เมื่อสิบกว่าปีก่อน (ตอนนั้นเรียน ม.2) เรามีโอกาสได้ไปเข้าค่ายลูกเลือ-เนตรนารี ที่จังหวัดจังหวัดหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก และทำให้ได้พบประสบพบเจอกับเหตุการณ์นี้เข้าจังๆ
หลังจากที่ร่วมกันทานมื้อเย็นและทำกิจกรรมสันทนาการเรียบร้อย ตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณเกือบๆ 3 ทุ่ม อาจารย์ก็ประกาศให้แยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัยตามโซนที่ได้แบ่งเอาไว้ ชายฝั่งนึง ผู้หญิงฝั่งนึง ซึ่งนอนเต้นท์ละไม่เกิน 3 คน
เมื่อแยกย้ายกันเข้าเต้นท์ก็นอนเล่นกัน พูดคุยโวยวาย กันตามประสาของวัยรุ่น เรากับเพื่อนชื่อ จูน และ โอ๋ นอนรวมกัน ส่วนเต้นท์ข้างขวามือ ก็จะมี กุ้ง แนน ต้อง (ที่ต้องบอกว่าเต้นท์ข้างๆมีใครบ้างเพราะว่า หนึ่งในเต้นท์นี้แหละที่เป็นคนจุดชนวนเรื่องนี้ขึ้นมา....)
ขณะที่เรากับเพื่อนอีก 2 คนอ่านการ์ตูนอยู่ในเต้นท์ "ต้อง" เพื่อนที่อยู่เต้นท์ข้างๆก็มากระซิบเรียกหน้าเต้นท์และรูดซิปเต้นท์มุดตัวเข้ามา
"เฮ้ย.... แก ไปหาไรทำหนุกๆกันเหอะ" ต้องพูดขึ้น
"ทำไรของแกวะ จะ 4 ทุ่มครึ่งแล้วนอนเหอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 นะเว้ย" จูนตอบ
"เออน่า ไปเหอะ ท้ายค่ายเราอะ มีเพิงเล็กๆตั้งอยู่ด้วยข้าเห็นตอนเข้ามาเมื่อเช้า น่าไปนั่งเล่นอะไรที่มันตื่นเต้นๆหน่อย" ต้องยังพูดต่อ ทั้งๆที่ก็ไม่มีใครทำท่าสนใจว่าจะไปด้วย
"เล่นอะไรวะที่ว่าน่าตื่นเต้น" โอ๋ ถาม
"เล่นไอ้นี่ไง" หลังพูดจบ ต้องก็ควักกระดาษใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง
"เฮ้ย แกจะเล่นผีถ้วยแก้วเหรอ" เราเป็นคนถามต้อง
"ไปป่ะหละ แหม ทำเป็นปอดแหกไปได้ แค่เล่นผีถ้วยแก้วเอง"
เรา จูนและโอ๋ มองหน้ากัน แทนคำถามว่าจะออกไปเล่นกับต้องมันมั้ย สำหรับเราใจนึงก็อยากลอง ใจนึงก็กลัวเพราะเป็นคนที่มักจะเห็นภูติผีวิญญาณบ่อยๆ แต่ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น กลัวเพื่อนหาว่าไม่กล้า ปอดแหกไม่แน่จริง สุดท้ายก็เลยตัดสินใจยอมออกจากเต้นท์และตามต้องมันไป
ตอนนี้เรากับเพื่อนอีก 5 คน เดินมาถึงเพิงที่ต้องมันว่าไว้ มันเป็นเพิงไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ก็ดูแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักคน 6 คนในตอนนี้ได้ รอบข้างมืดทึบ ระงมไปด้วยเสียงแมลงนานาชนิดที่ออกหากินยามค่ำคืน แสงสว่างจากไฟฟ้าก็ไม่มี จะมีก็เพียงแสงจันทร์ลางๆที่ลอดผ่านใบไม้มา ข้ามท้องร่องข้างๆเพิงนี้ไปก็มืดทึบด้วยป่ากล้วยที่เวลาลมพัดดูน่ากลัวยิ่งนักมองดูเผินๆเสมือนคนโบกมือเรียกเราให้เดินเข้าไปหา.....
