หนังเก่าเล่าใหม่ 053: Windstruck (Jae-young Kwak, 2004)
" ถ้าวันหนึ่งเราตายไป เราจะกลับมาเกิดเป็นสายลม " พรหมลิขิตอาจพาให้เรามาเจอกัน เคยมีความเชื่อประมาณนั้น มีความเชื่อว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้พบเจอกันในวันนี้มักจะมีเหตุผลในการเจอกันเสมอ อาจจะเป็นการเจอกันในวันที่เราทุกข์ใจหรือเจอกันในวันที่เรามีความสุขก็แล้วแต่ การได้เจอกันล้วนมีความหมายให้เราหวนคิดถึงเสมอ ' Windstruck ' คือหนังแนว คอมเมดี้-ดราม่า ตามสไตล์ ‘Jae-young Kwak’ เราชอบที่หนังมีความกระโดดไปกระโดดมา ทำให้ช่วงเวลาที่กำลังดูหนังเรื่องนี้อารมณ์ของเราก็กระโดดตามไปกับหนัง บางอารมณ์ก็ชวนสนุก หัวเราะ เผลอแปบเดียวก็ตัดดราม่า เป็นอีกเรื่องที่เราคิดว่าผู้กำกับจงใจวางบทไว้ค่อนข้างดีมาก แม้เนื้อหาทั้งหมดจะเล่าเรื่องถึงความรักของคนสองคนแบบเล่นใหญ่มากๆ แต่การวางบทที่แยบยลทำให้การกระโดดไปกระโดดมาของเรื่องทำได้อย่างดี บทภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้อาจมองในเชิงปรัชญาความรักได้เลย ถ้าจะมองไปให้ไกลขนาดนั้น เสน่ห์ของหนังอีกอย่างหรืออาจจะเป็นของตัวผู้กำกับเอง คือการใส่ดนตรีประกอบและเพลงประกอบที่ถูกจังหวะ บิ้วท์อารมณ์ได้เป็นอย่างดี ถึงกระนั้นหนังก็ยังขาดองค์ประกอบที่ทำให้เราเชื่อแบบสนิทใจไปกับตัวละคร มีจุดเล็กๆน้อยๆที่ดูไม่ค่อยไหลลื่น ถ้าเทียบกับ 'The classic' หรือ ' My sassy girl ' แต่ภาพรวมถือเป็นงานที่ดีใช้ได้เลย
เราชอบความหวานและความเศร้าของหนัง ช่วงท้ายเรื่องหนังพาเราเข้าไปในโลกของตัวละครทั้งสองตัวได้จริงๆ แม้ช่วงต้นเรื่องและกลางเรื่องเราจะไม่รู้สึกอินเท่าที่ควร อย่างที่บอกไปว่าหนังเรื่องนี้อาจเป็นหนังแนวทดลองเล่นกับความรู้สึกคนดูที่กำลังดูอยู่ได้พอตัว เราชอบนิทานที่นางเองเล่าให้พระเอกฟัง เรื่องที่มาของการ 'เกี่ยวก้อย' สัญญาระหว่างคนรัก เป็นเรื่องราวที่น่ารักระหว่างเจ้าหญิงกับเจ้าชาย เรื่องราวของคนรักที่ตายจากไปแต่วิญญาณยังคงอยู่ในโลกมนุษย์อีก 49 วัน และเจ้าชายเจ้าหญิงก็ตายตามกันไปตามคำสัญญา ชวนเพ้อฝันดี!!! ความเชื่อมโยงของนิทานชวนเพ้อฝันเรื่องนี้ อาจเปรียบเสมือนชิ้นส่วนสำคัญของเรื่องทั้งหมด มีประโยคง่ายๆเช่น ที่พระเอกถามนางเอกว่า 'ถ้าหากผมต้องตายไป คุณจะตายตามไปเหมือนเจ้าหญิงมั๊ย' บางทีเราก็คงคิดเหมือนกับที่ตัวละครในเรื่องคิด ณ ตอนแรก 'จะตายตามไปทำไมล่ะ ' คำตอบแบบไม่คิด แต่ใครจะรู้ว่าถ้าวันนั้นมาถึง คนที่เรารักตายจากโลกนี้ไป โลกรอบกายเราไม่เหลือใครให้รักอีกต่อไป การตายตามคนที่เรารักอาจเป็นทางเลือกที่เราเลือกเป็นอันดับแรกก็ได้อย่างไรก็ตามการมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกใบนี้ก็ยังคงสวยงามอยู่ดี และการพบเจอใครสักคนในโลกใบนี้ก็ยังเป็นเรื่องดีๆ ในความทรงจำครั้งใหม่เสมอ
ในวันที่แสงอ่อนๆของดวงอาทิตย์สัมผัสผิวกายเรารู้สึกว่ามันแสนจะ 'อบอุ่น' ในวันที่เมฆเริ่มก่อตัวเรารู้สึกถึงความ 'เศร้า+หม่นหมอง' ในวันที่ฝนตก เม็ดฝนชวนให้เรารู้สึก 'เหงา' ในวันที่ลมพัดแรงเรารู้สึกรับรู้ถึงสายลม แม้เราจะมองสายลมไม่เห็น บางวันสภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลง เหมือนความรู้สึกที่เปลี่ยนไป หรือ ที่เรารู้สึกว่าเปลี่ยนเพราะเรากำลังคิดถึงคนที่เรารัก คิดถึงใครสักคนในห้วงอารมณ์เหล่านั้น หรือแท้จริงแล้วสภาพอากาศอาจไม่ได้ทำให้ใจเราเปลี่ยนแปลงเท่ากับคนที่เรารัก เราไม่เคยเห็นความรักหรอก แต่เราคิดว่าเราสัมผัสความรักได้นะ มันคงไม่ต่างอะไรกับสายลม
