ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ อุรุเวลา, คุณ jazzzero, คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ มานีโอลา, จารย์จี GTW, คุณดาว Lady Star 919, เสี่ย kasareev, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ เป่าชาง, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ nasa nasa
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทที่ 10
https://pantip.com/topic/35992032
บทที่ 11
https://pantip.com/topic/35999142
บทที่ 12
https://pantip.com/topic/36005614
บทที่ 13
https://pantip.com/topic/36008955
บทที่ 14
https://pantip.com/topic/36015042
บทที่ 15
https://pantip.com/topic/36022170
บทที่ 16
https://pantip.com/topic/36025947
บทที่ 17
https://pantip.com/topic/36032009
บทที่ 18
https://pantip.com/topic/36038614
บทที่ 19
https://pantip.com/topic/36045647
บทที่ 20
https://pantip.com/topic/36052025
บทที่ 21
ปณิตารวบรวมกระดาษฟางที่ใช้ห่อแซนวิชรวมทั้งถ้วยกระดาษใช้แล้วเข้าด้วยกัน ยัดใส่ลงในถุงขยะ แล้วใส่กลับลงในตะกร้าปิกนิกอีกที มองหาเด็กๆ ก็เห็นนั่งเคียงกันอยู่บนแผ่นหินกว้างซึ่งยื่นออกไปเหนือพื้นน้ำ บริเวณนั้นต่ำเสียจนขาสั้นๆ ของเด็กทั้งคู่ลงไปแช่อยู่ในน้ำได้สบายๆ มีพี่เลี้ยงสาวน้อยคอยระแวดระวังอยู่ข้างๆ
พิจารณาดูแล้วเห็นว่าแผ่นหินนั้นกว้างและอยู่ในระดับต่ำมาก ไม่น่ากลัวจนเกินไปนัก กอปรกับน้ำตรงนั้นตื้นกว่าบริเวณอื่น ถ้าเด็กคนใดคนหนึ่งตกลงไปก็จะไม่จม รู้ด้วยว่าน้อยว่ายน้ำแข็ง จึงได้วางใจ
เลื่อนตะกร้าอาหารไปไว้ใต้ร่มไม้แล้วขยับลุก ปัดขากางเกงที่สวมสองสามครั้งพอเป็นพิธี แหงนดูท้องฟ้าก็เห็นแสงแดดยังคงส่องสว่างเป็นปกติดี อดถามตัวเองไม่ได้ว่ากำลังคอยอะไร รู้ว่าคอยนั่นแหละ ก็ในหนังไทยที่เคยดู เรื่องไหนเรื่องนั้น เวลาที่หมอผีทำพิธีจับผีลงหม้อ ดินฟ้าอากาศจะปั่นป่วนไปหมดไม่ใช่หรือ นี่ทำไมไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยสักอย่าง หรือเขากำลังทำพิธีแบบอื่นกัน
เมื่อทุกอย่างยังคงเงียบสงบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ใจซึ่งหมกมุ่นอยู่กับพิธีกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่คงยังดำเนินอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น ความอยากรู้อยากเห็นว่ารูปในสมุดภาพของนนท์นั้นถ่ายกันตรงไหนกลับมาแทนที่