"เริ่มเลยนะ จะเที่ยงคืนละ" ต้องพูดพลางหยิบกระดาษประกอบพิธีเล่นกับแก้วใบเล็กๆออกมากระเป๋ากางเกง
"เอาจริงนะไอ้ต้อง" จูนทักขึ้น
"ปอดแหกรึไง E ช้างน้ำ จะเดินกลับไปคนเดียวมั้ยหละ พวกข้าไม่กลับไปส่งนะเว้ย ฮาๆๆๆ" กุ้ง เด็กสาวที่ออกแนวเป็นทอมบอยเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะชอบใจ
"แนน แกเอาธูปมาดิ ไฟแช็คด้วย" ต้องพูด
ตอนนี้ต้องนั่งพนมธูปหนึ่งดอกไว้ในมือ ปากก็ร่ายบทสวดหรือคาถาอะไรก็ไม่รู้ บอกตรงๆนะเราเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ไม่อยากทักอะไร ตอนนี้ทุกคนนิ่งเงียบกันหมด รวมทั้งบรรยากาศรอบตัวที่เงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงของแมลงที่ร้องระงมอย่างเมื่อซักครู่
"เอาล่ะ ทุกคนเอานิ้วมาแตะรวมกันที่ก้นแก้ว และพูดตามข้านะ" พวกเราทำตามที่ต้องบอกโดยไม่มีใครคัดค้านอะไร รู้เลยว่าตอนนี้มีใครบางคนไม่อยากเล่นและอยากที่จะกลับไปที่เต้นท์ใจจะขาด แต่.... ใครล่ะที่จะกล้าพอเดินกลับออกจากตรงนี้ไปคนเดียว
เวลาผ่านไปไม่ถึง 5 นาที แก้วใบเล็กเริ่มมีการขยับ ซึ่งเราเองก็ไม่แน่ใจว่ามีวิญญาณเข้ามาสิงที่แก้วจริงๆหรือเพราะแรงดันจากนิ้วของพวกเราเอง แต่ก็รู้สึกได้อย่างนึงตอนนี้คือ....แก้วขยับและหมุนวนเป็นวงกลม เร็วขึ้นและเร็วขึ้นจากตอนแรกมาก
"เฮ้ย ขยับเร็วจังวะ อย่าดันกันเองดิ" กุ้งพูดขึ้นเสียงดัง
แก้วใบเล็กที่เคลื่อนย้ายไปมาหยุดชะงัก คล้ายเข้าใจคำพูดที่กุ้งพูดขึ้น ตอนนี้ทุกคนเงียบและสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักแต่อย่างที่บอก ไม่มีใครกล้าลุกออกไปจากตรงนี้ จึงทำได้แค่ ยอมนั่งเล่นต่อไป ...
"ถ้าเข้ามาสิงอยู่ในแก้วแล้วจริงๆบอกหน่อยสิว่าชื่ออะไร" กุ้งเป็นคนถามขึ้น
แก้วเริ่มขยับอีกครั้ง หมุนวนๆๆๆอยู่หลายรอบ จนมาหยุดที่ตัวอักษร "ม"
"ม ม้า" พวกเราพูดขึ้นมาพร้อมกัน
"อะไรวะ ม ม้า มีใครดันแก้วป่าวเนี่ย" ยังไม่ทันที่ต้องจะพูดจบ แก้วก็วนไปหยุดที่ สระ -ี
คำที่ได้ออกมามาคือคำว่า มี และอะไรคือคำว่า มี หรือว่า วิญญาณที่มาสิงในแก้วจะกำลังบอกชื่อของตัวเองให้พวกเราได้รับรู้
หลังจากได้คำตอบจากคำถามแรก ตอนนี้พวกเราเริ่มหาคำถามและรอลุ้นกับคำตอบที่จะได้ ไม่ว่าจะด้วยการดันแก้วจากพวกเราเองหรืออะไรก็ตามที่มองไม่เห็น มันกำลังทำให้พวกเราตื่นเต้นจนลืมกลัวไปได้บ้างพอสมควร แต่แล้วพวกเราก็หน้าซีดกันอีกครั้งเมื่อต้อง...ได้ถามคำถามนี้
"ในเมื่อบอกว่าโดนแทงตาย ไปเกิดไม่ได้ แล้วศพอยู่ที่ไหนล่ะ"
