KANSAI FIRST TIME
สวัสดีค่ะ หนูชื่อว่าเจนนี่ อายุ 11 ขวบ วันนี้หนูจะมาเล่าเรื่องที่ไปญี่ปุ่นกับครอบครัวมาค่ะ โดยมีผู้ร่วมเดินทางคือ คุณพ่อ คุณแม่ อาม่า หนู แพนด้าซึ่งเป็นน้องชายฝาแฝดของหนู และปีเตอร์ น้องชายคนเล็กอายุ 4 ขวบ ครั้งนี้หนูได้ไปแถบคันไซค่ะ โดยไป 10 วัน 9 คืน แล้วมันก็สนุกมากทีเดียวล่ะ
จริงๆ แล้วที่หนูมาเล่าเรื่องนี้ก็เพราะว่าคุณพ่อต้องการให้หนูฝึกการเขียน คุณพ่อจึงเสนอว่าถ้าหนูเขียน คุณพ่อจะให้เงินหนู 1,000 บาท และถ้ามีคนมาตอบในกระทู้ครบ 10 คน คุณพ่อก็จะให้หนูเพิ่มอีก 1,000 บาท ฉะนั้นถ้าพี่ๆ หรืออาๆ อ่านแล้วชอบ ก็ขอให้ช่วยตอบกระทู้นี้ด้วยนะคะ
หนูเดินทางไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2559 แต่ที่เพิ่งมาเล่านี้ก็เพราะว่าหนูใช้เวลาเขียนนาน แล้วช่วงที่หนูสอบ หนูก็ต้องหยุดเขียนสักพักไปเตรียมตัวสอบ
วันแรกที่หนูรู้ตัวว่าจะได้ไปญี่ปุ่น หนูรู้สึกดีใจมากเลยค่ะ เพราะหนูเคยไปมาแล้ว (รอบๆ โตเกียว ถ้าคุณพ่อยอมให้เงิน หนูจะมาเล่าวันหลัง) ซึ่งมันสนุกมากเลย และนับจากวันนั้น หนูรอคอยไปเรื่อยๆ นานแสนนาน
วันที่ 17 มีนาคม 2559
สุดท้ายวันนั้นก็มาถึง หนูตื่นแต่เช้าอย่างดีใจ แต่คุณพ่อคุณแม่บอกว่ายังไม่ต้องรีบก็ได้ สุดท้ายหนูก็เลยนั่งรอกับน้องหนูอีกสองคน จริงๆ แล้วหนูจะเป็นคนตื่นสายมากๆๆๆ โดยเฉพาะวันที่ไปโรงเรียน แต่วันไปเที่ยวหนูจะตื่นเร็วมาก เอาล่ะ! สุดท้ายพ่อกับแม่ก็ยกของขึ้นรถตู้ให้ไปส่งที่สนามบิน ในรถตู้คุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่แถวหน้า แต่หนู และน้องนั่งอยู่แถวหลังด้วยกัน พอไปถึงสนามบิน อาม่าของหนูก็มาถึงแล้ว เราก็ไปเลานจ์ของสายการบินไทยเพื่อทานข้าว แล้วเตรียมตัวขึ้นเครื่อง
พอถึงเวลาขึ้นเครื่อง หนูก็ดีใจมาก ที่นั่งของหนูปรับมุมนอนได้ และมีอาหารมาเสิร์ฟอร่อยๆ เยอะแยะเลย