จากจุดนี้ มองไปทางน้ำตกซึ่งอยู่ตรงหน้าก็แน่ใจว่าคนที่ถ่ายรูปนั้นคงปักหลักอยู่แถวนี้เอง ลองพิจารณาหามุมซึ่งน่าจะเป็นไปได้ แล้วขยับไปทางขวามือทีละนิด จนถึงหินอีกก้อนซึ่งอยู่สูงกว่า มีต้นไม้ขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาอยู่ครึ่งๆ จากมุมนี้มองไปทางน้ำตกเห็นชะง่อนหินก้อนใหญ่ทางฝั่งขวาซึ่งอยู่สูงขึ้นไปพอสมควร ตรงนั้นแน่นอนที่แม่ของนนท์และนิพนั่งอยู่เมื่อใครคนหนึ่งถ่ายรูปนั้น
ครูสาวทรุดนั่งลงบนพื้นหินสากๆ ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นมากอดไว้หลวมๆ ครุ่นคิดว่าเมื่อรู้ว่าภาพนั้นถ่ายจากจุดไหนแล้วอย่างไรต่อไป มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตซึ่งเคยเกิดขึ้นบริเวณนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่ทำให้คุณคมตกลงมาตาย...คุณคมกับผู้ชายอีกคนที่ชื่อน่าน วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้ชายยังหนุ่มแน่นสองคนจึงได้จบชีวิตลงพร้อมกันแบบนั้น
นั่งอยู่ท่าเดียวตั้งนานแล้วก็ยังไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นเสียที ทั้งๆ ที่พร้อมแล้วไม่ว่าเหตุการณ์ที่เห็นจะน่ากลัวสักเพียงไรก็ตาม ในเวลานี้นอกจากเสียงน้ำไหลกระทบโตรกหินแล้วก็มีเพียงเสียงใบไม้เสียดสีกันตามแรงลมที่พัดผ่านเท่านั้นเอง
หรือว่าจะต้องมาที่นี่ในช่วงเวลาที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นพอดี ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่คุณณัฐฐานั่งอยู่บนชะง่อนหินก้อนนั้นแล้วมีใครคนหนึ่งถ่ายรูป หรืออีกช่วงเวลาที่คุณคมตกลงมาตาย สงสัยว่าถ้ามาแถวนี้ตรงกับเวลาที่เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วจะมีโอกาสได้เห็นไหม
ตอนนี้ถ้าใครว่าสติสตังเธอไม่อยู่กับร่องกับรอยไปแล้วที่เชื่อเรื่องพวกนี้ ปณิตาก็จะยิ้มรับอย่างยินดี ว่าไปแล้วในเวลานี้ไม่เพียงเชื่ออย่างเดียวเท่านั้น ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งเปิดใจยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รู้ได้เห็นอย่างชนิดที่ไม่มีข้อสงสัยอะไรหลงเหลืออยู่อีกเสียด้วยซ้ำ
ก็ลองคิดดู น่าตื่นเต้นหยอกอยู่เมื่อไหร่ ที่อยู่ดีๆ ก็รู้ว่าตัวเองมีญาณพิเศษ สื่อกับโลกซึ่งคนส่วนใหญ่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ด้วยว่าตัวเองไม่มีอันตรายเมื่อเข้าไปสัมผัสโลกนั้น
ลองทบทวนที่เคยเจอมานับแต่วันแรก แม้จะอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมเพียงใด เธอก็เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง ถ้าทั้งหมดที่เห็นเกิดจาก ‘เขา’ คนนั้น เธอก็แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้ต้องการให้เธอได้รับอันตราย คงเพียงอยากให้ได้เห็น อาจเพื่อเตือนถึงภัยอันตราย หรืออาจเพื่อให้เป็นพยานรู้เห็นอะไรบางอย่าง