แก้วขยับไปยังตัวอักษรและสระต่างๆจนรวบรวมเป็นประโยคได้ว่า "ก็อยู่ใต้เพิงที่พวกมึ_ นั่งกันอยู่นี่แหละ" พวกเรามองหน้ากันและตกใจมาก ตอนนี้เริ่มไม่สนุกล่ะ ทำไมมาดันแก้วหลอกกันเองแบบนี้ ตอนนี้ต้องกับกุ้งเริ่มพูดจาโวยวายเพราะคิดว่าเพื่อนมาแกล้งกันเอง เรากับเพื่อนๆที่เหลือบอกว่าให้เลิกเหอะ เพราะสถานการณ์เริ่มไม่โอเคละ แกล้งกันเองแบบนี้หลอกกันให้กลัวเปล่าๆ แต่ต้องกับกุ้งก็ยังยืนยันจะเล่นต่อ แนนเลยบอกว่างั้นก็เล่นกัน 2 คนละกัน พวกเราจะนั่งดูเฉยๆจะได้ไม่หาว่าพวกเราแกล้ง แล้วพอกุ้งกับต้องเอานิ้วแตะที่ก้นแก้วอีกครั้ง ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร แก้วก็ขยับไปมา จนรวบรวมคำได้ว่า
"อยากเจอกรูก็จะให้เจอ" เท่านั้นแหละ พวกเรา 4 คนที่ไม่ได้เล่นรวมถึงกุ้งกับต้องต่างก็ผงะกันด้วยความตกใจ เพราะตอนนี้ทุกคนแน่ใจละว่ามันไม่ใช่เรื่องที่พวกเรามาแกล้งกันเองอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทันทีที่ใครจะได้พูดอะไร กุ้ง ก็ได้ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง
"ผีห่_ ไร กรูไม่กลัวหรอก" ว่าแล้ว กุ้งก็จับแก้วหงายขึ้นโดยที่ยังไม่ทันได้จุดธูปบอก (ซึ่งตามปกติถ้าเลิกเล่นต้องจุดธูปเชิญวิญญาณออกเหมือนตอนที่เชิญเข้า) หลังจากหงายแก้วขึ้น กุ้งก็นิ่งไป นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา พวกเราที่เหลือก็เริ่มใจไม่ดี แต่ยังคิดว่ากุ้งมันอาจจะแกล้งจนต้องมันเอื้อมมือไปดันไหล่กุ้ง
"กุ้ง กุ้ง มึ_ เป็นไรวะ" แทนคำตอบ กุ้งสะบัดมือต้องแต่เพียงแค่สะบัดเบาๆกลับเหมือนมีเรี่ยวแรงมหาศาลทำให้ต้องตกลงไปจากเพิงที่นั่งอยู่ลงไปข้างล่าง ตอนนี้พวกเราที่เหลือ 4 คนนั่งกอดกันอยู่ตรงมุมเพิง ขณะที่โอ๋และแนนเริ่มร้องไห้ เราเองก็เริ่มใจไม่ดี แล้วจู่ๆ....
กุ้งก็กระโดดลงไปจากเพิง ลงไปยังท้องร่องข้างป่ากล้วย ยืนร้องโหยหวนอยู่ในท้องร่องนั้นปานไม่ใช่มนุษย์ มิหนำซ้ำยังก้มลงหยิบดินดำๆในท้องร่องแล้วเอามายืนกินหน้าตาเฉย ตาแดงก่ำ จ้องมองมายังพวกเราด้วยสายตาอาฆาตแค้น ทันใดนั้นอยู่ๆต้องมันก็โดดลงไปในท้องร่องพยายามห้ามกุ้งไม่ให้กินดินเข้าไปและบอกให้กุ้งมีสติ นี่พวกเรา พวกเราเป็นเพื่อนแก พวกเราเห็นต้องทำแบบนั้นก็พยามยามเข้าไปช่วยบ้าง แต่ด้วยพละกำลังที่มหาศาลของกุ้ง ทำให้เราพวกเราโดนกุ้งสะบัดออกจากกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทาง เมื่อเห็นว่าช่วยไม่ได้แน่ๆ แนนและโอ๋ จึงตัดสินใจวิ่งกลับไปยังค่ายที่พัก เพื่อไปตามให้คนมาช่วย
