อยากให้แฟนช่อง 7 บางคน ที่อาจจะมีภักษาหารเป็นเรตติ้ง เข้าใจกับสภาวะ New Normal ของช่อง
ที่ปัจจุบันคนดูมีทางเลือกมากขึ้น เรตติ้ง หรืออะไรของช่อง อาจจะไม่เหมือนเดิม ที่ช่องเคยเป็นในสมัยก่อนที่โทรทัศน์ยังมีไม่กี่ช่อง
เรตติ้งน้อยลง เหตุผลไม่ใช่เพราะช่องทำละครแย่ แบบที่ช่วงหนึ่งช่องเคยเป็นเสมอไป มันมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยแหละ
ไม่ใช่อะไร คือเห็นแฟนช่องประเภทนี้หลายคน แบบเรตติ้งน้อยนิดเดียวก็ว่าช่อง ปลายปีที่ผ่านมานี่เห็นได้ชัด คือแบบ สงสารช่องและผู้เกี่ยวข้องเลยอ่ะ
แล้วที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี กลางปีที่แล้วนี่ มันไม่มีความหมายเลยเหรอ ที่เอออวยกรี๊ดกร๊าดกันมาตลอด ทำไมล่ะ ต้องให้ดีตลอด ขึ้นตลอดลงไม่ได้เหรอ เหมือนเอาความสำเร็จของช่องมาสำเร็จความ.. ไม่ๆ มาเป็นที่สุขฟินของตัวเอง ถ้าละครงานแย่จริง ติได้ (เราก็ร่วมติด้วย) แต่ถ้าติบางเรื่องที่ค่อนข้างดี
เพราะเรตติ้งน้อยนี่มันดูงี่เง่าไปหน่อย ที่จริงการติชมเป็นเรื่องปกติของงานศิลป์ (ละครก็เป็นศิลป์อย่างหนึ่ง) อ่ะนะ
แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องเรตติ้งที่น้อยจะกระทบอะไรหรือเปล่า คือเรตติ้งมันเป็นรายได้หรือหัวใจของการทำรายการบันเทิงอยู่แล้ว ไม่ว่าในไทยหรือประเทศไหนๆเป็นเหมือนกันหมด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นช่องก็ต้องแก้ ไม่ต้องไปคิดแทนเขา (คือหลายคนไม่ได้ห่วงช่องหรอก เอาเรตติ้งเป็นความพอใจของตัวเองมากกว่า) อีกอย่าง ช่องเคยผ่านวิกฤติการณ์หนักยิ่งกว่านี้มาแล้ว แฟนช่องน่าจะเข้าใจ และรับได้ ไม่ใช่พอช่องกู้หน้ามาได้บ้าง แล้วเรตติ้งจะตกลงอีก ก็ว่าเขายังกับไม่มีอะไรดีเลย (โดยส่วนตัวเป็นคนที่ฝังใจกับเรื่องประเภทนี้ ที่ทำดีมาตลอดแล้วพอเจออะไรไม่ดีนิดเดียวก็ว่าราวกับความดีที่ผ่านมาไม่มีความหมาย บางคนอาจแถว่าสังคมจริงก็เป็นแบบนั้น ถ้าเขาเชื่อจริงๆก็ถือว่า.. ช่างมันเถอะ สังคมแย่ เราไม่จำเป็นต้องแย่ตาม เพียงแต่ต้องอยู่ให้ได้)
ซึ่งถ้าช่องทำอะไรไม่ดีจริง แย่จริง ช่องคงจะเจ๊งไปแล้ว เหมือนที่เคยมีคนตั้งกระทู้ถึงเพื่อนเขาคนหนึ่งที่บอกว่าช่องจะเจ๊งเพราะไม่มีคนดู โดยวัดจากโลกออนไลน์อย่างเดียว จขกท.ว่าคนคนนั้นที่เขาพูดถึงเป็น a human with a dog's brain and buffalo's intelligence อ่ะ
(คือโลกออนไลน์มีผลมากขึ้นก็จริง แต่ในไทยที่ผู้ใช้เน็ตยังมีไม่เท่าสังคมอย่างเกาหลีน่ะยังไงกระแสออนไลน์อย่างเดียววัดมันก็ไม่ยุติธรรมอยู่ดี)
