คนสร้างบ้าน เป็นคุณเจอคนที่คิดว่าดีในชีวิตแล้วเจอเหตุการเหมือนผมควรทำไง

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่อยากเขียนขึ้นมาเพื่อที่จะถามความเห็นของเพื่อนๆ ชาวพันทิพ
    เริ่มเรื่องเลยแล้วกันน่ะครับ  ผมทำงานเป้นวิศวกรโครงการนึงใช้ชีวิตทำงานไปจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทยมาพอสำควร และใช้ชีวิตมาคิดว่าคุ้มแล้วที่จะสร้างครอบครัว พร้อมแล้วที่จะหยุดชีวิตกับคนๆนึง เพราะก่อนหน้านี้ เคยใช้ชีวิตในเมืองกรุงหลังจากเรียนจบ ชีวิตดีมากตอนนั้น ทำงานกินเที่ยว ตามประสาคนเพิ่งเรียนจบ คิดว่าชีวิตช่วงนั้นสนุก ทำงานได้ หาเงินได้ เที่ยวได้ มีผู้หญิงมาติดพันเยอะ  ทั้งๆที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้ว ก็ตามประสาชีวิตผู้ชาย จนวันนึงได้รับคำสั่งให้ไปดูโครงการจังหวัดทางภาคเหนือ ตอนแรกคิดว่าจะไม่ไป  ไม่อยากห่างแฟน  ไม่อยากหาเมืองหลวง (ที่สำคัญไม่อยากห่างกิ๊กๆ เด็กๆทั้งหลาย )
แต่อย่างไรก็ตาม  หน้าที่ก็ต้องไปทำ  วันแรกที่ไป คิดว่าคงไม่มีห่างไม่มีผับ  ไม่มีอะไรเหมือนเมืองกรุง  แต่ที่ไหนได้  ถ้าได้ไปเหนือคงรู้ว่าสาวสวย เหล้าถูก สาวๆก็เยอะซะเหลือเกิ๊น  ลืมความคิดที่คิดอคติตั้งแรกไว้เลย  เพราะร้านเหล้ามันเยอะกว่า 7 มากๆ  ใช้ชีวิตอยู่อย่ามีความสุข  ฮ่าสาวเหนือสวยมาก ลืมแฟนไปเลยตอนนั้น  ผมได้ใช้ชีวิตอยู่เหนือมาเกือบปีก็ต้องลาออก  เพราะทางบ้านคงเห้นแล้วว่าถ้าคงยังใช้ชีวิตอยู่เหนือคงไม่มีประโยชน์อะไร  ผมเลยได้ลาออกจากบริษัทเก่า  มาเริ่มงานใหม่ที่ทางใต้  ฝั่งบ้านผมเอง และมันเป้นส่วนที่จะเกิดเรื่องหลายเรื่องในชีวิตผม  จนผมต้องมาตั้งกระทู้ถามเพื่อนๆชาวพันทิพ เพราะผมเองคิดไม่ออกจริงๆ ถามตัวเองมาหลายครั้ง

         เริ่มเรื่องเลยแล้วกันหลังจากที่ผมย้ายมาอยู่ใต้ ผมก็มีแฟนใหม่เป้นรุ่น้องคนนึงที่เคยคุยกันมานานมากแล้ว จนเราตกลงว่าจะคบกันเป้นแฟนกัน ก่อนหน้านั้นผมเลิกกับแฟนคนเก่าไปแล้วน่ะครับ  เลยตัดสินใจคบกับรุ่นน้องคนนี้  แทนชื่อว่าเอ็มแล้วกันเนอะ น้องเค้าเป้นคนน่ารัก นิสัยคุณหนูๆเลยก็ว่าได้เรียนคณะทางการแพทย์ ดูดีเลยในสายตาผม  ผมเองก็คิดว่าจะคบกับรุ่นน้องคนนี้จริงจัง  แต่ด้วยระยะทางน้องเค้ายังเรียนไม่จบ ผมเองก็ทำงานทางใต้  ก็ยังห่างๆ  มีไปหาบ้าง เค้ามาหาบ้าง น้องเค้าเองก็พอรู้ว่าเราแอบมีกิ๊กบ้าง แต่เราก้ประคองมาด้วยกันจนน้องเค้าเรียนจบ และมาใช้ชีวิตทำงานที่ใต้ จังหวัดใกล้เคียงกัน และเราก็ได้มาตกลงกันว่า ไหนๆก็ย้ายมาอยู่ใกล้กันแล้วเราจะคบกันแบบไหน(ในใจผมตอนนั้นจะเลิกกับกิ๊กทุกคนและคบกับน้องเค้าแค่คนเดียว)