ทั้งสองกลับมาพร้อมกับอาจารย์ผู้ชาย 3 คน และเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นเด็กผู้ชายอีก 5-6 คน ทุกคนมุ่งตรงมาที่กุ้งพากันจับตัวไว้แต่ไม่มีใครสู้แรงกุ้งได้เลย ใช้เวลาจับกันอยู่พักนึง จนสุดท้าย อาจารย์ก็ถอดสร้อยพระที่คอแล้วสวมไปที่คอของกุ้ง ทันใดนั้นกุ้งก็ล้มลงไปหมดสติไป
เราทั้งหมดกลับมาที่ค่าย โดยอาจารย์เป็นคนอุ้มกุ้งกลับมา ตอนนี้เสื้อผ้าของพวกเราทุกคนมีแต่ดินในท้องร่อง เลอะเทอะและเหม็นไปหมด อาจารย์ให้พวกเราทุกคนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนกุ้งก็ยังคงไม่ได้สติอยู่บนโต๊ะกลางห้องกิจกรรม
เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชม. กุ้งก็ตื่นขึ้นมา พร้อมกับทำหน้างงๆที่ตอนนี้มีคนห้อมล้อมเต็มไปหมด ได้แต่ถามว่าทำไมมาอยู่ตรงนี้ จำได้ว่าเล่นผีถ้วยแก้วอยู่ที่เพิงท้ายค่าย หลังจากที่กุ้งได้ยินเรื่องราวจากพวกเราทุกคน กุ้งก็ทำหน้าตกใจเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ทุกคนพูด จนต้องมันอำกุ้งว่า
"เอ....หรือว่าแกแกล้งวะกุ้ง"
"อำถึงขนาดกินดินในท้องร่องนี่ ไม่ไหวมั้งวะ"
หลังจากเรื่องจบ ช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางกลับกรุงเทพกัน โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เจอนั้นแท้ที่จริงแล้วเค้าเป็นใคร เค้าชื่อมี เป็นคนจังหวัดสระบุรี แล้วมาโดนแทงตายที่นี่จริงรึเปล่า ศพถูกฝังไว้ใต้เพิงนั้นจริงๆมั้ย? พวกเราทุกคนคงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจจนถึงทุกวันนี้.....
แล้วพวกเราทั้ง 6 คนก็โดนทำโทษหลังจากกลับมาจากเข้าค่าย โดยพวกเราทั้ง 6 คนต้องช่วยเก็บขยะทั่วโรงเรียนทุกชิ้นในตอนพักกลางวันเป็นเวลาทั้งหมด 1 เดือนเต็ม.....
นาย ... มี กับผีถ้วยแก้ว
หลังจากที่ร่วมกันทานมื้อเย็นและทำกิจกรรมสันทนาการเรียบร้อย ตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณเกือบๆ 3 ทุ่ม อาจารย์ก็ประกาศให้แยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัยตามโซนที่ได้แบ่งเอาไว้ ชายฝั่งนึง ผู้หญิงฝั่งนึง ซึ่งนอนเต้นท์ละไม่เกิน 3 คน
เมื่อแยกย้ายกันเข้าเต้นท์ก็นอนเล่นกัน พูดคุยโวยวาย กันตามประสาของวัยรุ่น เรากับเพื่อนชื่อ จูน และ โอ๋ นอนรวมกัน ส่วนเต้นท์ข้างขวามือ ก็จะมี กุ้ง แนน ต้อง (ที่ต้องบอกว่าเต้นท์ข้างๆมีใครบ้างเพราะว่า หนึ่งในเต้นท์นี้แหละที่เป็นคนจุดชนวนเรื่องนี้ขึ้นมา....)