แต่ช่อง (ถ้าคนในช่องอ่านกระทู้นี้อยู่) ก็ไม่ควรใช้คำว่า New Normal นี้มาอ้างเพื่อเป็นการปกปิดความไม่ต้องการพัฒนาของตนนะ ควรที่จะพัฒนางานของตนต่อไป ซึ่งการพัฒนางานละครที่ผ่านมาก็ทำได้ค่อนข้างดีพอสมควรแล้ว แต่อย่างอื่นที่มีคนแนะนำก็ควรพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นไป อย่าหยุดที่จะพัฒนา
อันนี้ขอชมช่อง ไม่ว่าใครจะว่าอะไรยังไง ก็ยังทำงานของตนต่อไป
หมายเหตุ: คำว่า New Normal นี้ จขกท. ไม่ได้คิดเอง เป็นคำที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวไว้ตั้งแต่ประมาณปี 2012
คำว่า New Normal (新常态 Xīn chángtài) นี้หมายถึงภาวะปกติแบบใหม่ของจีน ที่จีนมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำลง อันเป็นผลมาจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกตั้งแต่ปี 2008 ทำให้การส่งออกของจีนที่เป็นที่มาหลักของการลงทุน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนมาตลอดตั้งแต่ช่วงปฏิรูปในปลายยุค 70 ถึงต้น 80 ซึ่งทำให้การเจริญเติบโตของจีนสูงมาก (เลข 2 หลัก) ติดต่อกันหลายสิบปี นั้น ตกต่ำลงไม่ถึงเลข 2 หลัก หลายฝ่ายมองว่าเป็นความผิดปกติ แต่ว่าผู้นำจีนใช้คำว่าเป็น New Normal โดยในช่วงนี้จีนจะเน้นกระตุ้นการบริโภคภายใน และการพัฒนานวัตกรรมแทน
รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่
http://www.bbc.com/news/business-34344926
อยากให้แฟนช่อง 7 บางคนเข้าใจกับสภาวะ New Normal ของช่อง
ที่ปัจจุบันคนดูมีทางเลือกมากขึ้น เรตติ้ง หรืออะไรของช่อง อาจจะไม่เหมือนเดิม ที่ช่องเคยเป็นในสมัยก่อนที่โทรทัศน์ยังมีไม่กี่ช่อง
เรตติ้งน้อยลง เหตุผลไม่ใช่เพราะช่องทำละครแย่ แบบที่ช่วงหนึ่งช่องเคยเป็นเสมอไป มันมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยแหละ
ไม่ใช่อะไร คือเห็นแฟนช่องประเภทนี้หลายคน แบบเรตติ้งน้อยนิดเดียวก็ว่าช่อง ปลายปีที่ผ่านมานี่เห็นได้ชัด คือแบบ สงสารช่องและผู้เกี่ยวข้องเลยอ่ะ
แล้วที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี กลางปีที่แล้วนี่ มันไม่มีความหมายเลยเหรอ ที่เอออวยกรี๊ดกร๊าดกันมาตลอด ทำไมล่ะ ต้องให้ดีตลอด ขึ้นตลอดลงไม่ได้เหรอ เหมือนเอาความสำเร็จของช่องมาสำเร็จความ.. ไม่ๆ มาเป็นที่สุขฟินของตัวเอง ถ้าละครงานแย่จริง ติได้ (เราก็ร่วมติด้วย) แต่ถ้าติบางเรื่องที่ค่อนข้างดี
เพราะเรตติ้งน้อยนี่มันดูงี่เง่าไปหน่อย ที่จริงการติชมเป็นเรื่องปกติของงานศิลป์ (ละครก็เป็นศิลป์อย่างหนึ่ง) อ่ะนะ
แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องเรตติ้งที่น้อยจะกระทบอะไรหรือเปล่า คือเรตติ้งมันเป็นรายได้หรือหัวใจของการทำรายการบันเทิงอยู่แล้ว ไม่ว่าในไทยหรือประเทศไหนๆเป็นเหมือนกันหมด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นช่องก็ต้องแก้ ไม่ต้องไปคิดแทนเขา (คือหลายคนไม่ได้ห่วงช่องหรอก เอาเรตติ้งเป็นความพอใจของตัวเองมากกว่า) อีกอย่าง ช่องเคยผ่านวิกฤติการณ์หนักยิ่งกว่านี้มาแล้ว แฟนช่องน่าจะเข้าใจ และรับได้ ไม่ใช่พอช่องกู้หน้ามาได้บ้าง แล้วเรตติ้งจะตกลงอีก ก็ว่าเขายังกับไม่มีอะไรดีเลย (โดยส่วนตัวเป็นคนที่ฝังใจกับเรื่องประเภทนี้ ที่ทำดีมาตลอดแล้วพอเจออะไรไม่ดีนิดเดียวก็ว่าราวกับความดีที่ผ่านมาไม่มีความหมาย บางคนอาจแถว่าสังคมจริงก็เป็นแบบนั้น ถ้าเขาเชื่อจริงๆก็ถือว่า.. ช่างมันเถอะ สังคมแย่ เราไม่จำเป็นต้องแย่ตาม เพียงแต่ต้องอยู่ให้ได้)
ซึ่งถ้าช่องทำอะไรไม่ดีจริง แย่จริง ช่องคงจะเจ๊งไปแล้ว เหมือนที่เคยมีคนตั้งกระทู้ถึงเพื่อนเขาคนหนึ่งที่บอกว่าช่องจะเจ๊งเพราะไม่มีคนดู โดยวัดจากโลกออนไลน์อย่างเดียว จขกท.ว่าคนคนนั้นที่เขาพูดถึงเป็น a human with a dog's brain and buffalo's intelligence อ่ะ
(คือโลกออนไลน์มีผลมากขึ้นก็จริง แต่ในไทยที่ผู้ใช้เน็ตยังมีไม่เท่าสังคมอย่างเกาหลีน่ะยังไงกระแสออนไลน์อย่างเดียววัดมันก็ไม่ยุติธรรมอยู่ดี)
แต่ช่อง (ถ้าคนในช่องอ่านกระทู้นี้อยู่) ก็ไม่ควรใช้คำว่า New Normal นี้มาอ้างเพื่อเป็นการปกปิดความไม่ต้องการพัฒนาของตนนะ ควรที่จะพัฒนางานของตนต่อไป ซึ่งการพัฒนางานละครที่ผ่านมาก็ทำได้ค่อนข้างดีพอสมควรแล้ว แต่อย่างอื่นที่มีคนแนะนำก็ควรพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นไป อย่าหยุดที่จะพัฒนา
อันนี้ขอชมช่อง ไม่ว่าใครจะว่าอะไรยังไง ก็ยังทำงานของตนต่อไป
หมายเหตุ: คำว่า New Normal นี้ จขกท. ไม่ได้คิดเอง เป็นคำที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวไว้ตั้งแต่ประมาณปี 2012
คำว่า New Normal (新常态 Xīn chángtài) นี้หมายถึงภาวะปกติแบบใหม่ของจีน ที่จีนมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำลง อันเป็นผลมาจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกตั้งแต่ปี 2008 ทำให้การส่งออกของจีนที่เป็นที่มาหลักของการลงทุน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนมาตลอดตั้งแต่ช่วงปฏิรูปในปลายยุค 70 ถึงต้น 80 ซึ่งทำให้การเจริญเติบโตของจีนสูงมาก (เลข 2 หลัก) ติดต่อกันหลายสิบปี นั้น ตกต่ำลงไม่ถึงเลข 2 หลัก หลายฝ่ายมองว่าเป็นความผิดปกติ แต่ว่าผู้นำจีนใช้คำว่าเป็น New Normal โดยในช่วงนี้จีนจะเน้นกระตุ้นการบริโภคภายใน และการพัฒนานวัตกรรมแทน
รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่
http://www.bbc.com/news/business-34344926