ลืมบอกไปว่าผมเองจะเป็นคนที่สัญญาอะไรกับตัวเองผมจะทำตามคำสัญญาไม่ทรยศคำพูดของตัวเอง  เราก็ใช้ชีวิตกินอยู่ด้วยจนถึงทุกวันนี้เป้นเวลา แปดเดือนแล้ว  โดยปกติ ผมจะออกจากห้องที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน ผมเป้นคนตื่นเช้า หกโมงผมก็ต้องออกไปทำงาน เพราะผมทำงานห่างจากที่เราพักกัน ประมาณ90กิโล  ผมขับรถไปกลับทุกวัน น้องเอ็ม ก็ทำงานแปดโมงเช้าเลิก 4.30ทุกวัน มีบางวันเข้าเวณก็เลิก 4ทุ่มบ้าง วันไหนที่เค้าเลิกผมก็จะไปนั้งเฝ้าที่ทำงาน นั้งรอซะมากกว่าและจะห้องพร้อมกัน ดูภายนอกแล้วเราสองคนรักกันมาก  และครอบครัวเราทั้งสองก็เอ็นดูซึ้งกันและกัน   จนเกิดเรื่อง
น้องm ภายน้องเป็นคุณหนูมากๆ เด็กเรียน  เรียนเก่ง ทำงานดี ใครจะรู้ว่าที่ผ่านมาเธอหลอกผมมาโดยตลอด ด้วยการวางตัว ด้วยความเชื่อใจ และด้วยความที่ไม่คิดว่าเค้าเองจะเป็นคนแบบนี้
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นโดยที่ผมยังไม่ทันคิดหรือแอ๊ะใจว่ามันจะใช่ เริ่มต้นด้วยการโทรมาบอกว่า  ตัวเอง: วันนี้ที่ทำงานเค้ามีงานเลี้ยงวันเกิดน่ะ  เค้าขออนุญาติไปงานน่ะ  ไอตัวเราเองก็ไม่ได้คิดอะไรก็บอกว่า  "ไปเหอะ"
จนเวลาผ่านไปสี่ทุ่มแล้วเราก็โทรไปตาม
"ผม"  ตัวเอง  เลิกแล้วยังเมามั้ย  กลับได้มั้ยให้ไปรับมั้ย
"น้องm"  ไม่เป้นไรเดี่ยวพี่หัวหน้าไปส่ง
หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้โทรไปไม่รับ เลยตัดสินใจไปนั้งรอใต้ที่พัก ซึ่งเป็นที่จอดรถกว้างๆ ประมาณหอพัก ผมเองก้นั้งรอจนประมาณตี 2 ก็มีรถครูซสีขาวเข้ามา เราเองก็แอบอยู่ในรถ ซึ่งจอดที่ลานจอดรถพอดี  ก็ได้เห้นว่ามีผช.มาส่ง คงเมาๆกันพอสมควร  แต่ก็ใจเย็นนิ่งไว้ก่อนทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่พี่หัวหน้า ก็รอให้เค้าขึ้นห้องไป  เราก้ลงจากรถขึ้นตามไป พอเปิดประตูน้องm ก็ถามมาว่าไปไหนมา  ถามแบบนิ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางยังไม่รู้ตัวว่าเราเห็น  เราก็นิ่งๆ  และพูดไปว่าไม่ชอบคนโกหกน่ะ  โทรไปก็ไม่รับไปไหนมา นางก้ตอบกลับมาว่า
"น้องm"  ไปงานเลี้ยงไง
ผม    ใครมารับ  ใครมาส่งล่ะ
"น้องM"  พี่หัวหน้า  
ผม  ไม่ชอบคนโกหกน่ะน่าจะรู้  
ก็เลยบอกไปว่าเมื่อกีนั้งอยู่ในรถ  ซึ่งบังเอินรถคันที่มาส่งนาง ดันถอยมาจอดส่งหน้ารถเราพอดี เลยเห็นทุกๆอย่าง