ขณะที่เรากับเพื่อนอีก 2 คนอ่านการ์ตูนอยู่ในเต้นท์ "ต้อง" เพื่อนที่อยู่เต้นท์ข้างๆก็มากระซิบเรียกหน้าเต้นท์และรูดซิปเต้นท์มุดตัวเข้ามา
"เฮ้ย.... แก ไปหาไรทำหนุกๆกันเหอะ" ต้องพูดขึ้น
"ทำไรของแกวะ จะ 4 ทุ่มครึ่งแล้วนอนเหอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 นะเว้ย" จูนตอบ
"เออน่า ไปเหอะ ท้ายค่ายเราอะ มีเพิงเล็กๆตั้งอยู่ด้วยข้าเห็นตอนเข้ามาเมื่อเช้า น่าไปนั่งเล่นอะไรที่มันตื่นเต้นๆหน่อย" ต้องยังพูดต่อ ทั้งๆที่ก็ไม่มีใครทำท่าสนใจว่าจะไปด้วย
"เล่นอะไรวะที่ว่าน่าตื่นเต้น" โอ๋ ถาม
"เล่นไอ้นี่ไง" หลังพูดจบ ต้องก็ควักกระดาษใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง
"เฮ้ย แกจะเล่นผีถ้วยแก้วเหรอ" เราเป็นคนถามต้อง
"ไปป่ะหละ แหม ทำเป็นปอดแหกไปได้ แค่เล่นผีถ้วยแก้วเอง"
เรา จูนและโอ๋ มองหน้ากัน แทนคำถามว่าจะออกไปเล่นกับต้องมันมั้ย สำหรับเราใจนึงก็อยากลอง ใจนึงก็กลัวเพราะเป็นคนที่มักจะเห็นภูติผีวิญญาณบ่อยๆ แต่ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น กลัวเพื่อนหาว่าไม่กล้า ปอดแหกไม่แน่จริง สุดท้ายก็เลยตัดสินใจยอมออกจากเต้นท์และตามต้องมันไป
ตอนนี้เรากับเพื่อนอีก 5 คน เดินมาถึงเพิงที่ต้องมันว่าไว้ มันเป็นเพิงไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ก็ดูแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักคน 6 คนในตอนนี้ได้ รอบข้างมืดทึบ ระงมไปด้วยเสียงแมลงนานาชนิดที่ออกหากินยามค่ำคืน แสงสว่างจากไฟฟ้าก็ไม่มี จะมีก็เพียงแสงจันทร์ลางๆที่ลอดผ่านใบไม้มา ข้ามท้องร่องข้างๆเพิงนี้ไปก็มืดทึบด้วยป่ากล้วยที่เวลาลมพัดดูน่ากลัวยิ่งนักมองดูเผินๆเสมือนคนโบกมือเรียกเราให้เดินเข้าไปหา.....
"เริ่มเลยนะ จะเที่ยงคืนละ" ต้องพูดพลางหยิบกระดาษประกอบพิธีเล่นกับแก้วใบเล็กๆออกมากระเป๋ากางเกง
"เอาจริงนะไอ้ต้อง" จูนทักขึ้น
"ปอดแหกรึไง E ช้างน้ำ จะเดินกลับไปคนเดียวมั้ยหละ พวกข้าไม่กลับไปส่งนะเว้ย ฮาๆๆๆ" กุ้ง เด็กสาวที่ออกแนวเป็นทอมบอยเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะชอบใจ
"แนน แกเอาธูปมาดิ ไฟแช็คด้วย" ต้องพูด
ตอนนี้ต้องนั่งพนมธูปหนึ่งดอกไว้ในมือ ปากก็ร่ายบทสวดหรือคาถาอะไรก็ไม่รู้ บอกตรงๆนะเราเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ไม่อยากทักอะไร ตอนนี้ทุกคนนิ่งเงียบกันหมด รวมทั้งบรรยากาศรอบตัวที่เงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงของแมลงที่ร้องระงมอย่างเมื่อซักครู่
"เอาล่ะ ทุกคนเอานิ้วมาแตะรวมกันที่ก้นแก้ว และพูดตามข้านะ" พวกเราทำตามที่ต้องบอกโดยไม่มีใครคัดค้านอะไร รู้เลยว่าตอนนี้มีใครบางคนไม่อยากเล่นและอยากที่จะกลับไปที่เต้นท์ใจจะขาด แต่.... ใครล่ะที่จะกล้าพอเดินกลับออกจากตรงนี้ไปคนเดียว
เวลาผ่านไปไม่ถึง 5 นาที แก้วใบเล็กเริ่มมีการขยับ ซึ่งเราเองก็ไม่แน่ใจว่ามีวิญญาณเข้ามาสิงที่แก้วจริงๆหรือเพราะแรงดันจากนิ้วของพวกเราเอง แต่ก็รู้สึกได้อย่างนึงตอนนี้คือ....แก้วขยับและหมุนวนเป็นวงกลม เร็วขึ้นและเร็วขึ้นจากตอนแรกมาก
"เฮ้ย ขยับเร็วจังวะ อย่าดันกันเองดิ" กุ้งพูดขึ้นเสียงดัง
แก้วใบเล็กที่เคลื่อนย้ายไปมาหยุดชะงัก คล้ายเข้าใจคำพูดที่กุ้งพูดขึ้น ตอนนี้ทุกคนเงียบและสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักแต่อย่างที่บอก ไม่มีใครกล้าลุกออกไปจากตรงนี้ จึงทำได้แค่ ยอมนั่งเล่นต่อไป ...