…แต่ว่าอะไรล่ะ
ลุงผันเคยบอกว่าการตายของคุณคมและผู้ชายคนนั้น ตำรวจเอาผิดกับใครไม่ได้ สรุปคดีว่าฆ่ากันตายเอง เรื่องก็เลยจบลงเพียงเท่านั้น จบง่ายๆ อย่างนั้นเองทั้งๆ ที่มีคนตายตั้งสองคน
...ว่าไปแล้วก็น่าคิด เรื่องมันเป็นอย่างนั้นจริงหรือ คุณคมกับผู้ชายคนนั้นฆ่ากันตายเองจริงหรือ นั่นหรือเปล่าคือเรื่องที่เขาอยากให้เธอได้รู้
คิดแล้วก็น่าเห็นใจ ผู้ชายยังหนุ่มหน้าตาดีขนาดนั้นต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เขาตายอย่างไร รู้ว่าตกลงมาตายเหมือนคุณคมนั้นแน่ล่ะ แต่อยู่ดีๆ คนหนุ่มแข็งแรงขนาดนั้นจะตกลงมาจากผาสูงได้อย่างไร และสมมติว่าเขาตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้นจริงก็ไม่น่าจะตายในทันที เขาน่าจะว่ายน้ำได้ ยิ่งถ้าตอนที่ตกลงมาเขายังมีสติดีอยู่
…นี่เขาจะรู้ไหมว่าเธออยากรู้อยากเห็นเพียงไร
เขาเคยแนะนำให้หาโอกาสมาที่น้ำตกแห่งนี้ ปณิตาจำได้ดี นี่เธอก็มาถึงที่นี่แล้ว แต่ทำไมไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง
เบี่ยงเบนสายตาไปทางเด็กๆ อีกครั้ง เป็นความระวังระไวตามความเคยชินมากกว่าอะไรอื่น พอเห็นน้อยก็คิดได้ว่าเคยอยากถามถึงเรื่องราวแต่หนหลัง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาสได้ถามอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักที แต่จะถามในเวลานี้คงไม่เหมาะแน่ในเมื่อมีเด็กๆ อยู่ด้วย คงต้องคอยไปก่อน
อากาศยามบ่ายที่นี่สดชื่นเย็นสบาย ลมพัดเอื่อยๆ มาเป็นระยะชวนให้เคลิ้ม เสียงน้ำไหลลงกระทบโขดหินดังซู่ซ่าไม่ขาดระยะ ฟังดูนานๆ ก็เพลินดีเหมือนกัน ประกอบกับเสียงนกร้องตามแมกไม้ ที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง ให้ความรู้สึกสงบจนชวนให้ง่วงงุนได้อย่างน่าประหลาด
ปณิตาเหยียดขาทั้งสองข้างยาวออกไปข้างหน้า เอนตัวไปทางด้านหลังแล้วใช้สองมือยันไว้กับแผ่นหิน เพียงไม่นานก็รู้สึกว่าหนังตาชักจะหนักขึ้นทุกที
กำลังเคลิ้มอยู่ทีเดียว เสียงดังตูมเหมือนอะไรบางอย่างตกลงไปในน้ำทำเอาสะดุ้งสุดตัว หนังตาที่เริ่มปรือเบิ่งกว้างทันควัน คิดถึงเด็กๆ ก่อนอื่นใด
ใจหายวาบเมื่อมองกลับไปทางที่ซึ่งน้อยและเด็กๆ นั่งเล่นกันอยู่แล้วไม่เห็นใครสักคน
ครูสาวผุดลุกพรวดพราด กระโจนข้ามหินแต่ละก้อนไปยังบริเวณนั้นราวถูกใครผลัก ปากก็ตะโกนเรียกไปด้วย
“น้อย! นิพ!”