พอมาถึงท่าอากาศยานญี่ปุ่นที่โอซาก้า คุณพ่อได้จองโรงแรมที่อยู่ในสนามบินไว้ ห้องก็โอเคนะ แต่หนูไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะมันไม่ค่อยสวย
ระหว่างที่รอห้อง คุณพ่อก็ได้เอากระเป๋าเดินทางสองใบไปส่งไปที่โรงแรมที่โอซาก้า เพราะเรามีกระเป๋าเยอะมาก จนไม่สามารถขนไปเองได้หมด
หลังจากเราเช็คอินเสร็จแล้ว เราก็เดินไปทานร้านอาหารที่เป็น Food Court ในสนามบิน ชื่อว่า Dining Court Machiyakoji เพราะมันค่อนข้างจะสะดวก แต่กว่าจะมีที่นั่ง เราต้องรอคิวนานมาก ซึ่งตอนนั้นหนูรู้สึกหิวมาก และน้องชายคนเล็กก็เริ่มงอแงเพราะหิว เมื่อได้ที่นั่งหนูได้ทานบะหมี่ญี่ปุ่น ขอบอกว่ามันอร่อยมาก แต่หนูก็ไม่รู้ว่ามันอร่อยจริงหรือเปล่า เพราะว่าตอนนั้นหนูหิวมาก
พอทานกันเสร็จ เราก็ไปร้าน Family Mart ที่สนามบินนี้แหละค่ะ หนูก็ซื้อขนมญี่ปุ่น และขนมต่างๆ มันมีเรื่องตลกอยู่อย่างหนึ่งค่ะ อาม่าของหนูเห็นน้ำพีช และด้วยความที่อาม่าชอบน้ำพีช อาม่าก็เลยซื้อ แต่พอจ่ายเงินเสร็จ ขึ้นห้องพัก ปรากฏว่ามันเป็นเหล้าพีช ไม่ใช่น้ำพีช อาม่าก็เลยอดทานเลย ฮ่าๆๆ แต่บางคนก็อาจจะไม่ขำนะคะ เสร็จแล้วเราก็กลับห้องพัก
สำหรับห้องพักที่เราจองนะคะ เราจองไว้ 2 ห้อง เป็นห้องคอนเน็คกัน ห้องหนึ่งหนูนอนกับอาม่า และแพนด้า โดยแพนด้านอนเตียงเสริม ส่วนอีกห้อง พ่อ แม่ และปีเตอร์นอนด้วยกัน
คืนนั้นหนูตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ...
18 มีนาคม 2559
เย้ๆๆ เช้าแล้ว แต่หนูตื่นเร็วเทานไป หนูตื่น 04.00 เวลาญี่ปุ่น เมื่อบวกอีกสองชั่วโมง ก็เท่ากับ 06.00 ในเวลาประเทศไทย แต่ยังไม่มีใครตื่นเลย ยกเว้นหนู กับอาม่า แล้วก็แพนด้า พอทุกคนตื่นแล้ว หลังจากล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำเสร็จ คุณพ่อ แพนด้า อาม่า แล้วก็ปีเตอร์ก็ไปทานข้าวในร้านอาหารของโรงแรม แต่หนูกลับต้องรอแม่ เพราะแม่ต้องแต่งหน้า ฮ่วย...
ในที่สุดแม่ก็แต่งหน้าเสร็จ แล้วหนูกับแม่ก็ลงไปทานข้าว เย้!