"ถ้าเข้ามาสิงอยู่ในแก้วแล้วจริงๆบอกหน่อยสิว่าชื่ออะไร" กุ้งเป็นคนถามขึ้น
แก้วเริ่มขยับอีกครั้ง หมุนวนๆๆๆอยู่หลายรอบ จนมาหยุดที่ตัวอักษร "ม"
"ม ม้า" พวกเราพูดขึ้นมาพร้อมกัน
"อะไรวะ ม ม้า มีใครดันแก้วป่าวเนี่ย" ยังไม่ทันที่ต้องจะพูดจบ แก้วก็วนไปหยุดที่ สระ -ี
คำที่ได้ออกมามาคือคำว่า มี และอะไรคือคำว่า มี หรือว่า วิญญาณที่มาสิงในแก้วจะกำลังบอกชื่อของตัวเองให้พวกเราได้รับรู้
หลังจากได้คำตอบจากคำถามแรก ตอนนี้พวกเราเริ่มหาคำถามและรอลุ้นกับคำตอบที่จะได้ ไม่ว่าจะด้วยการดันแก้วจากพวกเราเองหรืออะไรก็ตามที่มองไม่เห็น มันกำลังทำให้พวกเราตื่นเต้นจนลืมกลัวไปได้บ้างพอสมควร แต่แล้วพวกเราก็หน้าซีดกันอีกครั้งเมื่อต้อง...ได้ถามคำถามนี้
"ในเมื่อบอกว่าโดนแทงตาย ไปเกิดไม่ได้ แล้วศพอยู่ที่ไหนล่ะ"
แก้วขยับไปยังตัวอักษรและสระต่างๆจนรวบรวมเป็นประโยคได้ว่า "ก็อยู่ใต้เพิงที่พวกมึ_ นั่งกันอยู่นี่แหละ" พวกเรามองหน้ากันและตกใจมาก ตอนนี้เริ่มไม่สนุกล่ะ ทำไมมาดันแก้วหลอกกันเองแบบนี้ ตอนนี้ต้องกับกุ้งเริ่มพูดจาโวยวายเพราะคิดว่าเพื่อนมาแกล้งกันเอง เรากับเพื่อนๆที่เหลือบอกว่าให้เลิกเหอะ เพราะสถานการณ์เริ่มไม่โอเคละ แกล้งกันเองแบบนี้หลอกกันให้กลัวเปล่าๆ แต่ต้องกับกุ้งก็ยังยืนยันจะเล่นต่อ แนนเลยบอกว่างั้นก็เล่นกัน 2 คนละกัน พวกเราจะนั่งดูเฉยๆจะได้ไม่หาว่าพวกเราแกล้ง แล้วพอกุ้งกับต้องเอานิ้วแตะที่ก้นแก้วอีกครั้ง ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร แก้วก็ขยับไปมา จนรวบรวมคำได้ว่า
"อยากเจอกรูก็จะให้เจอ" เท่านั้นแหละ พวกเรา 4 คนที่ไม่ได้เล่นรวมถึงกุ้งกับต้องต่างก็ผงะกันด้วยความตกใจ เพราะตอนนี้ทุกคนแน่ใจละว่ามันไม่ใช่เรื่องที่พวกเรามาแกล้งกันเองอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทันทีที่ใครจะได้พูดอะไร กุ้ง ก็ได้ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง
"ผีห่_ ไร กรูไม่กลัวหรอก" ว่าแล้ว กุ้งก็จับแก้วหงายขึ้นโดยที่ยังไม่ทันได้จุดธูปบอก (ซึ่งตามปกติถ้าเลิกเล่นต้องจุดธูปเชิญวิญญาณออกเหมือนตอนที่เชิญเข้า) หลังจากหงายแก้วขึ้น กุ้งก็นิ่งไป นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา พวกเราที่เหลือก็เริ่มใจไม่ดี แต่ยังคิดว่ากุ้งมันอาจจะแกล้งจนต้องมันเอื้อมมือไปดันไหล่กุ้ง
"กุ้ง กุ้ง มึ_ เป็นไรวะ" แทนคำตอบ กุ้งสะบัดมือต้องแต่เพียงแค่สะบัดเบาๆกลับเหมือนมีเรี่ยวแรงมหาศาลทำให้ต้องตกลงไปจากเพิงที่นั่งอยู่ลงไปข้างล่าง ตอนนี้พวกเราที่เหลือ 4 คนนั่งกอดกันอยู่ตรงมุมเพิง ขณะที่โอ๋และแนนเริ่มร้องไห้ เราเองก็เริ่มใจไม่ดี แล้วจู่ๆ....