ไม่ได้เรียกชื่อเด็กอีกคนเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใด ถึงเรียกไปแกก็ไม่ขานรับอยู่ดี
ร่างโปร่งในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมง กางเกงยีน เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่ง ปล่อยชายไว้นอกกางเกง รองเท้าผ้าใบ หมุนคว้างอยู่บนแผ่นหินราบเรียบซึ่งเมื่อครู่พี่เลี้ยงวัยรุ่นและเด็กตัวเล็กๆ สองคนนั่งเล่นกันอยู่ อารมณ์ชักจะขุ่นมัวขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อคิดว่าน้อยพาเด็กไปไหนทำไมจึงไม่บอกให้รู้เสียก่อน
สอดส่ายสายตาไปทางแนวป่าด้านหลังก็ไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว
คิดไปถึงเสียงเหมือนอะไรบางอย่างตกลงไปในน้ำเมื่อครู่แล้วแทบทรุดลงตรงนั้นเอง จะเป็นเด็กคนใดคนหนึ่งได้หรือเปล่า หรือว่าทั้งสามคน…รวมพี่เลี้ยงของเด็กด้วย
คุ้มสีทอง (บทที่ 21)
ขอบคุณ คุณ อุรุเวลา, คุณ jazzzero, คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ มานีโอลา, จารย์จี GTW, คุณดาว Lady Star 919, เสี่ย kasareev, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ เป่าชาง, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ nasa nasa
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทที่ 10 https://pantip.com/topic/35992032
บทที่ 11 https://pantip.com/topic/35999142
บทที่ 12 https://pantip.com/topic/36005614
บทที่ 13 https://pantip.com/topic/36008955
บทที่ 14 https://pantip.com/topic/36015042
บทที่ 15 https://pantip.com/topic/36022170
บทที่ 16 https://pantip.com/topic/36025947
บทที่ 17 https://pantip.com/topic/36032009
บทที่ 18 https://pantip.com/topic/36038614
บทที่ 19 https://pantip.com/topic/36045647
บทที่ 20 https://pantip.com/topic/36052025
ปณิตารวบรวมกระดาษฟางที่ใช้ห่อแซนวิชรวมทั้งถ้วยกระดาษใช้แล้วเข้าด้วยกัน ยัดใส่ลงในถุงขยะ แล้วใส่กลับลงในตะกร้าปิกนิกอีกที มองหาเด็กๆ ก็เห็นนั่งเคียงกันอยู่บนแผ่นหินกว้างซึ่งยื่นออกไปเหนือพื้นน้ำ บริเวณนั้นต่ำเสียจนขาสั้นๆ ของเด็กทั้งคู่ลงไปแช่อยู่ในน้ำได้สบายๆ มีพี่เลี้ยงสาวน้อยคอยระแวดระวังอยู่ข้างๆ
พิจารณาดูแล้วเห็นว่าแผ่นหินนั้นกว้างและอยู่ในระดับต่ำมาก ไม่น่ากลัวจนเกินไปนัก กอปรกับน้ำตรงนั้นตื้นกว่าบริเวณอื่น ถ้าเด็กคนใดคนหนึ่งตกลงไปก็จะไม่จม รู้ด้วยว่าน้อยว่ายน้ำแข็ง จึงได้วางใจ
เลื่อนตะกร้าอาหารไปไว้ใต้ร่มไม้แล้วขยับลุก ปัดขากางเกงที่สวมสองสามครั้งพอเป็นพิธี แหงนดูท้องฟ้าก็เห็นแสงแดดยังคงส่องสว่างเป็นปกติดี อดถามตัวเองไม่ได้ว่ากำลังคอยอะไร รู้ว่าคอยนั่นแหละ ก็ในหนังไทยที่เคยดู เรื่องไหนเรื่องนั้น เวลาที่หมอผีทำพิธีจับผีลงหม้อ ดินฟ้าอากาศจะปั่นป่วนไปหมดไม่ใช่หรือ นี่ทำไมไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยสักอย่าง หรือเขากำลังทำพิธีแบบอื่นกัน
เมื่อทุกอย่างยังคงเงียบสงบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ใจซึ่งหมกมุ่นอยู่กับพิธีกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่คงยังดำเนินอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น ความอยากรู้อยากเห็นว่ารูปในสมุดภาพของนนท์นั้นถ่ายกันตรงไหนกลับมาแทนที่