เราทานอาหารเช้ากันที่ The Brasserie ซึ่งเป็นอาหารบุฟเฟต์ คุณพ่อเล่าให้ฟังว่าร้านนี้ใช้วัตถุดิบสดๆ ที่ผลิตในพื้นเมืองบริเวณนั้น
ทานเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินลงไปเอารถเช่า โดยคุณพ่อได้จองรถทางอินเตอร์เน็ตมาตั้งแต่ประเทศไทย โดยเราที่เราจองก็คือ รถ Nissan Elgrand
พอจัดการเรื่องรถเรียบร้อย คุณพ่อก็ขับรถไปที่เกียวโต โดยมีแพนด้าเป็นคนช่วยดูแผนที่ แพนด้าเค้าดูแผนที่เก่งมาก คราวที่เราไปแถวๆ โตเกียว คุณพ่อขับรถไปผิดทาง แต่แพนด้าเค้าก็ช่วยให้หาทางที่ถูกต้องได้ (แต่พอได้ของเล่น เค้าก็เสียสมาธิ และดูทางผิด)
ที่เกียวโต เราไปเที่ยววัดเป็นแห่งแรก วัดนี้ชื่อว่า Kiyomizu Dara
คุณพ่อเล่าให้หนูฟังว่าที่วัดนี้มันจะมีน้ำให้ตักสามสาย สายแรกถ้าหนูจำไม่ผิดน่าจะเป็นรวย สายที่สองคือเรียนเก่ง สายที่สามคือสุขภาพแข็งแรง
แต่พอไปถึง ลงจากรถ อากาศก็หนาวมาก อุณหภูมิประมาณ 11 องศาแล้ว เราก็ไปไหว้พระต่างๆ แล้วก็ถ่ายรูป
ในวัดจะมีจุดๆ หนึ่งซึ่งจะมีไม้เท้าเหล็ก และรองเท้าเหล็กของพระญี่ปุ่นรูปหนึ่ง คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ถ้าเราอธิษฐาน แล้วไปยกไม้เท้าเหล็กนั้นได้ คำอธิษฐานของเราจะเป็นจริง ไม้เท้าเหล็กนั้นมีอยู่ 2 อัน อันหนึ่งไม่หนักมาก หนูก็เลยยกไหว แต่อีกอันหนึ่งซุปปอร์หนัก หนูยกไม่ไหว แม้แต่คุณพ่อของหนูที่เขาแข็งแรงมาก เขาก็ยกไม่ไหว
พวกเราหาที่ตักน้ำไม่เจอ สุดท้ายแพนด้าก็เป็นคนหาเจอ แล้วเราก็ไปที่ตักน้ำ พอไปถึงมันก็มีสามสายก็จริง แต่สายไหนคือ รวย สุขภาพดี และเรียนเก่งกันล่ะ มันมีภาษาจีน พ่อก็เลยลองให้อาม่าอ่านดู อาม่าอ่านแล้วบอกเราว่าทุกสายเหมือนกันหมด เพียงแต่คงต้องขอพรสิ่งที่เราอยากได้
หลังจากนั้นก็จะเป็นตอนที่หนูชอบมากที่สุดเลย พอไหว้พระ และดื่มน้ำสามสายเสร็จ หลังวัดจะมีตลาดใหญ่ๆ แล้วก็มีให้ซื้อขนม และชิม ขอบอกว่าอร่อยทุกร้านเลย เพราะหนูชิมหมดเลย แม่ อาม่า และหนูก็เลยซื้อหลายอย่าง เพราะจริงๆ แล้วแม่ก็ชอบช็อปปิ้งเหมือนกัน แล้วอาม่าก็ชอบมากเลย วันนั้นอาม่าซื้อหลายอย่างมาก (เยอะกว่าหนูด้วยซ้ำ)
พอเราซื้อเสร็จ เราก็ขึ้นรถ และไปตลาดชื่อนิชิกิ ซึ่งมีคนเยอะมาก แต่พอไปถึงแม่กับปีเตอร์ไม่ได้ลง เพราะปีเตอร์หลับ แม่ก็เลยต้องรอบนรถอยู่กับปีเตอร์ พอลงไปเสร็จแล้ว เราก็ไปซื้อของทาน เพื่อเตรียมตัวไปทานที่บ้านพัก ชื่อว่า Machiya Kyoto Shogoin ซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่งมีสองชั้น มีที่ทำอาหาร แต่ไม่มีอาหาร หรือวัตถุดิบให้ เลยต้องซื้อไปจากตลาด
