ถ้าเกิดวันนึง บริษัท หรือ องค์กร ขอตรวจสอบ facebook ของคุณ ก่อนตัดสินใจรับคุณเข้าทำงาน จะเป็นอย่างไร

ไม่รู้ว่าเคยมีใครถาม หรือมีกรณีประมาณนี้รึเปล่า แต่พอดีนั่งคิดเล่น ๆ แล้วเกิดสงสัยขึ้นมา
ว่า ถ้าสมมุติว่า บริษัท หรือ องค์กรใด ๆ ทำการขอตรวจสอบ facebook ของคุณ ก่อนตัดสินใจรับคุณเข้ามาทำงาน พวกคุณจะมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ?

แบบ บางคนก็ใช้ภาษาได้โลดโผนเหลือเกิน  บางคนก็ติดแชร์โน่นนี่นั่น โดยไม่ได้คัดกรอง บางคนก็พร่ำเพ้อ หรือบางคนก็ชอบโพสต์ด่าคนอื่นไปทั่ว ตั้งแต่หมาหน้าเซเว่น ยันผู้บริหารประเทศ (หุหุ)
ทั้งที่เรื่องราวต่าง ๆ ที่เราโพสต์ใน facebook ของตัวเอง มันก็เป็นสิทธิ์ของเรา แต่ถ้าเกิดวันนึง ต้องให้บริษัทที่เราอยากเข้าไปทำงานมาดู หรือรับรู้ จะเป็นยังไง


สมมุติในมุมมองของบริษัทหรือองค์กร ที่ต้องการตรวจเช็คดู ก็เพื่อดูว่าคุณเป็นคนยังไง มีทัศนคติอย่างไร หรือถ้ารับมาแล้วจะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ไหม เพื่อประกอบการตัดสินใจในการรับคุณเข้าทำงาน


บางคนอาจจะบอกว่า facebook เป็นโลกสมมุติ ตัวจริงกับใน facebook อาจไม่เหมือนกันก็ได้ อันนี้ผมไม่ค่อยเชื่อ เพราะไม่ว่าคุณเป็นคนยังไง คุณก็จะแสดงออกมาแบบนั้นแหละ

ก็เลยคิดว่า ถ้าเกิดวันนึงมันมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ และคุณเจอแบบนี้เข้ากับตัว จะทำยังไงดีครับ?

ปล. อันนี้เป็นเรื่องสมมุตินะครับ แค่บังเอิญคิดขึ้นมาเฉย ๆ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 37
ปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ ก็ทำอยู่ครับ

ที่ทำงานต่าง ๆ ที่ผมเจอมาก็เช็ค Facebook ของ Candidate ก่อนมาสัมภาษณ์เช่นกันครับ

อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดชีวิตส่วนตัวไม่ส่วนตัวนะครับ บริษัทไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวเราขนาดนั้น เพียงแค่เช็คพฤติกรรมเบื้องต้นครับ

Facebook ชื่อบอกชัดว่า Social network ไม่ใช่ Private network ถ้า Private คือนั่งล้อมวงคุยกันในสถานที่ปิด เช่นบ้านหรือคอนโดครับ อันนั้นเราจะ hardcore กับชีวิตแค่ไหนก็ได้ แต่กับ Facebook ไม่ใช่ ต่อให้ตั้งเฉพาะเพื่อน เพื่อนก็แคปฯ หน้าจอไปปล่อยสาธารณะได้ ซึ่งก็เกิดดราม่าแบบนี้กันมาเยอะครับเรื่อง แคปฯ หน้าจอไปปล่อย

การเช็คเนื้อหาบน Facebook ก็เพื่อตัดสินพฤติกรรมเบื้องต้นครับ

ยกตัวอย่าง เรามีเพื่อนโพสต์ด่าพ่อล่อแม่ทั้งวัน เรา unfollow ไหมครับ หลายคนก็ อันฟอลฯ ไปเพราะรำคาญ ไม่ชอบ ฯลฯ เพื่อนผมบางคน รู้จักกันมาแต่สมัยเรียน ไม่รู้โตมาเป็นอะไร โพสต์แบบหัวรุนแรง โพสต์คลิปฆ่ากันตาย น่ากลัวมาก กลัวจน unfriend+block ไปเลยครับ

