
ขออนุญาติใช้พื้นที่เก็บเรื่องราวที่สำคัญ อีกเหตุการณ์หนึ่งในชีวิต
เหตุหลักๆ ว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่ หรือโชว์หลานก็ว่าได้
หากมีตรงไหนไม่เหมาะสมติติงมาได้ครับ ....
ย้อนความ .....
ผมเป็นชายธรรมดาอาศัยอยู่ต่างจังหวัด พื้นฐานครอบครัวฐานะธรรมดา เรียนหนังสือจบมาก็ใช้ชีวิตเป็นลูกจ้าง ดิ้นรนไขว่ขว้า อะไรต่างๆ มีความฝัน มีความต้องการไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆ อยากมีจุดยืน อยากเป็นคนสำคัญ อยากมีหน้ามีตา ดิ้นรนทำงานอยู่หลายปี แต่เหมือนความสุขห่างออกไปเรื่อยๆ
ชีวิตก็ดำเนินมาเรื่อยๆ จนวันนึงก็เกิดคำถาม “บริษัทจะจ้างเราตลอดไปไหม” คำตอบมากมายเข้ามาในหัวก็ได้แต่คิดว่า ต้องทำอะไรสักอย่างคงอยู่จุดนี้แบบนี้ต่อไปนานๆคงไม่ดีแน่ พยามเบนเข็ม เปลี่ยนแปลง จนวันหนึ่งลาออกจากงานแล้วมาทำอะไรเป็นของตนเอง ตอนนั้นในหัวมีแต่ความกลัวที่กลัวจะไม่รอด รอบข้างก็มีทั้งคำขู่และคำยุยง ความรู้สึกเหมือนลอยคว้าง สับสน แต่ก็ต้องเดินต่อไปเผื่อจะเจอลู่ทางบางอย่าง ชีวิตที่ไร้หลักเซไปเซมา
การลาออกมามาพร้อมกับเวลาว่างทำให้มีโอกาสอยู่กับตนเอง ได้เห็นความคิดความกังวล ต้องอาศัยรูปแบบบางอย่างจากคนอื่น แต่ความที่เป็นคนสงสัยอะไรก็จะพยายามตามหาคำตอบ และช่วงเวลานี้เองก็ได้หาคำตอบเรื่องหนึ่ง “เหตุใดคนจึงทรงรักในหลวงรัชกาลที่ ๙ มากมาย” เราต่างถูกสอนให้รักและเคารพแต่เราไม่เข้าใจว่าทำไมคนต่างๆทำไมถึงรักและเคารพ คงไม่ผิดนะครับที่ผมสงสัยแล้วมาค้นคว้าภายหลัง
ชีวิตหลังการลาออกข้อดีคือ มีเวลา มีโอกาสเดินทาง ซึ่งการเดินทางนี่แหละที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอด เราได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ การเดินทางในรูปแบบแนวช่วยเหลือและแบ่งปันในพื้นที่ห่างไกล จะต้องแปลกใจทุกครั้ง “ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านเคยมาแล้ว” ลองคิดดู ที่ผ่านมาได้ประโยชน์มามากมายไม่รู้เท่าไหร่ คนที่ได้รับประโยชน์เขาก็ชื่นชมสรรเสริญ เกิดเป็นความเห็นบางอย่างคือ การทำประโยชน์อาจจะเหนื่อยและก็ไม่ได้เห็นผลทันทีต้องใช้เวลา วันนึงเมื่อสิ่งเหล่านั้นออกผล เราก็จะเข้าใจถึงความสุข ที่มีส่วนทำเอาไว้ "ผมจะตามรอย"
ปัญหาชีวิต ใครมั่งที่ไม่มี ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ ความซวยก็มีสาเหตุ แง่คิดบางอย่าง แม้แต่พระราชาก็ทรงมีปัญหา แต่กลับใช้ปัญหานั้นมาเป็นแรงผลักดันสู่การแก้ไข เมื่อลองนำมาปฏิบัติหลายอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างไม่น่าเชื่อ ง่ายๆแต่ได้ผล โดยเฉพาะความคิดที่เปลี่ยนจากความไม่ต้องการเป็นความท้าทาย "ปัญหาคือโอกาส"
ผมเริ่มจับหลักตั้งตัวได้ เริ่มจับทางชีวิตได้ ค่อยๆสร้างจุดยืน ผมคิดว่าเรื่องอะไรก็ได้เพียงแต่เราต้องอยู่กับสิ่งนั้นให้นาน ให้เข้าใจ พัฒนา ผสมผสาน พอประมาณตามฐานะ ท้ายที่สุดเราก็ย่อมเชี่ยวชาญและสำเร็จในเรื่องนั้นๆ มาถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าเกิดวิสัยทัศน์ยาวไกลกว่าแต่ก่อน อย่างเรื่องการเดินทางทำมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้รู้สึกว่า เรื่องนี้สร้างคุณค่าให้ชีวิตผมได้อย่างมากมาย
นี่เป็นเรื่องบางส่วนที่ผมนำมาปรับใช้ ใช้ชีวิตอย่างเต็มภาคภูมิ คนตัวเล็กๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต สร้างจุดยืน อีกทั้งยังสามารถแบ่งเวลาชีวิตทำคุณประโยชน์อื่นๆ ตามกำลังที่มี มีความภาคภูมิใจในชีวิต
ฉันเกิดรัชกาลที่ ๙
ไปกราบพ่อ
เหตุหลักๆ ว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่ หรือโชว์หลานก็ว่าได้
หากมีตรงไหนไม่เหมาะสมติติงมาได้ครับ ....