ที่ตลาด หนู และแพนด้าได้ซื้อหลายอย่าง แต่อาม่าอาจจะซื้อยากนิดหนึ่ง เพราะอาม่าทานเจ พวกเราซื้อปลาไหล และปลาหมึกเสียบไม้ย่าง ส่วนอาม่าซื้อเต้าหู้โดนัท
หนูอยากจะบอกว่าตลาดที่ญี่ปุ่นต่างจากเมืองไทยมาก เพราะมันสะอาด และเย็นสบาย (แต่ไม่มีแอร์นะ มันเย็นเพราะอากาศ) ^_^
ตอนที่พ่อขับรถไปที่ที่พัก เราก็หลงทาง เพราะซอยมันเยอะ เราเลยโทรไปคุยกับเจ้าของที่พัก แต่คุณพ่อก็คุยกับเขายาก เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยได้ สุดท้ายเขาถามเราว่าเราเป็นคนอะไร เราตอบคนไทย แล้วเขาก็พูดภาษาไทยกับเราอ่ะ เขาบอกว่าเขาเคยมาเรียน และอยู่ที่เมืองไทย สุดท้ายเราก็เลยมาถึงบ้านพักได้ แต่จริงๆ แล้วมีส่วนเพราะใช้ Google Map ด้วย
เอาล่ะ พอมาถึงเราก็ล้างมือล้างเท้าอาบน้ำ แล้วเตรียมตัวเข้านอน ไม่ใช่ละ พอเสร็จแล้ว เราก็มาทานข้าว ซึ่งในโต๊ะญี่ปุ่นของที่นี่ดีมากเลย เพราะมันเป็นโต๊ะญี่ปุ่นแบบที่มีเครื่องทำความร้อนอยู่ที่ใต้ขา และพื้นที่ตรงอื่นก็อุ่นสบายด้วย เพราะมันมีเครื่องทำความร้อนอยู่ใต้พื้น
พอทานข้าวเสร็จ เราก็ผลัดกันอาบน้ำแปรงฟันเพื่อที่จะเตรียมตัวเข้านอน ตอนเข้านอน หนูนอนกับอาม่า เพราะว่าบ้านหลังนี้มีห้องนอนชั้นบนสองห้อง ส่วนพ่อแม่แพนด้าแล้วก็ปีเตอร์นอนด้วยกัน (ที่จริงแพนด้านอนกับหนู กับอาม่า แต่แพนด้าทนฟังเสียงกรนของอาม่าไม่ได้ ที่จริงหนูก็ทนไม่ได้ แต่หนูไม่อยากให้อาม่าเสียใจ)
[CR] Kansai First Time เที่ยวคันไซกับครอบครัว 10 วัน 9 คืน
สวัสดีค่ะ หนูชื่อว่าเจนนี่ อายุ 11 ขวบ วันนี้หนูจะมาเล่าเรื่องที่ไปญี่ปุ่นกับครอบครัวมาค่ะ โดยมีผู้ร่วมเดินทางคือ คุณพ่อ คุณแม่ อาม่า หนู แพนด้าซึ่งเป็นน้องชายฝาแฝดของหนู และปีเตอร์ น้องชายคนเล็กอายุ 4 ขวบ ครั้งนี้หนูได้ไปแถบคันไซค่ะ โดยไป 10 วัน 9 คืน แล้วมันก็สนุกมากทีเดียวล่ะ
จริงๆ แล้วที่หนูมาเล่าเรื่องนี้ก็เพราะว่าคุณพ่อต้องการให้หนูฝึกการเขียน คุณพ่อจึงเสนอว่าถ้าหนูเขียน คุณพ่อจะให้เงินหนู 1,000 บาท และถ้ามีคนมาตอบในกระทู้ครบ 10 คน คุณพ่อก็จะให้หนูเพิ่มอีก 1,000 บาท ฉะนั้นถ้าพี่ๆ หรืออาๆ อ่านแล้วชอบ ก็ขอให้ช่วยตอบกระทู้นี้ด้วยนะคะ
หนูเดินทางไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2559 แต่ที่เพิ่งมาเล่านี้ก็เพราะว่าหนูใช้เวลาเขียนนาน แล้วช่วงที่หนูสอบ หนูก็ต้องหยุดเขียนสักพักไปเตรียมตัวสอบ
