตายไปก่อนวัยอันควร ตายมา 20 กว่าปีแล้ว ถ้ามันอยู่คงช่วยเหลือคนได้อีกเยอะ

ปล. ผมคนหนึ่งที่ไม่คิดจะโกง มีเงินเดือนพอใช้ไม่เดือดร้อน  ไม่เคยขายใบประกอบโรคศิลป์ไปให้คนอื่นแปะชื่อขายยา
      อยู่อย่างพอเพียง ไม่มีก็ไม่กิน  ไม่คิดโกง แม้มีโอกาสให้โกงและได้ผลประโยชน์ก็ไม่คิดจะทำ  ดังนั้นความจนไมไ่ด้เป็นข้ออ้าง
      ให้คนไม่สุจริตสำหรับผม
ความคิดเห็นที่ 1
บ้านเมืองอยู่ยากขึ้นทุกวัน เวลาเกิดเรื่องทุจจริต ก็ต้องดูว่าเป็นคนมีเส้นมั้ย
เป็นนักการเมืองฝ่ายไหน และอย่าหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม กรณีข้าราชการชั้นผู้ไหญ่
ขโมยภาพจากญี่ปุ่น ถึงแม้จะเป็นไม่ไหญ่โต แต่นำความเสื่อมเสียต่อประเทศอย่างยิ่ง ข่าวดังไปทั่วโลก
ต่อไปถ้าจะไปต่างประเทศ ก็คงจะถูกมองด้วยสายตา เหยียดหยาม รู้จักอายเค้าบ้างมั้ย แล้วยังมาพูดปกปร้องกันอีก
ความคิดเห็นที่ 10
ขรรมหนักว่า ตัวอย่างมาแสดงตัวอีกรอบ 555

ยินดีกับคุณหมอด้วยค่ะ มีแฟนขับรายใหญ่มาการันตีกระทู้คุณหมอ ภูมิใจได้เลยค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอบคุณแฟนขับคุณหมอเป็นอย่างสูง ที่ทำให้ได้มีโอกาสได้มาแสดงความเห็นเพิ่ม เรื่อง แปลงสาร

คือบางคนเนี่ย ถนัดการตัดแปะ พูดจาโยงมั่วๆ สร้างวาทกรรม เอาดีเข้าตัวฯ นิสัยเหมือน ปชป. เป๊ะ
นี่แหละนักแปลงสารมืออาชีพ

เอากระทู้ต้นเรื่องมาให้เลย เพื่อนๆ ที่มาอ่านทีหลังจะได้เข้าใจเนื้อหาทั้งหมด

คุณหมอเคยตั้งกระทู้นี้ไว้ค่ะ https://pantip.com/topic/35487526
หลังประชามติผ่าน มาจับตาดู เรื่องการเปลี่ยน 30 บ. รักษาทุกโรค เป็น ช่วยจ่าย 30% ของค่ารักษาทั้งหมด ว่าจริงไหม ????

เพื่อนๆ ก็ลองไปอ่านเนื้อหาดู คุณหมอมาเล่าเรื่องแฉอีกมุมหนึ่งที่เราไม่มีโอกาสรู้ให้ได้ฟัง

แล้วก็มีสมาชิกท่านหนึ่งมาให้ความเห็นดังกล่าว อ่อ หากใครสะดวก กดดูโปรไฟล์การตอบก็จะรู้แนวคิดของสมาชิกท่านนั้น
แล้วจะไม่แปลกใจเลยที่มีบางคนแคปมาอ้างอิง 555

แถมไม่แคปส่วนที่คุณหมอตอบมาด้วย อ่ะ ใจดี ยกมาให้ตรงนี้เลยค่ะ



แต่เพื่ออรรถรส เพื่อนๆ ตามไปอ่านเนื้อหาและความเห็นต่างๆ ของกระทู้นั้นด้วยตัวเองอีกทีก็จะยิ่งเข้าใจค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งที่มายกตัวอย่างให้เห็นกันจะๆ 555555555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่