โดนค่ายรถจักรยานยนต์หลอกลวง แต่เราไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน ขออนุญาตเริ่มเล่าเรื่องเลยนะครับ

ผมเป็นคนที่ชื่นชอบในการขับขี่รถจักรยานยนต์มาก  ฐานะการเงินก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร

แต่ช่วงจังหวะการงานตอนนั้นหาเงินเข้ามาได้เยอะ จึงอยากจะเติมความฝันของตัวเอง

ประจวบกับเป็นช่วงปลายปี มีงานมอเตอร์เอ็กซ์โปพอดีที่เมืองทองธานี

ผมจึงตัดสินใจไปตามหาเนื้อคู่ และไปถูกใจรถค่ายหนึ่งมันสวยเหลือเกิน

จึงตกลงปลงใจว่าจะเอาคนนี้ จึงคุยรายละเอียดและราคากับเซลล์

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 ได้ตกลงทำการจองรถจักรยานยนต์รุ่นหนึ่ง

ในราคา 9xx,xxx บาท ทางเซลล์แจ้งกับผมว่า รถรุ่นที่ผมจองมีรถอยู่ที่โชว์รูมเลย

ถ้าไฟแนนซ์ผ่านรับรถได้เลย และไม่กี่วันต่อมาเซลล์โทรแจ้ง ผลไฟแนนซ์อนุมัติแล้วค่ะพี่

เข้ามารับรถได้เลย  ผมจึงได้ดูฤกษ์งามยามดีเพื่อไปรับเนื้อคู่ แต่ฤกษ์ออกรถยังไม่ได้

ผมจึงแจ้งเซลล์ไปว่า ฤกษ์ออกรถผมน่าจะประมาณวันที่ 20 ธันวาคม 2555

จึงยังไม่ไปรับรถ  รอจนกว่าจะถึงฤกษ์อีกไม่กี่อาทิตย์

และ แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555

กรมสรรพสามิตได้ออกประการกระทรวงการคลัง การปรับอัตราภาษี ฉบับที่ 104

มีผลบังคับใช้ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2555

ผมได้ฟังข่าวก็ไม่ได้คิดอะไร  เพราะรถคันที่ผมสั่งซื้อไว้นั้นออกมาก่อนที่กรมจะปรับราคาขึ้น

และเมื่อถึงกำหนดฤกษ์ออกรถ ผมจึงโทรหาเซลล์ว่าจะเข้าไปรับรถแล้วนะครับ

แต่ได้คำตอบว่า พี่อย่าเพิ่งเข้ามาค่ะ เนื่องจากมีการปรับภาษีสรรพสามิตขึ้น

บริษัทจึงให้โฮไว้ก่อน ผมนี่เซ็งเลย จึงถามเซลล์ว่าเกี่ยวอะไรกับรถคันนี้ละครับ

ในเมื่อรถคันนี้ออกมาก่อนที่ภาษีจะปรับขึ้นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม ทำไม ทำไม

เซลล์ก็ตอบว่าบริษัทเป็นคนตัดสินค่ะ หนูก็อยากปล่อยรถแล้ว อะไรประมาณนี้

ผมจึงแห้ว ไม่ได้เข้าไปเอารถ 😭😭😭

หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน บริษัทได้ออกใบยินยอมให้กับลูกค้าทั้งหลาย ที่จองรถในตอนนั้น