วันแรกที่หนูรู้ตัวว่าจะได้ไปญี่ปุ่น หนูรู้สึกดีใจมากเลยค่ะ เพราะหนูเคยไปมาแล้ว (รอบๆ โตเกียว ถ้าคุณพ่อยอมให้เงิน หนูจะมาเล่าวันหลัง) ซึ่งมันสนุกมากเลย และนับจากวันนั้น หนูรอคอยไปเรื่อยๆ นานแสนนาน
วันที่ 17 มีนาคม 2559
สุดท้ายวันนั้นก็มาถึง หนูตื่นแต่เช้าอย่างดีใจ แต่คุณพ่อคุณแม่บอกว่ายังไม่ต้องรีบก็ได้ สุดท้ายหนูก็เลยนั่งรอกับน้องหนูอีกสองคน จริงๆ แล้วหนูจะเป็นคนตื่นสายมากๆๆๆ โดยเฉพาะวันที่ไปโรงเรียน แต่วันไปเที่ยวหนูจะตื่นเร็วมาก เอาล่ะ! สุดท้ายพ่อกับแม่ก็ยกของขึ้นรถตู้ให้ไปส่งที่สนามบิน ในรถตู้คุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่แถวหน้า แต่หนู และน้องนั่งอยู่แถวหลังด้วยกัน พอไปถึงสนามบิน อาม่าของหนูก็มาถึงแล้ว เราก็ไปเลานจ์ของสายการบินไทยเพื่อทานข้าว แล้วเตรียมตัวขึ้นเครื่อง
พอถึงเวลาขึ้นเครื่อง หนูก็ดีใจมาก ที่นั่งของหนูปรับมุมนอนได้ และมีอาหารมาเสิร์ฟอร่อยๆ เยอะแยะเลย
พอมาถึงท่าอากาศยานญี่ปุ่นที่โอซาก้า คุณพ่อได้จองโรงแรมที่อยู่ในสนามบินไว้ ห้องก็โอเคนะ แต่หนูไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะมันไม่ค่อยสวย
ระหว่างที่รอห้อง คุณพ่อก็ได้เอากระเป๋าเดินทางสองใบไปส่งไปที่โรงแรมที่โอซาก้า เพราะเรามีกระเป๋าเยอะมาก จนไม่สามารถขนไปเองได้หมด
หลังจากเราเช็คอินเสร็จแล้ว เราก็เดินไปทานร้านอาหารที่เป็น Food Court ในสนามบิน ชื่อว่า Dining Court Machiyakoji เพราะมันค่อนข้างจะสะดวก แต่กว่าจะมีที่นั่ง เราต้องรอคิวนานมาก ซึ่งตอนนั้นหนูรู้สึกหิวมาก และน้องชายคนเล็กก็เริ่มงอแงเพราะหิว เมื่อได้ที่นั่งหนูได้ทานบะหมี่ญี่ปุ่น ขอบอกว่ามันอร่อยมาก แต่หนูก็ไม่รู้ว่ามันอร่อยจริงหรือเปล่า เพราะว่าตอนนั้นหนูหิวมาก
พอทานกันเสร็จ เราก็ไปร้าน Family Mart ที่สนามบินนี้แหละค่ะ หนูก็ซื้อขนมญี่ปุ่น และขนมต่างๆ มันมีเรื่องตลกอยู่อย่างหนึ่งค่ะ อาม่าของหนูเห็นน้ำพีช และด้วยความที่อาม่าชอบน้ำพีช อาม่าก็เลยซื้อ แต่พอจ่ายเงินเสร็จ ขึ้นห้องพัก ปรากฏว่ามันเป็นเหล้าพีช ไม่ใช่น้ำพีช อาม่าก็เลยอดทานเลย ฮ่าๆๆ แต่บางคนก็อาจจะไม่ขำนะคะ เสร็จแล้วเราก็กลับห้องพัก
สำหรับห้องพักที่เราจองนะคะ เราจองไว้ 2 ห้อง เป็นห้องคอนเน็คกัน ห้องหนึ่งหนูนอนกับอาม่า และแพนด้า โดยแพนด้านอนเตียงเสริม ส่วนอีกห้อง พ่อ แม่ และปีเตอร์นอนด้วยกัน
คืนนั้นหนูตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ...
