จดหมายจากเมืองไทย เป็นนวนิยายของ โบตั๋น (สุภา ลือศิริ ต่อมาเป็น สิริสิงห (2488)) ที่ดำเนินเรื่องเล่า ผ่านจดหมายจำนวน 100 ฉบับ ที่ตัน ส่วงอู๋ เขียนถึงมารดาที่อยู่ที่ประเทศจีน
ตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่บนเรือโดยสารที่เดินทางมายังประเทศไทยในปี 2488 จนมาตั้งรกราก มีครอบครัวที่ประเทศไทย โดยเนื้อหาของจดหมายนั้น นอกจากจะบอกเล่าชีวิตของเขาเองแล้ว ยังได้บรรยายถึงวิถีชีวิต สภาพสังคมไทยในตอนนั้นไว้อีกด้วย
ทว่าจดหมายของเขาทุกฉบับ ไม่ได้รับการตอบกลับ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือ ไม่ได้ไปถึงมือมารดาของเขาเลย
เนื่องจากการติดต่อสื่อสารที่ยากลำบากในช่วงเวลานั้น ที่สงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งสิ้นสุดลง อีกทั้งในเวลาต่อมาประเทศไทยและจีนนั้นอยู่คนละฝ่ายในสมัยสงครามเย็น ทางการจีนได้ตรวจตราจดหมายที่ชาวจีนโพ้นทะเลส่งไปถึงญาติที่จีนอย่างเข้มงวด เพราะเกรงว่า หากชาวจีนรับรู้ถึงชีวิตที่ดีกว่าในต่างแดน จะพากันอพยพออกไปจนหมด
โดยจดหมายของเขาทั้ง 100 ฉบับนั้น ถูกตรวจพบเจอโดยตำรวจไทย จากผู้ลักลอบเข้าเมืองคนหนึ่ง ซึ่งเคยทำหน้าที่ตรวจจดหมาย หรือเป็น "กองเซนเซอร์" ประจำเซี่ยงไฮ้ ก่อนจะนำมาแปลและเผยแพร่ในเวลาต่อมา
แม้ว่านวนิยายเรื่องนี้จะเล่าเรื่องผ่านมุมมองของชาวจีนที่เป็นคนอนุรักษ์นิยม ซึ่งมองเมืองไทยและสังคมไทยในทางค่อนข้างลบ
แต่นวนิยายเรื่องนี้ได้รับรางวัลขององค์การ สปท.(SEATO) ในปี 2512 และเป็นนวนิยายเรื่องแรกที่บรรยายชีวิตชาวไทยเชื้อสายจีนได้ชัดเจนที่สุด
ก่อนที่หยก บูรพา (เฉลิม รงคผลิน 2490) จะเขียนเรื่อง อยู่กับก๋ง ในเวลาต่อมา
(หากตัน ส่วงอู๋ มีตัวตนอยู่จริง เขาจะอยู่ประเทศไทยมากว่า 20 ปี ในปี 2512 ปัจจุบันก็จะเป็นรุ่นหลานแล้ว)
คือ จขกท. อ่านเรื่องนี้มาแล้วรอบหนึ่ง และกำลังอ่านรอบที่สองอยู่ เกิดความสงสัยว่า สมัยก่อน ประเทศไทยพัฒนามาจนถึงปัจจุบันนี้ (แม้ช่วงหลังจะเจอวิกฤติหลายอย่างจนทำให้ดูเหมือนว่าหยุดพัฒนา หรือบางคนกล่าวว่าด้อยพัฒนาลงเลยก็มี) ได้อย่างไร ในเมื่อคนไทยในมุมมองของอาอู๋แย่ถึงขนาดนั้น ขนาด จขกท.ที่เป็นคนไทย ใช้ชีวิตแบบไทย (มีเชื้อจีนแต่น้อยมาก ไม่ถึง 1 ใน 10) เปิดกว้างพอสมควร ยังรู้สึกว่าแย่จริงๆเลย เชื่อได้เลยว่าถ้าคนไทยที่ชาตินิยมจัดหรือไม่ค่อยเปิดใจมากนักมาอ่านคงจะรับไม่ได้แน่ๆ (และแนะนำด้วยว่าอย่าอ่านดีกว่า)
อยากรู้ว่าที่มันพัฒนามาเพราะว่ามีคนส่วนหนึ่งที่เก่ง หรือมีปัจจัยอย่างอื่นประกอบด้วยหรือเปล่า
ขนาด จขกท. เป็นคนที่เปิดใจกว้างกับประเด็นพวกนี้พอสมควรนะ ยังอ่านไปพูดไปเลยว่า "นี่ ไอ้อู๋ ถ้าเมืองจีน คนจีนของลื้อดีจริง แล้วเมืองไทย คนไทยมันแย่จริงอย่างที่ลื้อบอกอ่ะนะ ลื้อจะมาเสี่ยงโชค มาค้าขายไปด่าคนไทยไปทำมะเขืออะไร" แต่ก็ต้องยอมรับว่า หลายอย่างที่แย่นั้นก็เป็นจริง และยังเป็นมาจนปัจจุบัน ต้องแก้ไข เริ่มที่ตัวเราก่อน