ถ้าเป็นบริษัทก็คงไม่อยากมีพนักงานพฤติกรรมแบบนี้ วันดีคืนดีเอาเจ้านายไปด่า เอาเพื่อนร่วมงาน เอาลูกค้าไปด่า บริษัทเขาก็เสียหาย ความวุ่นวายก็บังเกิด ฯลฯ ครับผม และสัญญาจ้างฉบับใหม่ ๆ ก็มีระบุข้อห้ามในการโพสต์ไม่เหมาะสมถึงองค์กรด้วยครับ

วิธีปฏิบัติก็ง่าย ๆ เลย เฟซบุ๊คก็โพสต์เรื่องปกติ ไป กินเที่ยว แชร์หนัง แชร์เพลง โพสต์อะไรเบา ๆ ฮา ๆ ตามปกติไป แต่ถ้าจะ hardcore ก็ตั้งเป็น me only ไปครับ หรือโทรศัทพ์ไปเมามอยตัวตัวกับเพื่อนที่คุยได้ไป อย่าพิมพ์เป็นลายลักษณอักษร ง่ายสุดแระ -- แต่ถ้าคิดว่า ไม่ง้อนายจ้าง ไม่มีใครจ้างฉันก็ไม่แคร์ ก็ตามสบายครับ สิทธิ์ใครสิทธิ์มันครับผม : )
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เห็นด้วยเลย เด็กสมัยนี้รวมถึงคนแก่ที่หันมาติดโซเชียลบางคนพูดจาหยาบคาบมากกกกกกกก

ขอบอกว่ายุคเราเล่นเน็ตใหม่ๆ สมัยยังใช้ไทยเมลล์ คือไม่ค่อยเจอคนพูดหยาบคาบในโลกโซเชียลนะ จนผ่านมายุคภาษาวิบัติ พิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ในmsn โห! ไอ้ยุคพิมพ์ผิดนี่เด็กๆ ไปเลยถ้าเจอยุคนี้

เอาง่ายๆ ว่าพันทิปนี่แหละ 10กว่าปีก่อนมีกระทู้ขยะเหมือนตั้งสเตตัสเฟซแบบนี้มั้ย? สมัยก่อนใครจะโพสอะไร ผม ดิฉัน ฉัน เรา คุณ หรืออย่างน้อยก็มีการเรียบเรียงภาษาให้อ่านได้ง่ายและสุภาพ ต่อให้มีคนเมนต์อะไรแรงๆ ก็ไม่ค่อยมี #คำสร้อย E* อะไรพวกนี้หลุดมา เดี๋ยวนี้เหรอ กระทู้ระบาย ไอ้ อี เห้ เห้อ สาส เสิด เมริง กรู คือแบบ...

คำพูดคำหยาบแรงๆ มันติดมาจากสก๊อยยุคhi5 รึไง?

เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีเข้าถึงได้ คนชั้นไหนก็เข้ามาโลดแล่นในโลกโซเชียลได้หมด คนที่มาจากที่ต่ำๆ ซึ่งไม่รู้วัฒนธรรมในการแสดงออกเลยเข้ามาทำอะไรต่ำๆ ในโลกเสมือนจริงนี้จนแพร่หลาย กลายเป็นวัฒนธรรมที่เรายอมรับได้ Gu เมิง คือเรื่องปกติ ปกติมากจนพิธีกร ดารา นักแสดง คนจัดรายการพูดคำนี้ปกติออกสื่อกันเป็นปกติ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนบ้านเมืองเราไม่มีแบบนี้
*ขอร้องว่าอย่ามาเถียงเรื่อง "เมื่อก่อนคำพวกนี้ไม่หยาบ" นะ เพราะสำหรับยุคนี้ ถึงจะยอมรับว่าเป็นคำปกติของเพื่อน แต่คนไม่รู้จักเค้าคงไม่ขึ้นกู-เมิงกับคนอื่นที่ไม่สนิท