ก็บอกนางไปนางก้ตอบว่า  เป็นน้องของหัวหน้าหัวหน้าเมาไม่ไหว  เลยให้น้องมาส่ง  ในใจเราตอนนั้นเริ่มไม่เชื่อใจน้องเอ็มแล้วแต่ต้องเก็บอาการไว้ก็เลยทะเลาะด้วยเรื่องโกหก  กันซะมากกว่าคืนนั้นก็นอนคุยกัน ว่าทำไมต้องโกหกว่าหัวหน้ามาส่งอะไรบร้าๆๆๆๆ  และจบด้วยคำว่า"ต่อไปจะไม่โกหกอีก"

หลังจากคืนนั้นมาเราก็นอนไม่ค่อยหลับหร่อกน่ะครับ  พยายามคิดทบทวน ความจริง  และหลอกตัวเองไปด้วยพร้อมๆกัน  เพราะเรารักเค้ามาก  ยอมทุกๆอย่าง บางทีช่วงเดือนนั้นมีงานต้องไปดูงาน ที่ไกลกว่าเดิมทั้งๆที่บริษัทให้ที่พัก  แต่ก้ยอมขับรถไปกลับวันนึงเกือบ500 กิโล  เพื่อกลางคืนยังเหมือนเดิม  ยังคงได้อยู่ด้วยกัน  เพื่อป้องกันปัญญาที่จะเกิดขึ้น  ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น   แต่กลับไม่เลยทั้งๆที่เราก็ทุมเท และจริงจังกับความรักครั้งนี้มาก  ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่มีกิ๊ก  เชื่อได้ว่าดีกว่าพี่ก็พระแล้ว ณ ตอนนั้น

จนเกิดเหตุการณ์ที่ 2
เหตุการณ์นี้ว่าด้วย เลี้ยงวันเกิดหัวหน้าเลย  ในใจเราก็คิด  สงสัยอีกแล้ว  เลยตอบนางว่าไปเหอะ  
เราก็ถามนางเป้นปกติ  ว่าไปที่ไหนไปกับใครบ้าง  นางก้บอกมาอย่างปกติเช่นกัน ไปกันสี่คน  หัวหน้า แฟนหัวหน้า แล้วก็นาง และน้องหัวหน้า  เราก้ถามว่าไปร้านไหน  นางก็บอกชื่อร้านเป็นปกติ  แต่ดันแปลกใจวันนั้นนางดันยืมรถเก๋งเพื่อนนางมาใช้(ลืมเล่าไปนางมีรถยนของนางน่ะ  แต่พอดีตอนย้ายมาอยู่ที่ใต้นางดันขับไปชนเลยอยู่ระหว่างซ่อม เราเองก็ให้ใช้รถยนของเราให้นางไปทำงานปกติทุกวันไม่อยากให้แฟนลำบางเราเองกลับต้องขับรถมอไซไปทำงานวันนึงร้อยกว่ากิโล  ฝนตกแทบทุกวันเป้นช่วงหน้าฝนพอดี  แต่ก็ไม่อยากให้เค้าลำบากเรายอม)
ว่าด้วยยืมรถเพื่อนเราก็แปลกใจ  นางก็ออกไปงานวันเกิดตั้งแต่16.30น. เราเองก็ยังไม่ทันคิดสงสัยอะไร  ไม่ได้โทรไปเช็ค  จนประมาณทุ่มกว่าๆเริ่มโทรไปหา  เห้ยไม่รับโทรศัพอีกแล้ว  สายแรกผ่านไป  ซักพักนางโทรกลับมา  ประมาณว่าอยู่ร้านแล้วกำลังกินกันอยู่   แต่เสียงมันเหมือนอยู่ในห้องน้ำ  เลยถามนางว่า ทำไมต้องคุยในห้องน้ำ  นางบอกว่ามาเข้าห้องน้ำพอดี (เริ่มคิดแล้ว  มันแปลกๆ  โทรไปไม่รับ  มาโทรกลับตอนเข้าห้องน้ำ)
เราเองก็เลยขับรถมอไซสตาหา  แต่เอาหละครั้งนี้จะไม่พลาดอีก  ในเมื่อบอกว่าไปกับหัวหน้าเราเองก็ไปบ้านหัวหน้าก่อนเลย  ปรากฎว่านางโกหกจริงๆ
บ้านหัวหน้าอยู่กันครบ  เลยถ่ายรูปเก็บไว้เป้นหลักฐาน  และไปนั้งรอหน้าร้านที่นางบอก และถ่ายรูปเก้บไว้  ตามที่นางบอก  แต่ปรากฏนางไม่อยู่ร้านนี้
