หนังเก่าเล่าใหม่ 037: The Classic (Jae-young Kwak,2003)

" คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต " ความหวานที่ผสมความขมที่ลงตัวถูกถ่ายทอดเรื่องราวผ่านความรักของคนรุ่นก่อนและคนรุ่นหลังอย่างพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ สมชื่อเรื่อง 'The Classic' เพราะตัวหนังแทบจะมีครบทุกอย่าง ที่พอจะเป็นสาเหตุของการผิดหวังในเรื่องความรักได้เลย เราชอบที่หนังไม่ได้ใจร้ายขนาดเล่าให้มันผิดหวังไปซะทุกอย่าง เพราะหนังเล่าเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังตัดสลับความรักที่สมหวังบนเส้นขนานของคนสองรุ่นได้อย่างลงตัวเอามากๆ ผ่านตัวละครรุ่นลูกที่กำลังเรียนรู้บทเรียนเรื่องราว 'ความรัก' จากรุ่นพ่อแม่ จากจดหมายในกล่องใบเล็ก จากสมุดบันทึกหลายหน้า ร้อยเรียงเรื่องราวที่ชวนให้เราร้องไห้ในทุกอารมณ์ที่หนังนำเสนอ ร้องไห้ในความรักที่ผิดหวัง ร้องไห้ในความรักที่สมหวัง คำถามที่ตามมาคือ เรายอมสละความรักเพื่อคนที่เรารักได้ขนาดนั้นจริงๆ เหมือนที่ตัวละครในเรื่องกำลังทำได้หรือเปล่านะ ความรักที่ใส่ซื่อบริสุทธิ์ ความรักที่พร้อมจะแลกชีวิตและทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก มันยังมีจริงอยู่ในโลกใบนี้ หรือมีแค่เพียงเรื่องราวที่ถูกเล่าในหนังเพียงแค่นั้น

เอาจริงๆมันอาจจะดูโรแมนติกไปสำหรับเรื่องนี้ แต่ใครจะรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับใครสักคนบนโลกใบนี้ก็ได้ ยิ่งดูยิ่งจรรโลงใจในมิติของตัวละคร แม้หนังจะเล่นประเด็นชวนดราม่าไร้ขอบเขตแบบใส่เต็มแค่ไหนก็ตาม และข้อผิดพลาดของหนังเรื่องนี้คือ ถ้าเราไม่เปิดใจที่จะดูหรือปล่อยตัวเองไปกับตัวละคร เชื่อเลยว่า 'The Classic' จะกลายร่างเป็นหนังชวนเลี่ยนดีๆนี้เอง เพราะฉนั้นการปล่อยใจไปกับการนั่งดูหนังเรื่องนี้คือสิ่งสำคัญมากๆสำหรับการเข้าถึงข้อความต่างๆที่หนังต้องการนำเสนอ ลองเชื่อในพรมลิขิตของคนสองคน 'ถ้าใช่แล้วยังไงก็ใช่' อุปสรรคจะมีมากมายแค่ไหน ถ้าวันที่เราจับมือกันแน่นพอแล้ว ไม่ว่าหนทางข้างหน้าต้องเจอเรื่องราวที่แสนสาหัสแค่ไหน เราก็พร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน บางครั้งเราอาจไม่ต้องกำหนดอะไรเลย เพียงปล่อยให้เวลานำทางแล้วพาเราไป เพียงแค่นั้น ในสักวันหนึ่งเราอาจจะกลับมา ณ สถานที่ที่เราเคยผูกพัน เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ เราคงพร้อมที่จะ 'รักกัน' อีกครั้ง