จากจุดนี้ มองไปทางน้ำตกซึ่งอยู่ตรงหน้าก็แน่ใจว่าคนที่ถ่ายรูปนั้นคงปักหลักอยู่แถวนี้เอง ลองพิจารณาหามุมซึ่งน่าจะเป็นไปได้ แล้วขยับไปทางขวามือทีละนิด จนถึงหินอีกก้อนซึ่งอยู่สูงกว่า มีต้นไม้ขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาอยู่ครึ่งๆ จากมุมนี้มองไปทางน้ำตกเห็นชะง่อนหินก้อนใหญ่ทางฝั่งขวาซึ่งอยู่สูงขึ้นไปพอสมควร ตรงนั้นแน่นอนที่แม่ของนนท์และนิพนั่งอยู่เมื่อใครคนหนึ่งถ่ายรูปนั้น
ครูสาวทรุดนั่งลงบนพื้นหินสากๆ ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นมากอดไว้หลวมๆ ครุ่นคิดว่าเมื่อรู้ว่าภาพนั้นถ่ายจากจุดไหนแล้วอย่างไรต่อไป มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตซึ่งเคยเกิดขึ้นบริเวณนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่ทำให้คุณคมตกลงมาตาย...คุณคมกับผู้ชายอีกคนที่ชื่อน่าน วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้ชายยังหนุ่มแน่นสองคนจึงได้จบชีวิตลงพร้อมกันแบบนั้น
นั่งอยู่ท่าเดียวตั้งนานแล้วก็ยังไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นเสียที ทั้งๆ ที่พร้อมแล้วไม่ว่าเหตุการณ์ที่เห็นจะน่ากลัวสักเพียงไรก็ตาม ในเวลานี้นอกจากเสียงน้ำไหลกระทบโตรกหินแล้วก็มีเพียงเสียงใบไม้เสียดสีกันตามแรงลมที่พัดผ่านเท่านั้นเอง
หรือว่าจะต้องมาที่นี่ในช่วงเวลาที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นพอดี ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่คุณณัฐฐานั่งอยู่บนชะง่อนหินก้อนนั้นแล้วมีใครคนหนึ่งถ่ายรูป หรืออีกช่วงเวลาที่คุณคมตกลงมาตาย สงสัยว่าถ้ามาแถวนี้ตรงกับเวลาที่เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วจะมีโอกาสได้เห็นไหม
ตอนนี้ถ้าใครว่าสติสตังเธอไม่อยู่กับร่องกับรอยไปแล้วที่เชื่อเรื่องพวกนี้ ปณิตาก็จะยิ้มรับอย่างยินดี ว่าไปแล้วในเวลานี้ไม่เพียงเชื่ออย่างเดียวเท่านั้น ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งเปิดใจยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รู้ได้เห็นอย่างชนิดที่ไม่มีข้อสงสัยอะไรหลงเหลืออยู่อีกเสียด้วยซ้ำ
ก็ลองคิดดู น่าตื่นเต้นหยอกอยู่เมื่อไหร่ ที่อยู่ดีๆ ก็รู้ว่าตัวเองมีญาณพิเศษ สื่อกับโลกซึ่งคนส่วนใหญ่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ด้วยว่าตัวเองไม่มีอันตรายเมื่อเข้าไปสัมผัสโลกนั้น
ลองทบทวนที่เคยเจอมานับแต่วันแรก แม้จะอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมเพียงใด เธอก็เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง ถ้าทั้งหมดที่เห็นเกิดจาก ‘เขา’ คนนั้น เธอก็แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้ต้องการให้เธอได้รับอันตราย คงเพียงอยากให้ได้เห็น อาจเพื่อเตือนถึงภัยอันตราย หรืออาจเพื่อให้เป็นพยานรู้เห็นอะไรบางอย่าง
…แต่ว่าอะไรล่ะ