สุดท้าย ' Windstruck ' เป็นหนังที่ให้ความรักของคนสองคนแบบเล่นใหญ่มากๆ แม้จะมีจังหวะเข้าทำรับส่งระหว่างนักแสดงได้ดี แต่การที่พล็อตเรื่องของหนังดูจะก้าวกระโดดไปมา อาจทำให้เราซึ้งหรืออินได้ไม่สุดแต่เราก็ชอบนะที่เป็นแบบนั้น ภาพรวมถือว่าเป็นหนังย้อมใจได้เรื่องหนึ่ง ท้ายสุด การกล่าวคำว่าขอโทษสำหรับคนที่เรารักอาจไม่ได้มีความหมายถ้าคนที่เรารักไม่ได้ให้อภัยในสิ่งที่เราทำ และความรักก็ยังคงให้พลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเสมอ การมีคนรักอยู่ข้างกายนั้นย่อมเป็นเรื่องดีที่ปฏิเสธไม่ได้ทั้งหมด แต่การที่ไม่มีคนรักข้างกายนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เพราะทุกครั้งที่เราคิดถึงใครคนนั้น บางทีมันอาจจะเหมือนสายลมที่พัดผ่านร่างกายเราในวันที่เราเหงาที่สุด สิ่งที่เราหวังให้เป็นอาจไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง สักวันอาจไม่มีใครอยู่ข้างกายแต่นั้นก็ไม่ได้บอกว่าเราจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้ที่ไหนกัน 'อ้าแขนรับแรงกระแทกของสายลมกันเถอะ ถ้ามันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้บ้างนะ'
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
หนังเก่าเล่าใหม่ 053: Windstruck (Jae-young Kwak, 2004) เขียนโดย Form Corleone
" ถ้าวันหนึ่งเราตายไป เราจะกลับมาเกิดเป็นสายลม " พรหมลิขิตอาจพาให้เรามาเจอกัน เคยมีความเชื่อประมาณนั้น มีความเชื่อว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้พบเจอกันในวันนี้มักจะมีเหตุผลในการเจอกันเสมอ อาจจะเป็นการเจอกันในวันที่เราทุกข์ใจหรือเจอกันในวันที่เรามีความสุขก็แล้วแต่ การได้เจอกันล้วนมีความหมายให้เราหวนคิดถึงเสมอ ' Windstruck ' คือหนังแนว คอมเมดี้-ดราม่า ตามสไตล์ ‘Jae-young Kwak’ เราชอบที่หนังมีความกระโดดไปกระโดดมา ทำให้ช่วงเวลาที่กำลังดูหนังเรื่องนี้อารมณ์ของเราก็กระโดดตามไปกับหนัง บางอารมณ์ก็ชวนสนุก หัวเราะ เผลอแปบเดียวก็ตัดดราม่า เป็นอีกเรื่องที่เราคิดว่าผู้กำกับจงใจวางบทไว้ค่อนข้างดีมาก แม้เนื้อหาทั้งหมดจะเล่าเรื่องถึงความรักของคนสองคนแบบเล่นใหญ่มากๆ แต่การวางบทที่แยบยลทำให้การกระโดดไปกระโดดมาของเรื่องทำได้อย่างดี บทภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้อาจมองในเชิงปรัชญาความรักได้เลย ถ้าจะมองไปให้ไกลขนาดนั้น เสน่ห์ของหนังอีกอย่างหรืออาจจะเป็นของตัวผู้กำกับเอง คือการใส่ดนตรีประกอบและเพลงประกอบที่ถูกจังหวะ บิ้วท์อารมณ์ได้เป็นอย่างดี ถึงกระนั้นหนังก็ยังขาดองค์ประกอบที่ทำให้เราเชื่อแบบสนิทใจไปกับตัวละคร มีจุดเล็กๆน้อยๆที่ดูไม่ค่อยไหลลื่น ถ้าเทียบกับ 'The classic' หรือ ' My sassy girl ' แต่ภาพรวมถือเป็นงานที่ดีใช้ได้เลย