18 มีนาคม 2559
เย้ๆๆ เช้าแล้ว แต่หนูตื่นเร็วเทานไป หนูตื่น 04.00 เวลาญี่ปุ่น เมื่อบวกอีกสองชั่วโมง ก็เท่ากับ 06.00 ในเวลาประเทศไทย แต่ยังไม่มีใครตื่นเลย ยกเว้นหนู กับอาม่า แล้วก็แพนด้า พอทุกคนตื่นแล้ว หลังจากล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำเสร็จ คุณพ่อ แพนด้า อาม่า แล้วก็ปีเตอร์ก็ไปทานข้าวในร้านอาหารของโรงแรม แต่หนูกลับต้องรอแม่ เพราะแม่ต้องแต่งหน้า ฮ่วย...
ในที่สุดแม่ก็แต่งหน้าเสร็จ แล้วหนูกับแม่ก็ลงไปทานข้าว เย้!
เราทานอาหารเช้ากันที่ The Brasserie ซึ่งเป็นอาหารบุฟเฟต์ คุณพ่อเล่าให้ฟังว่าร้านนี้ใช้วัตถุดิบสดๆ ที่ผลิตในพื้นเมืองบริเวณนั้น
ทานเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินลงไปเอารถเช่า โดยคุณพ่อได้จองรถทางอินเตอร์เน็ตมาตั้งแต่ประเทศไทย โดยเราที่เราจองก็คือ รถ Nissan Elgrand
พอจัดการเรื่องรถเรียบร้อย คุณพ่อก็ขับรถไปที่เกียวโต โดยมีแพนด้าเป็นคนช่วยดูแผนที่ แพนด้าเค้าดูแผนที่เก่งมาก คราวที่เราไปแถวๆ โตเกียว คุณพ่อขับรถไปผิดทาง แต่แพนด้าเค้าก็ช่วยให้หาทางที่ถูกต้องได้ (แต่พอได้ของเล่น เค้าก็เสียสมาธิ และดูทางผิด)
ที่เกียวโต เราไปเที่ยววัดเป็นแห่งแรก วัดนี้ชื่อว่า Kiyomizu Dara
คุณพ่อเล่าให้หนูฟังว่าที่วัดนี้มันจะมีน้ำให้ตักสามสาย สายแรกถ้าหนูจำไม่ผิดน่าจะเป็นรวย สายที่สองคือเรียนเก่ง สายที่สามคือสุขภาพแข็งแรง
แต่พอไปถึง ลงจากรถ อากาศก็หนาวมาก อุณหภูมิประมาณ 11 องศาแล้ว เราก็ไปไหว้พระต่างๆ แล้วก็ถ่ายรูป
ในวัดจะมีจุดๆ หนึ่งซึ่งจะมีไม้เท้าเหล็ก และรองเท้าเหล็กของพระญี่ปุ่นรูปหนึ่ง คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ถ้าเราอธิษฐาน แล้วไปยกไม้เท้าเหล็กนั้นได้ คำอธิษฐานของเราจะเป็นจริง ไม้เท้าเหล็กนั้นมีอยู่ 2 อัน อันหนึ่งไม่หนักมาก หนูก็เลยยกไหว แต่อีกอันหนึ่งซุปปอร์หนัก หนูยกไม่ไหว แม้แต่คุณพ่อของหนูที่เขาแข็งแรงมาก เขาก็ยกไม่ไหว
พวกเราหาที่ตักน้ำไม่เจอ สุดท้ายแพนด้าก็เป็นคนหาเจอ แล้วเราก็ไปที่ตักน้ำ พอไปถึงมันก็มีสามสายก็จริง แต่สายไหนคือ รวย สุขภาพดี และเรียนเก่งกันล่ะ มันมีภาษาจีน พ่อก็เลยลองให้อาม่าอ่านดู อาม่าอ่านแล้วบอกเราว่าทุกสายเหมือนกันหมด เพียงแต่คงต้องขอพรสิ่งที่เราอยากได้