ลุงผันเคยบอกว่าการตายของคุณคมและผู้ชายคนนั้น ตำรวจเอาผิดกับใครไม่ได้ สรุปคดีว่าฆ่ากันตายเอง เรื่องก็เลยจบลงเพียงเท่านั้น จบง่ายๆ อย่างนั้นเองทั้งๆ ที่มีคนตายตั้งสองคน
...ว่าไปแล้วก็น่าคิด เรื่องมันเป็นอย่างนั้นจริงหรือ คุณคมกับผู้ชายคนนั้นฆ่ากันตายเองจริงหรือ นั่นหรือเปล่าคือเรื่องที่เขาอยากให้เธอได้รู้
คิดแล้วก็น่าเห็นใจ ผู้ชายยังหนุ่มหน้าตาดีขนาดนั้นต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เขาตายอย่างไร รู้ว่าตกลงมาตายเหมือนคุณคมนั้นแน่ล่ะ แต่อยู่ดีๆ คนหนุ่มแข็งแรงขนาดนั้นจะตกลงมาจากผาสูงได้อย่างไร และสมมติว่าเขาตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้นจริงก็ไม่น่าจะตายในทันที เขาน่าจะว่ายน้ำได้ ยิ่งถ้าตอนที่ตกลงมาเขายังมีสติดีอยู่
…นี่เขาจะรู้ไหมว่าเธออยากรู้อยากเห็นเพียงไร
เขาเคยแนะนำให้หาโอกาสมาที่น้ำตกแห่งนี้ ปณิตาจำได้ดี นี่เธอก็มาถึงที่นี่แล้ว แต่ทำไมไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง
เบี่ยงเบนสายตาไปทางเด็กๆ อีกครั้ง เป็นความระวังระไวตามความเคยชินมากกว่าอะไรอื่น พอเห็นน้อยก็คิดได้ว่าเคยอยากถามถึงเรื่องราวแต่หนหลัง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาสได้ถามอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักที แต่จะถามในเวลานี้คงไม่เหมาะแน่ในเมื่อมีเด็กๆ อยู่ด้วย คงต้องคอยไปก่อน
อากาศยามบ่ายที่นี่สดชื่นเย็นสบาย ลมพัดเอื่อยๆ มาเป็นระยะชวนให้เคลิ้ม เสียงน้ำไหลลงกระทบโขดหินดังซู่ซ่าไม่ขาดระยะ ฟังดูนานๆ ก็เพลินดีเหมือนกัน ประกอบกับเสียงนกร้องตามแมกไม้ ที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง ให้ความรู้สึกสงบจนชวนให้ง่วงงุนได้อย่างน่าประหลาด
ปณิตาเหยียดขาทั้งสองข้างยาวออกไปข้างหน้า เอนตัวไปทางด้านหลังแล้วใช้สองมือยันไว้กับแผ่นหิน เพียงไม่นานก็รู้สึกว่าหนังตาชักจะหนักขึ้นทุกที
กำลังเคลิ้มอยู่ทีเดียว เสียงดังตูมเหมือนอะไรบางอย่างตกลงไปในน้ำทำเอาสะดุ้งสุดตัว หนังตาที่เริ่มปรือเบิ่งกว้างทันควัน คิดถึงเด็กๆ ก่อนอื่นใด
ใจหายวาบเมื่อมองกลับไปทางที่ซึ่งน้อยและเด็กๆ นั่งเล่นกันอยู่แล้วไม่เห็นใครสักคน
ครูสาวผุดลุกพรวดพราด กระโจนข้ามหินแต่ละก้อนไปยังบริเวณนั้นราวถูกใครผลัก ปากก็ตะโกนเรียกไปด้วย
“น้อย! นิพ!”
ไม่ได้เรียกชื่อเด็กอีกคนเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใด ถึงเรียกไปแกก็ไม่ขานรับอยู่ดี
ร่างโปร่งในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมง กางเกงยีน เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่ง ปล่อยชายไว้นอกกางเกง รองเท้าผ้าใบ หมุนคว้างอยู่บนแผ่นหินราบเรียบซึ่งเมื่อครู่พี่เลี้ยงวัยรุ่นและเด็กตัวเล็กๆ สองคนนั่งเล่นกันอยู่ อารมณ์ชักจะขุ่นมัวขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อคิดว่าน้อยพาเด็กไปไหนทำไมจึงไม่บอกให้รู้เสียก่อน
สอดส่ายสายตาไปทางแนวป่าด้านหลังก็ไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว
คิดไปถึงเสียงเหมือนอะไรบางอย่างตกลงไปในน้ำเมื่อครู่แล้วแทบทรุดลงตรงนั้นเอง จะเป็นเด็กคนใดคนหนึ่งได้หรือเปล่า หรือว่าทั้งสามคน…รวมพี่เลี้ยงของเด็กด้วย