ส่งมาให้ผม เซ็นต์ยินยอมรับการปรับอัตราภาษีขึ้น จาก 100ละ3% เป็น 100ละ25.64103

หากจะรับรถก็ต้องเซ็นยินยอม หรือไม่ก็เอาเงินจองคืนไป ด้วยความที่อยากได้รถ

และคิดว่ารถคันดังกล่าวถูกปรับขึ้นจริง. จึงตกลงเซ็นต์ยินยอม และรับรถกลับมา

และต่อมา ด้วยความโกรธจึงได้หาข้อมูล ว่ารถน่าจะเสียภาษีในเรทเก่านะ และคิดว่า

บริษัทนี้หลอกลวงเราแล้ว จึงได้ทำการยื่นร้องเรียนไปที่ สคบ. หลังจากรับรถไม่นาน

สคบ.รับเรื่องร้องเรียน และนัดไกล่เกลี่ยกันมาตลอดระยะเวลา 4ปี

ทางบริษัทให้ทางฝ่ายดูแลลูกค้าโทรมาเจรจา สิ่งที่ผมได้ฟังและจำมาจนติดอยู่ในหูว่า

บริษัทของเรานั่งสมาธิทุกเย็น ถือศีลธรรม ไม่มีนโยบายโกงลูกค้าหรอกค่ะ บลาๆๆๆๆ

จนบริษัทเห็นว่าคงไม่ดีแระ เลยให้ฝ่ายดูแลลูกค้า ยื่นข้อเสนอ ให้หมวกกันน็อคมูลค่าประมาณ2x,xxxบาท

แต่มีคำพูดอีกว่าเราไม่ได้ยอมรับผิดนะค่ะ แต่ให้เพื่อรักษาลูกค้า โอ้วพระเจ้าขนาดนั้นเลย

ผมจึงตอบกลับไปว่าผมขอคิดดูก่อนครับ.

และถึงกำหนด สคบ ออกใบนัดไกล่เกลี่ย ผมจึงเดินทางไปพบกับทนายของบริษัท ครั้งที3

ทางทนายเขามาแจ้งกับ สคบ ว่าตกลงกับผมได้แล้ว ผมนี่งงเลยครับ จึงถามทางทนายบริษัท

ว่าผมไปตกลงตอนไหน ทางทนายบอกว่าผมรับข้อเสนอหมวกกันน็อกแล้วทางบริษัทแจ้งกับทนายมา

ผมจึงบอกกับทนายไปว่า ปรับราคารถผม จาก 9xx,xxx เป็น 1,xxx,xxx เสนอแค่หมวกให้ผมเนี่ยนะ

เรื่องจึงยังไม่จบ และ สคบ ออกใบนัดมาอีก 2ครั้งหลังสุดท้ายปี59. ทางบริษัทไม่ส่งทนายมาตามนัดอีกเลย

ทาง สคบ จึงยื่นเรื่องถึงกรมสรรพสามิต ถามถึงรถ หมายเลขตัวถังนี้ หมายเลขเครื่องนี้ ชำระภาษีไปเมื่อไหร่

จนมาถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 มีหนังสือจากกรมสรรพสามิตว่า มีการประกาศปรับอัตราภาษีขึ้นจริงในวันที่ 18 ธันวา 2555

มีผลบังคับใช้ 19 ธันวา 2555

แต่รถหมายเลขคันดังกล่าว ชำระภาษี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2555

ผมจึงสรุปได้ว่า บริษัทนี้โกงผมแล้ว ซึ่งผมมีหลักฐานจากกรมสรรพสามิตออกมา

แต่ผก็ไม่รู้จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร เพราะไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายจริงๆ จึงต้องรอแต่ สคบ.เพียงอย่างเดียว

และเมื่อรอนานมาก จึงโทรถาม สคบ เจ้าหน้าที อธิบายให้ข้อมูลดีมากๆ เจ้าหน้าที่บอกว่า สคบ ทำหน้าที่ฟ้องแต่แพ่ง

แต่เคสนี้เป็นคดีอาญาด้วย เพราะฉ้อโกง  ฉะนั้นเราจะต้องทำเรื่องฟ้องฉ้อโกงเอาเอง

และอย่างที่ผมบอกครับ ผมไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ

แค่เอามาเล่าให้ฟัง ยังกลัวจะโดนฟ้องเลยครับ  หากมีความเห็นอย่างไรช่วยชี้แนะด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่