ยิ่งในเฟซนี่ยิ่งหยาบคาย เคยเจอน้องคนนึง ไม่สนิท แอดเพื่อนมาเพราะกิจกรรมบางอย่าง น้องเค้าเปิดเมนต์สาธารณะ แต่พิมพ์คุยกับเพื่อนว่า "เมิงเป็นheeอะไร?" สระอีนะคะ ไม่ใช่ตัวเงินตัวทอง เราเอามือทาบอกแบบ... เด็กผู้หญิงสมัยนี้พูดจากันแบบนี้เลยเหรอ? เมื่อก่อนเคยคิดว่ามีแต่เพศที่สามที่ใช้ถ้ยอคำรุนแรงจิกกัดกัน เดี๋ยวนี้ชะนีก็แรงไม่แพ้กันเลยเนอะ นี่ใช่มั้ย ความเท่าเทียมกัน

เคยไปเมนต์ในเพจข่าวเพจนึง ว่าไม่เห็นด้วยกับแฮกเกอร์ที่ป่วนรัฐเพราะขัดใจซิงเกิลเกตเวย์ฯ ตอนแรกๆ ก็มีคนคุยด้วยเหตุผลดีๆ อยู่ ผมว่า เราว่า บลาๆ อยู่ๆ มีน้องคนนึง "โอ้ย E* -ึง อิควาe" มองหน้าน้องเค้าในรูปโปรไฟล์ มองชื่อสถาบันการศึกษา มองสถานที่ทำงาน อืม... คิดในใจนะว่า "ทำตัวแบบนี้ไม่อายหนังหน้าที่โชว์หราอยู่ข้างๆคำพูดเหรอ?"

เราก็ว่าเราหยาบนะ พูดแรงนะ แต่เราไม่ค่อยพูดแรงแบบหยาบแบบต่ำมากๆ ออกสื่อ ไม่ด่าคน ไม่นินทาคนด้วย เราเป็นคนที่ชอบพูดความจริง แสดงออกอย่างจริงใจ ไม่เมกข้อมูล แต่ก็ไม่ค่อยปล่อยอะไรหลุดไปมากให้กระเทือนชีวิตส่วนตัว ในเฟซเรามีแต่แชร์ยูทูปกับตามนักร้อง มีสบถลงเฟซบ้าง เราไม่ค่อยลงรายละเอียดตัวตนเราด้วย เข็ดมาตั้งแต่สิงห้องกระต่ายแล้วมีคนเอาเมลล์เราไปโพสขายตัวเพราะเราไปขัดขาเค้าเรื่องขายกระต่ายปลอมแล้ว รู้ว่าเป็นคนในพันทิปได้ยังไง ก็เพราะชื่อที่เค้าโพสต์ขายตัวไง "ตอนนี้เดือดร้อนค่ะ อยากได้คนเลี้ยง ติดต่อมานะคะ - มึน" ถามหน่อย คนบ้าที่ไหนมันจะชื่อ "มึน"! นี่มันชื่อล็อกอินเฉยๆ
เราบอกตามตรงเรารับคนที่พูดหยาบจิกหัวคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ พูดแรงกับหยาบไม่เหมือนกัน และคำหยาบกับถ้อยคำต่ำๆ มันก็มีระดับ หยาบทั่วไปเป็นปกติกับถ้อยคำต่ำทรามกดหัวคนอื่น คือเราก็ไม่ได้โลกสวยมากนะ เราก็ด่าคน ปี๊ดเป็น แต่เราไม่ด่าแรงๆ ด้วยคำแบบนั้น ถ้าเราจะด่าคน เราจะไม่ด่าอิ* อิกระบือ อิkaree คือเราจะไม่ใช้ถ้อยคำพวกนี้ อย่างเราคงพูดยาวๆ ว่า "ไม่ทราบว่าตอนเด็กๆ ที่บ้านไม่ได้อบรมเรื่องมารยาทในการสนทนากับผู้อื่นเหรอคะ?" เราคงแนวๆ นั้น