ย้อนความ .....
ผมเป็นชายธรรมดาอาศัยอยู่ต่างจังหวัด พื้นฐานครอบครัวฐานะธรรมดา เรียนหนังสือจบมาก็ใช้ชีวิตเป็นลูกจ้าง ดิ้นรนไขว่ขว้า อะไรต่างๆ มีความฝัน มีความต้องการไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆ อยากมีจุดยืน อยากเป็นคนสำคัญ อยากมีหน้ามีตา ดิ้นรนทำงานอยู่หลายปี แต่เหมือนความสุขห่างออกไปเรื่อยๆ
ชีวิตก็ดำเนินมาเรื่อยๆ จนวันนึงก็เกิดคำถาม “บริษัทจะจ้างเราตลอดไปไหม” คำตอบมากมายเข้ามาในหัวก็ได้แต่คิดว่า ต้องทำอะไรสักอย่างคงอยู่จุดนี้แบบนี้ต่อไปนานๆคงไม่ดีแน่ พยามเบนเข็ม เปลี่ยนแปลง จนวันหนึ่งลาออกจากงานแล้วมาทำอะไรเป็นของตนเอง ตอนนั้นในหัวมีแต่ความกลัวที่กลัวจะไม่รอด รอบข้างก็มีทั้งคำขู่และคำยุยง ความรู้สึกเหมือนลอยคว้าง สับสน แต่ก็ต้องเดินต่อไปเผื่อจะเจอลู่ทางบางอย่าง ชีวิตที่ไร้หลักเซไปเซมา
การลาออกมามาพร้อมกับเวลาว่างทำให้มีโอกาสอยู่กับตนเอง ได้เห็นความคิดความกังวล ต้องอาศัยรูปแบบบางอย่างจากคนอื่น แต่ความที่เป็นคนสงสัยอะไรก็จะพยายามตามหาคำตอบ และช่วงเวลานี้เองก็ได้หาคำตอบเรื่องหนึ่ง “เหตุใดคนจึงทรงรักในหลวงรัชกาลที่ ๙ มากมาย” เราต่างถูกสอนให้รักและเคารพแต่เราไม่เข้าใจว่าทำไมคนต่างๆทำไมถึงรักและเคารพ คงไม่ผิดนะครับที่ผมสงสัยแล้วมาค้นคว้าภายหลัง
ชีวิตหลังการลาออกข้อดีคือ มีเวลา มีโอกาสเดินทาง ซึ่งการเดินทางนี่แหละที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอด เราได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ การเดินทางในรูปแบบแนวช่วยเหลือและแบ่งปันในพื้นที่ห่างไกล จะต้องแปลกใจทุกครั้ง “ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านเคยมาแล้ว” ลองคิดดู ที่ผ่านมาได้ประโยชน์มามากมายไม่รู้เท่าไหร่ คนที่ได้รับประโยชน์เขาก็ชื่นชมสรรเสริญ เกิดเป็นความเห็นบางอย่างคือ การทำประโยชน์อาจจะเหนื่อยและก็ไม่ได้เห็นผลทันทีต้องใช้เวลา วันนึงเมื่อสิ่งเหล่านั้นออกผล เราก็จะเข้าใจถึงความสุข ที่มีส่วนทำเอาไว้ "ผมจะตามรอย"
ปัญหาชีวิต ใครมั่งที่ไม่มี ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ ความซวยก็มีสาเหตุ แง่คิดบางอย่าง แม้แต่พระราชาก็ทรงมีปัญหา แต่กลับใช้ปัญหานั้นมาเป็นแรงผลักดันสู่การแก้ไข เมื่อลองนำมาปฏิบัติหลายอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างไม่น่าเชื่อ ง่ายๆแต่ได้ผล โดยเฉพาะความคิดที่เปลี่ยนจากความไม่ต้องการเป็นความท้าทาย "ปัญหาคือโอกาส"
ผมเริ่มจับหลักตั้งตัวได้ เริ่มจับทางชีวิตได้ ค่อยๆสร้างจุดยืน ผมคิดว่าเรื่องอะไรก็ได้เพียงแต่เราต้องอยู่กับสิ่งนั้นให้นาน ให้เข้าใจ พัฒนา ผสมผสาน พอประมาณตามฐานะ ท้ายที่สุดเราก็ย่อมเชี่ยวชาญและสำเร็จในเรื่องนั้นๆ มาถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าเกิดวิสัยทัศน์ยาวไกลกว่าแต่ก่อน อย่างเรื่องการเดินทางทำมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้รู้สึกว่า เรื่องนี้สร้างคุณค่าให้ชีวิตผมได้อย่างมากมาย
นี่เป็นเรื่องบางส่วนที่ผมนำมาปรับใช้ ใช้ชีวิตอย่างเต็มภาคภูมิ คนตัวเล็กๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต สร้างจุดยืน อีกทั้งยังสามารถแบ่งเวลาชีวิตทำคุณประโยชน์อื่นๆ ตามกำลังที่มี มีความภาคภูมิใจในชีวิต