(จดหมายจากเมืองไทย) อ่านเรื่องนี้แล้วสงสัยมากว่า ประเทศไทยพัฒนามาได้ยังไงในเมื่อคนไทยเป็นแบบนั้น
ตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่บนเรือโดยสารที่เดินทางมายังประเทศไทยในปี 2488 จนมาตั้งรกราก มีครอบครัวที่ประเทศไทย โดยเนื้อหาของจดหมายนั้น นอกจากจะบอกเล่าชีวิตของเขาเองแล้ว ยังได้บรรยายถึงวิถีชีวิต สภาพสังคมไทยในตอนนั้นไว้อีกด้วย
ทว่าจดหมายของเขาทุกฉบับ ไม่ได้รับการตอบกลับ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือ ไม่ได้ไปถึงมือมารดาของเขาเลย
เนื่องจากการติดต่อสื่อสารที่ยากลำบากในช่วงเวลานั้น ที่สงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งสิ้นสุดลง อีกทั้งในเวลาต่อมาประเทศไทยและจีนนั้นอยู่คนละฝ่ายในสมัยสงครามเย็น ทางการจีนได้ตรวจตราจดหมายที่ชาวจีนโพ้นทะเลส่งไปถึงญาติที่จีนอย่างเข้มงวด เพราะเกรงว่า หากชาวจีนรับรู้ถึงชีวิตที่ดีกว่าในต่างแดน จะพากันอพยพออกไปจนหมด
โดยจดหมายของเขาทั้ง 100 ฉบับนั้น ถูกตรวจพบเจอโดยตำรวจไทย จากผู้ลักลอบเข้าเมืองคนหนึ่ง ซึ่งเคยทำหน้าที่ตรวจจดหมาย หรือเป็น "กองเซนเซอร์" ประจำเซี่ยงไฮ้ ก่อนจะนำมาแปลและเผยแพร่ในเวลาต่อมา
แม้ว่านวนิยายเรื่องนี้จะเล่าเรื่องผ่านมุมมองของชาวจีนที่เป็นคนอนุรักษ์นิยม ซึ่งมองเมืองไทยและสังคมไทยในทางค่อนข้างลบ
แต่นวนิยายเรื่องนี้ได้รับรางวัลขององค์การ สปท.(SEATO) ในปี 2512 และเป็นนวนิยายเรื่องแรกที่บรรยายชีวิตชาวไทยเชื้อสายจีนได้ชัดเจนที่สุด
ก่อนที่หยก บูรพา (เฉลิม รงคผลิน 2490) จะเขียนเรื่อง อยู่กับก๋ง ในเวลาต่อมา
(หากตัน ส่วงอู๋ มีตัวตนอยู่จริง เขาจะอยู่ประเทศไทยมากว่า 20 ปี ในปี 2512 ปัจจุบันก็จะเป็นรุ่นหลานแล้ว)
คือ จขกท. อ่านเรื่องนี้มาแล้วรอบหนึ่ง และกำลังอ่านรอบที่สองอยู่ เกิดความสงสัยว่า สมัยก่อน ประเทศไทยพัฒนามาจนถึงปัจจุบันนี้ (แม้ช่วงหลังจะเจอวิกฤติหลายอย่างจนทำให้ดูเหมือนว่าหยุดพัฒนา หรือบางคนกล่าวว่าด้อยพัฒนาลงเลยก็มี) ได้อย่างไร ในเมื่อคนไทยในมุมมองของอาอู๋แย่ถึงขนาดนั้น ขนาด จขกท.ที่เป็นคนไทย ใช้ชีวิตแบบไทย (มีเชื้อจีนแต่น้อยมาก ไม่ถึง 1 ใน 10) เปิดกว้างพอสมควร ยังรู้สึกว่าแย่จริงๆเลย เชื่อได้เลยว่าถ้าคนไทยที่ชาตินิยมจัดหรือไม่ค่อยเปิดใจมากนักมาอ่านคงจะรับไม่ได้แน่ๆ (และแนะนำด้วยว่าอย่าอ่านดีกว่า)
อยากรู้ว่าที่มันพัฒนามาเพราะว่ามีคนส่วนหนึ่งที่เก่ง หรือมีปัจจัยอย่างอื่นประกอบด้วยหรือเปล่า
ขนาด จขกท. เป็นคนที่เปิดใจกว้างกับประเด็นพวกนี้พอสมควรนะ ยังอ่านไปพูดไปเลยว่า "นี่ ไอ้อู๋ ถ้าเมืองจีน คนจีนของลื้อดีจริง แล้วเมืองไทย คนไทยมันแย่จริงอย่างที่ลื้อบอกอ่ะนะ ลื้อจะมาเสี่ยงโชค มาค้าขายไปด่าคนไทยไปทำมะเขืออะไร" แต่ก็ต้องยอมรับว่า หลายอย่างที่แย่นั้นก็เป็นจริง และยังเป็นมาจนปัจจุบัน ต้องแก้ไข เริ่มที่ตัวเราก่อน