ดนตรีประกอบคือเพราะมาก เพลงประกอบเพราะสุดๆ เป็นหนังอีกเรื่องที่ใช้ดนตรีในการเล่าเรื่องไปพร้อมกันได้สะเทือนอารมณ์ที่สุด ฉากหลายๆฉากชวนให้เราร้องไห้ ตุ๊กตาเเปียโนในร้านกาแฟ การจากลาเพื่อให้อีกคนไปเจอกับสิ่งที่ดีกว่า ฉากท้ายเรื่องหลังจากนางเองเล่าเรื่องของแม่จบแล้วพระเอกร้องไห้ แทบไม่ต้องมีบทพูดใดๆมาอธิบาย แค่การสวมสร้อยคอก็สามารถสื่ออารมณ์ทั้งหมดได้จับใจมากๆแล้ว ในวันที่ฝนตกเราอยากจะเปียกฝนไปพร้อมกัน กับใครสักคนที่เราแอบชอบถึงแม้ในมือของเราจะมีร่มอยู่แล้วก็ตาม เราอยากมี 'ร่มวิเเศษ' จริงๆนะ ฉากปิดเปิดไฟที่โครตจะน่ารักและถูกใช้หลายรอบได้อย่างคุ้มค่าเพื่อรองรับอารมณ์ของตัวละครที่ค่อยๆเปลี่ยนไปที่ละนิดๆ ไม่เพียงแค่ฉากดราม่าน้ำตาซึมเพียงแค่นั้น หนังยังมีหลายๆฉากที่ทำให้เรายิ้มและหัวเราะในความสัมพันธ์ของคนสองคน เราชอบการตัดสลับอารมณ์ของตัวหนัง เพียงชั่ววินาที ที่ตัวละครกำลังยิ้ม เพียงชั่ววินาที ที่ตัวละครกำลังร้องไห้ เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราร้องไห้และยิ้มได้ไปพร้อมกัน

สุดท้าย 'The Classic' จัดเป็นหนัง 'โรแมนติกผสมคอมเมดี้' ที่ลงตัวมากๆ เรื่องหนึ่งและเป็นเรื่องที่เราจะหยิบมันกลับมาดูซ้ำหลายๆรอบ เพราะทุกรอบที่เราหยิบมันกลับมาดูข้อความของหนังกลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามช่วงเวลา เพียงแค่เราลองเปิดใจ ปล่อยให้หัวใจได้ล่องลอยไปกับตัวละคร ผ่านช่วงเวลาสองยุคสมัยที่แตกต่างกันทางสังคม สภาพแวดล้อม แต่ไม่ว่ายุคสมัยจะเคลื่อนตัวไปตามกาลเวลาแค่ไหน สิ่งที่เรียกว่า 'ความรัก' ก็ยังคงสดและใหม่เสมอ บางที่ฟ้าอาจกำหนดให้เราต้องผิดหวังในวันนี้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหนทางข้างหน้า ฟ้าอาจจะกำหนดให้เราสมหวังก็ได้ เราคงฝืนโชคชะตาไม่ได้หรอก มันก็คงเหมือนกับตัวละครในเรื่องนั้นแหละ...หวังว่าเราคงจะพบกันนะ

ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง

ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หนังเก่าเล่าใหม่ 037: The Classic (Jae-young Kwak,2003) เขียนโดย Form Corleone
" คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต " ความหวานที่ผสมความขมที่ลงตัวถูกถ่ายทอดเรื่องราวผ่านความรักของคนรุ่นก่อนและคนรุ่นหลังอย่างพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ สมชื่อเรื่อง 'The Classic' เพราะตัวหนังแทบจะมีครบทุกอย่าง ที่พอจะเป็นสาเหตุของการผิดหวังในเรื่องความรักได้เลย เราชอบที่หนังไม่ได้ใจร้ายขนาดเล่าให้มันผิดหวังไปซะทุกอย่าง เพราะหนังเล่าเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังตัดสลับความรักที่สมหวังบนเส้นขนานของคนสองรุ่นได้อย่างลงตัวเอามากๆ ผ่านตัวละครรุ่นลูกที่กำลังเรียนรู้บทเรียนเรื่องราว 'ความรัก' จากรุ่นพ่อแม่ จากจดหมายในกล่องใบเล็ก จากสมุดบันทึกหลายหน้า ร้อยเรียงเรื่องราวที่ชวนให้เราร้องไห้ในทุกอารมณ์ที่หนังนำเสนอ ร้องไห้ในความรักที่ผิดหวัง ร้องไห้ในความรักที่สมหวัง คำถามที่ตามมาคือ เรายอมสละความรักเพื่อคนที่เรารักได้ขนาดนั้นจริงๆ เหมือนที่ตัวละครในเรื่องกำลังทำได้หรือเปล่านะ ความรักที่ใส่ซื่อบริสุทธิ์ ความรักที่พร้อมจะแลกชีวิตและทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก มันยังมีจริงอยู่ในโลกใบนี้ หรือมีแค่เพียงเรื่องราวที่ถูกเล่าในหนังเพียงแค่นั้น
เอาจริงๆมันอาจจะดูโรแมนติกไปสำหรับเรื่องนี้ แต่ใครจะรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับใครสักคนบนโลกใบนี้ก็ได้ ยิ่งดูยิ่งจรรโลงใจในมิติของตัวละคร แม้หนังจะเล่นประเด็นชวนดราม่าไร้ขอบเขตแบบใส่เต็มแค่ไหนก็ตาม และข้อผิดพลาดของหนังเรื่องนี้คือ ถ้าเราไม่เปิดใจที่จะดูหรือปล่อยตัวเองไปกับตัวละคร เชื่อเลยว่า 'The Classic' จะกลายร่างเป็นหนังชวนเลี่ยนดีๆนี้เอง เพราะฉนั้นการปล่อยใจไปกับการนั่งดูหนังเรื่องนี้คือสิ่งสำคัญมากๆสำหรับการเข้าถึงข้อความต่างๆที่หนังต้องการนำเสนอ ลองเชื่อในพรมลิขิตของคนสองคน 'ถ้าใช่แล้วยังไงก็ใช่' อุปสรรคจะมีมากมายแค่ไหน ถ้าวันที่เราจับมือกันแน่นพอแล้ว ไม่ว่าหนทางข้างหน้าต้องเจอเรื่องราวที่แสนสาหัสแค่ไหน เราก็พร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน บางครั้งเราอาจไม่ต้องกำหนดอะไรเลย เพียงปล่อยให้เวลานำทางแล้วพาเราไป เพียงแค่นั้น ในสักวันหนึ่งเราอาจจะกลับมา ณ สถานที่ที่เราเคยผูกพัน เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ เราคงพร้อมที่จะ 'รักกัน' อีกครั้ง
ดนตรีประกอบคือเพราะมาก เพลงประกอบเพราะสุดๆ เป็นหนังอีกเรื่องที่ใช้ดนตรีในการเล่าเรื่องไปพร้อมกันได้สะเทือนอารมณ์ที่สุด ฉากหลายๆฉากชวนให้เราร้องไห้ ตุ๊กตาเเปียโนในร้านกาแฟ การจากลาเพื่อให้อีกคนไปเจอกับสิ่งที่ดีกว่า ฉากท้ายเรื่องหลังจากนางเองเล่าเรื่องของแม่จบแล้วพระเอกร้องไห้ แทบไม่ต้องมีบทพูดใดๆมาอธิบาย แค่การสวมสร้อยคอก็สามารถสื่ออารมณ์ทั้งหมดได้จับใจมากๆแล้ว ในวันที่ฝนตกเราอยากจะเปียกฝนไปพร้อมกัน กับใครสักคนที่เราแอบชอบถึงแม้ในมือของเราจะมีร่มอยู่แล้วก็ตาม เราอยากมี 'ร่มวิเเศษ' จริงๆนะ ฉากปิดเปิดไฟที่โครตจะน่ารักและถูกใช้หลายรอบได้อย่างคุ้มค่าเพื่อรองรับอารมณ์ของตัวละครที่ค่อยๆเปลี่ยนไปที่ละนิดๆ ไม่เพียงแค่ฉากดราม่าน้ำตาซึมเพียงแค่นั้น หนังยังมีหลายๆฉากที่ทำให้เรายิ้มและหัวเราะในความสัมพันธ์ของคนสองคน เราชอบการตัดสลับอารมณ์ของตัวหนัง เพียงชั่ววินาที ที่ตัวละครกำลังยิ้ม เพียงชั่ววินาที ที่ตัวละครกำลังร้องไห้ เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราร้องไห้และยิ้มได้ไปพร้อมกัน
สุดท้าย 'The Classic' จัดเป็นหนัง 'โรแมนติกผสมคอมเมดี้' ที่ลงตัวมากๆ เรื่องหนึ่งและเป็นเรื่องที่เราจะหยิบมันกลับมาดูซ้ำหลายๆรอบ เพราะทุกรอบที่เราหยิบมันกลับมาดูข้อความของหนังกลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามช่วงเวลา เพียงแค่เราลองเปิดใจ ปล่อยให้หัวใจได้ล่องลอยไปกับตัวละคร ผ่านช่วงเวลาสองยุคสมัยที่แตกต่างกันทางสังคม สภาพแวดล้อม แต่ไม่ว่ายุคสมัยจะเคลื่อนตัวไปตามกาลเวลาแค่ไหน สิ่งที่เรียกว่า 'ความรัก' ก็ยังคงสดและใหม่เสมอ บางที่ฟ้าอาจกำหนดให้เราต้องผิดหวังในวันนี้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหนทางข้างหน้า ฟ้าอาจจะกำหนดให้เราสมหวังก็ได้ เราคงฝืนโชคชะตาไม่ได้หรอก มันก็คงเหมือนกับตัวละครในเรื่องนั้นแหละ...หวังว่าเราคงจะพบกันนะ
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/