  เราเองก็โทรหานางเรื่อยๆนางไม่รับโทรศัพ  จนผ่านไปเป็นชม.  เลยโทรกลับมา  เสียงเหมือนอยู่ในห้องน้ำอีกแล้ว  ก็เลยถามไปว่าทำไมทุกครั้งที่โทรต้องอยู่ในห้องน้ำ  นางบอกว่ามาเข้าห้องน้ำพอดี   เราเองก็ขับรถตามหา  แต่ด้วยความซวยของนาง  เราขับรถจนเจอ  เจอนางกำลังออกจากร้านอาหารพร้อมกับผช. ณ ตอนนั้นอยากเดินเข้าไปหา  แต่คิดว่าไม่ดีกว่าได้แต่ถ่ายรูปเก็บไว้  และขับรถตามนางกลับห่างๆ  จนมาถึงห้องเราก็คุยกัน
เรา  ไปไหนมากินร้านไหน  ทำไมโทรไปไม่ค่อยรับเลย
น้องเอ็ม  กินร้านนี้  ....  ที่เราไปแล้วไม่เจอนางและถ่ายรูปไว้  (นางยังไม่รู้)
เรา  ไปกับใครบ้าง
น้องเอ็ม ไปกับหัวหน้าแฟนหัวหน้า  น้องหัวหน้า
เรา  อ่อๆ  ทำไมโทรไปหลายสายไม่รับโทรศัพเลยเป้นห่วง
น้องเอ็ม โทรศัพไว้ในกระเป๋า  เลยไม่รู้
เรา  น้องเอ็มดูอะไรมั้ย  มีอะไรให้ดู  ช่วยดูหน่อยควรทำไง(เราเอารูปที่บ้านหัวหน้าให้ดู)
น้องเอ็ม  ตัวเองเค้าขอโทษ  เค้าไปกับเพื่อน เค้าไม่กล้าบอกตัวเอง  ซึ่งเพื่อนนางเรารู้จักทุกคน
เรา  ทำไมต้องโกหกด้วยไปกับเพื่อนจะโกหกทำไม เคยว่าอะไรมั้ย
น้องเอ็ม ต่อไปจะไม่โกหกแล้วขอโทษ
เรา  ไปกับเพื่อนคนไหน
น้องเอ็ม  บอกไปตัวเองไม่รู้จักหร่ิอก (เรารู้จักทุกคนที่เป้นเพื่อนนาง)
เรา  ใช่เพื่อนจริงหร่า  มั่นใจน่ะไม่ชอบคนโกหก
น้องเอ้ม  เพื่อนจริงๆ  ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
เรา  เอารูปให้ดู
น้องเอ็ม  อึ้ง ขอโทษ  บอกว่าจะไม่โกหกอีก

แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น  ไม่ได้อยุ่ตรงที่เพื่อน  นางคงไม่คิดว่าเราจะจำหน้ามันได้ มันคือคนที่เคยมาส่งที่ห้องที่เราเห้นรอบแรก  
นางยังคงยืนยันว่าเป้นแค่เพื่อนจริงๆ
เรา บอกไปว่าถ้าแค่เพื่อนเลิกคุยกับคนนี้ได้มั้ย จากความรู้สึกคือไม่ใช่เพื่อนแน่ๆที่โกหกกันแบบนี้  ไม่ใช่จะไม่ให้มีเพื่อน  เราเองก็ขอไลน์เพื่อนคนนั้นทักไลน์ไปถาม
ทักไปว่า  โทษน่ะครับคุณรู้ใช่มั้ยว่าน้องมีแฟนแล้วอย่ามาทำแบบนี้อีก  มันไม่ดี
น้องเอ็ม  ก็โทรไปบอกผช.คนนั้นว่าเราเลิกติดต่อกันน่ะ

ทุกอย่างคืนนั้นก็จบลง  เราเองก้นอนไม่หลับ  หลับก็ต้องฝัน  ต้องคิดมากมันหลอกหลอนชีวิตมาก  จากคนที่เคยเป้นฝ่ายกระทำทุกวันนี้เหมือนเป้นเวณกรรมที่จะต้องมารับกรรม  พยายามคิดในทางนั้นแหละฟมุมมองหลายๆมุมในการคิดตัดสินใจครั้งนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่