หลังจากนั้นก็จะเป็นตอนที่หนูชอบมากที่สุดเลย พอไหว้พระ และดื่มน้ำสามสายเสร็จ หลังวัดจะมีตลาดใหญ่ๆ แล้วก็มีให้ซื้อขนม และชิม ขอบอกว่าอร่อยทุกร้านเลย เพราะหนูชิมหมดเลย แม่ อาม่า และหนูก็เลยซื้อหลายอย่าง เพราะจริงๆ แล้วแม่ก็ชอบช็อปปิ้งเหมือนกัน แล้วอาม่าก็ชอบมากเลย วันนั้นอาม่าซื้อหลายอย่างมาก (เยอะกว่าหนูด้วยซ้ำ)
พอเราซื้อเสร็จ เราก็ขึ้นรถ และไปตลาดชื่อนิชิกิ ซึ่งมีคนเยอะมาก แต่พอไปถึงแม่กับปีเตอร์ไม่ได้ลง เพราะปีเตอร์หลับ แม่ก็เลยต้องรอบนรถอยู่กับปีเตอร์ พอลงไปเสร็จแล้ว เราก็ไปซื้อของทาน เพื่อเตรียมตัวไปทานที่บ้านพัก ชื่อว่า Machiya Kyoto Shogoin ซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่งมีสองชั้น มีที่ทำอาหาร แต่ไม่มีอาหาร หรือวัตถุดิบให้ เลยต้องซื้อไปจากตลาด
ที่ตลาด หนู และแพนด้าได้ซื้อหลายอย่าง แต่อาม่าอาจจะซื้อยากนิดหนึ่ง เพราะอาม่าทานเจ พวกเราซื้อปลาไหล และปลาหมึกเสียบไม้ย่าง ส่วนอาม่าซื้อเต้าหู้โดนัท
หนูอยากจะบอกว่าตลาดที่ญี่ปุ่นต่างจากเมืองไทยมาก เพราะมันสะอาด และเย็นสบาย (แต่ไม่มีแอร์นะ มันเย็นเพราะอากาศ) ^_^
ตอนที่พ่อขับรถไปที่ที่พัก เราก็หลงทาง เพราะซอยมันเยอะ เราเลยโทรไปคุยกับเจ้าของที่พัก แต่คุณพ่อก็คุยกับเขายาก เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยได้ สุดท้ายเขาถามเราว่าเราเป็นคนอะไร เราตอบคนไทย แล้วเขาก็พูดภาษาไทยกับเราอ่ะ เขาบอกว่าเขาเคยมาเรียน และอยู่ที่เมืองไทย สุดท้ายเราก็เลยมาถึงบ้านพักได้ แต่จริงๆ แล้วมีส่วนเพราะใช้ Google Map ด้วย
เอาล่ะ พอมาถึงเราก็ล้างมือล้างเท้าอาบน้ำ แล้วเตรียมตัวเข้านอน ไม่ใช่ละ พอเสร็จแล้ว เราก็มาทานข้าว ซึ่งในโต๊ะญี่ปุ่นของที่นี่ดีมากเลย เพราะมันเป็นโต๊ะญี่ปุ่นแบบที่มีเครื่องทำความร้อนอยู่ที่ใต้ขา และพื้นที่ตรงอื่นก็อุ่นสบายด้วย เพราะมันมีเครื่องทำความร้อนอยู่ใต้พื้น
พอทานข้าวเสร็จ เราก็ผลัดกันอาบน้ำแปรงฟันเพื่อที่จะเตรียมตัวเข้านอน ตอนเข้านอน หนูนอนกับอาม่า เพราะว่าบ้านหลังนี้มีห้องนอนชั้นบนสองห้อง ส่วนพ่อแม่แพนด้าแล้วก็ปีเตอร์นอนด้วยกัน (ที่จริงแพนด้านอนกับหนู กับอาม่า แต่แพนด้าทนฟังเสียงกรนของอาม่าไม่ได้ ที่จริงหนูก็ทนไม่ได้ แต่หนูไม่อยากให้อาม่าเสียใจ)