กุ้งก็กระโดดลงไปจากเพิง ลงไปยังท้องร่องข้างป่ากล้วย ยืนร้องโหยหวนอยู่ในท้องร่องนั้นปานไม่ใช่มนุษย์ มิหนำซ้ำยังก้มลงหยิบดินดำๆในท้องร่องแล้วเอามายืนกินหน้าตาเฉย ตาแดงก่ำ จ้องมองมายังพวกเราด้วยสายตาอาฆาตแค้น ทันใดนั้นอยู่ๆต้องมันก็โดดลงไปในท้องร่องพยายามห้ามกุ้งไม่ให้กินดินเข้าไปและบอกให้กุ้งมีสติ นี่พวกเรา พวกเราเป็นเพื่อนแก พวกเราเห็นต้องทำแบบนั้นก็พยามยามเข้าไปช่วยบ้าง แต่ด้วยพละกำลังที่มหาศาลของกุ้ง ทำให้เราพวกเราโดนกุ้งสะบัดออกจากกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทาง เมื่อเห็นว่าช่วยไม่ได้แน่ๆ แนนและโอ๋ จึงตัดสินใจวิ่งกลับไปยังค่ายที่พัก เพื่อไปตามให้คนมาช่วย
ทั้งสองกลับมาพร้อมกับอาจารย์ผู้ชาย 3 คน และเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นเด็กผู้ชายอีก 5-6 คน ทุกคนมุ่งตรงมาที่กุ้งพากันจับตัวไว้แต่ไม่มีใครสู้แรงกุ้งได้เลย ใช้เวลาจับกันอยู่พักนึง จนสุดท้าย อาจารย์ก็ถอดสร้อยพระที่คอแล้วสวมไปที่คอของกุ้ง ทันใดนั้นกุ้งก็ล้มลงไปหมดสติไป
เราทั้งหมดกลับมาที่ค่าย โดยอาจารย์เป็นคนอุ้มกุ้งกลับมา ตอนนี้เสื้อผ้าของพวกเราทุกคนมีแต่ดินในท้องร่อง เลอะเทอะและเหม็นไปหมด อาจารย์ให้พวกเราทุกคนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนกุ้งก็ยังคงไม่ได้สติอยู่บนโต๊ะกลางห้องกิจกรรม
เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชม. กุ้งก็ตื่นขึ้นมา พร้อมกับทำหน้างงๆที่ตอนนี้มีคนห้อมล้อมเต็มไปหมด ได้แต่ถามว่าทำไมมาอยู่ตรงนี้ จำได้ว่าเล่นผีถ้วยแก้วอยู่ที่เพิงท้ายค่าย หลังจากที่กุ้งได้ยินเรื่องราวจากพวกเราทุกคน กุ้งก็ทำหน้าตกใจเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ทุกคนพูด จนต้องมันอำกุ้งว่า
"เอ....หรือว่าแกแกล้งวะกุ้ง"
"อำถึงขนาดกินดินในท้องร่องนี่ ไม่ไหวมั้งวะ"
หลังจากเรื่องจบ ช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางกลับกรุงเทพกัน โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เจอนั้นแท้ที่จริงแล้วเค้าเป็นใคร เค้าชื่อมี เป็นคนจังหวัดสระบุรี แล้วมาโดนแทงตายที่นี่จริงรึเปล่า ศพถูกฝังไว้ใต้เพิงนั้นจริงๆมั้ย? พวกเราทุกคนคงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจจนถึงทุกวันนี้.....
แล้วพวกเราทั้ง 6 คนก็โดนทำโทษหลังจากกลับมาจากเข้าค่าย โดยพวกเราทั้ง 6 คนต้องช่วยเก็บขยะทั่วโรงเรียนทุกชิ้นในตอนพักกลางวันเป็นเวลาทั้งหมด 1 เดือนเต็ม.....