ยกตัวอย่างสถานการณ์นึง วันก่อนเราไปเซเว่นละเจอรถมอเตอร์ไซต์จอดในช่องจอดรถยนต์ ทั้งๆ ที่แถวมอเตอร์ไซต์ก็ว่าง เลยทักเค้าไปว่าทำไมมาจอดแบบนี้ ไม่มีจิตสาธารณะ เค้าก็เถียงว่าช่องมันว่าง แป๊บเดียว เราพูดมากน่ารำคาญ สุดท้ายเค้าตะโกนใส่เรา "เออ กุขอให้เมิงขับรถชนตายห่าไปเลยอิควาย!" เป็นผู้หญิงสองคน

คือตอนนี้ไม่รู้แล้วว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง กับในเฟซ โลกไหนน่ากลัวกว่ากัน เพราะคนต่ำๆ แบบนี้ทำพฤติกรรมถ่อยๆ เหมือนกันหมดทุกที ไม่ได้สำนึกเลยว่าควรจะระมัดระวังเรื่องการแสดงออก คือคำผรุสวาทแบบนี้อะ ในเฟซ ในยูทูป เราจะเห็นเมนต์แนวๆ นี้ได้บ่อยมาก เหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เราจะพูด/พิมพ์ด่าใครสักคนเวลาไม่พอใจด้วยถ้อยคำแบบนี้
ความคิดเห็นที่ 3
ปัจจุบัน ก็ทราบมาว่า มีบางบริษัท ทำเช่นนั้นอยู่แล้ว
แต่อาจไม่ได้มีการมาบ่น หรือ ฟ้องอะไร ให้คนอื่นทราบมากมายนัก

ซึ่งผมมองว่า ในอนาคต อันใกล้ มีโอกาส เป็นไปได้ครับ
ที่จะมีเหตุการณ์เช่นนี้ มากขึ้น

จริงอยู่ว่า บางท่านอาจมองว่า facebook คือโลกส่วนตัว สถานที่ส่วนตัว
แต่ ทางบริษัท เขาก็มีสิทธิ์ที่จะตั้ง เงื่อนไข(ส่วนตัว) ในการรับสมัครงาน ได้เช่นกันครับ

ถ้าผู้สมัคร เล็งเห็นว่า เงื่อนไขของบริษัท รุกล้ำโลกส่วนตัวของเขามาเกินไป
แน่นอนว่า ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ส่วนตัวของผู้สมัคร ที่จะปฏิเสธบริษัทนั้น ๆ ได้ ครับ


ทั้งนี้ โลกเรา ก็พัฒนาไปเรื่อย
เทคโนโลยี่ เข้าสู่ชีวิตประจำวันมากขึ้น
การใช้ชีวิต ในโลก Internet ก็เป็นอีกสิ่ง ที่แทบจะเป็นเรื่องปกติ ในชีวิตของคนรุ่นใหม่แล้ว

การทำอะไรในโลก Internet
หากเกิดเหตุการณ์ไม่ดี ก็จะมีผลกับบริษัทไปด้วย

ดังจะเห็นได้จาก Drama หลาย ๆ เหตุการณ์
ไม่เฉพาะในไทย แต่ในต่างประเทศก็มีเยอะ ครับ

ที่เห็นกันไม่นาน ก็กรณีของ หนุ่มออสเตรเลีย ที่เข้าไปทำงานที่บริษัทในสิงคโปร์
หรือชาวอังกฤษที่โดนไล่ออกจากสิงคโปร์ ก็เช่นกันครับ


ความคิดเห็นที่ 4
จะตั้งเงื่อนไข จะตรวจสอบอะไร  เชิญฮะ
ไม่เคยเอาชีวิตส่วนตัวไปแขวนกับโลกออนไลน์

มี fakebook ไว้ประกาศให้รู้ว่า ตรูไม่ตกยุค กินข้าวตรูไม่โพส ทะเลาะกับใคร ตรูก็ไม่โพส
มี line ไว้โทรไปต่างประเทศ
มี iphone เอาไว้โชว์
ตรวจให้ตาย ก็เจอแต่ความว่างเปล่า

ชีวิตดี๊ดี
ความคิดเห็นที่ 19
HR. ก็จะหิวค่ะ เพราะเฟซเรามีแต่รูปของกิน อมยิ้ม01
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่