เราชอบความหวานและความเศร้าของหนัง ช่วงท้ายเรื่องหนังพาเราเข้าไปในโลกของตัวละครทั้งสองตัวได้จริงๆ แม้ช่วงต้นเรื่องและกลางเรื่องเราจะไม่รู้สึกอินเท่าที่ควร อย่างที่บอกไปว่าหนังเรื่องนี้อาจเป็นหนังแนวทดลองเล่นกับความรู้สึกคนดูที่กำลังดูอยู่ได้พอตัว เราชอบนิทานที่นางเองเล่าให้พระเอกฟัง เรื่องที่มาของการ 'เกี่ยวก้อย' สัญญาระหว่างคนรัก เป็นเรื่องราวที่น่ารักระหว่างเจ้าหญิงกับเจ้าชาย เรื่องราวของคนรักที่ตายจากไปแต่วิญญาณยังคงอยู่ในโลกมนุษย์อีก 49 วัน และเจ้าชายเจ้าหญิงก็ตายตามกันไปตามคำสัญญา ชวนเพ้อฝันดี!!! ความเชื่อมโยงของนิทานชวนเพ้อฝันเรื่องนี้ อาจเปรียบเสมือนชิ้นส่วนสำคัญของเรื่องทั้งหมด มีประโยคง่ายๆเช่น ที่พระเอกถามนางเอกว่า 'ถ้าหากผมต้องตายไป คุณจะตายตามไปเหมือนเจ้าหญิงมั๊ย' บางทีเราก็คงคิดเหมือนกับที่ตัวละครในเรื่องคิด ณ ตอนแรก 'จะตายตามไปทำไมล่ะ ' คำตอบแบบไม่คิด แต่ใครจะรู้ว่าถ้าวันนั้นมาถึง คนที่เรารักตายจากโลกนี้ไป โลกรอบกายเราไม่เหลือใครให้รักอีกต่อไป การตายตามคนที่เรารักอาจเป็นทางเลือกที่เราเลือกเป็นอันดับแรกก็ได้อย่างไรก็ตามการมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกใบนี้ก็ยังคงสวยงามอยู่ดี และการพบเจอใครสักคนในโลกใบนี้ก็ยังเป็นเรื่องดีๆ ในความทรงจำครั้งใหม่เสมอ
ในวันที่แสงอ่อนๆของดวงอาทิตย์สัมผัสผิวกายเรารู้สึกว่ามันแสนจะ 'อบอุ่น' ในวันที่เมฆเริ่มก่อตัวเรารู้สึกถึงความ 'เศร้า+หม่นหมอง' ในวันที่ฝนตก เม็ดฝนชวนให้เรารู้สึก 'เหงา' ในวันที่ลมพัดแรงเรารู้สึกรับรู้ถึงสายลม แม้เราจะมองสายลมไม่เห็น บางวันสภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลง เหมือนความรู้สึกที่เปลี่ยนไป หรือ ที่เรารู้สึกว่าเปลี่ยนเพราะเรากำลังคิดถึงคนที่เรารัก คิดถึงใครสักคนในห้วงอารมณ์เหล่านั้น หรือแท้จริงแล้วสภาพอากาศอาจไม่ได้ทำให้ใจเราเปลี่ยนแปลงเท่ากับคนที่เรารัก เราไม่เคยเห็นความรักหรอก แต่เราคิดว่าเราสัมผัสความรักได้นะ มันคงไม่ต่างอะไรกับสายลม
สุดท้าย ' Windstruck ' เป็นหนังที่ให้ความรักของคนสองคนแบบเล่นใหญ่มากๆ แม้จะมีจังหวะเข้าทำรับส่งระหว่างนักแสดงได้ดี แต่การที่พล็อตเรื่องของหนังดูจะก้าวกระโดดไปมา อาจทำให้เราซึ้งหรืออินได้ไม่สุดแต่เราก็ชอบนะที่เป็นแบบนั้น ภาพรวมถือว่าเป็นหนังย้อมใจได้เรื่องหนึ่ง ท้ายสุด การกล่าวคำว่าขอโทษสำหรับคนที่เรารักอาจไม่ได้มีความหมายถ้าคนที่เรารักไม่ได้ให้อภัยในสิ่งที่เราทำ และความรักก็ยังคงให้พลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเสมอ การมีคนรักอยู่ข้างกายนั้นย่อมเป็นเรื่องดีที่ปฏิเสธไม่ได้ทั้งหมด แต่การที่ไม่มีคนรักข้างกายนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เพราะทุกครั้งที่เราคิดถึงใครคนนั้น บางทีมันอาจจะเหมือนสายลมที่พัดผ่านร่างกายเราในวันที่เราเหงาที่สุด สิ่งที่เราหวังให้เป็นอาจไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง สักวันอาจไม่มีใครอยู่ข้างกายแต่นั้นก็ไม่ได้บอกว่าเราจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้ที่ไหนกัน 'อ้าแขนรับแรงกระแทกของสายลมกันเถอะ ถ้ามันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้บ้างนะ'
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/