LA LA LAND
Director: Damien Chazelle
คำตอบของคำถามในหัวของทุกคนว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้คะแนนจากบรรดานักวิจารณ์อย่างท่วมท้น ทั้งที่ภายนอกอาจจะมองได้ว่ามันเป็นหนังมิวสิคคัลของคนตะกายฝัน 2 คน แต่เนื้อแท้ของมันนั้น มันพูดถึงความไม่แน่นอนของชีวิต เส้นทางของชีวิต โอกาสและการก้าวต่อไป ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมันถูกเล่าผ่านทั้งมุมมองของเซบาสเตียน (ไรอัน กอสลิ่ง) และมีอา (เอ็มมา สโตน)
ความงดงามของ LA LA LAND นอกจากมันจะพูดถึงความฝันในการตะกายดาวของคนสองคนแล้ว มันยังพูดถึง "ระหว่างทาง" ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของการเดินไปอยู่ในแสงไฟ พูดง่ายๆคือมันกำลังพูดถึงอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างวงการภาพยนตร์หรือวงการเพลง ซึ่งมีข้อกำจัด มีราคาค่างวดที่กว่าจะเดินไปถึงจุดที่คนทั่วไปรู้จักมันก็เป็นเรื่องยากเย็นเหลือทน แต่หนังไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องการตะกายดาวของสองตัวละครเท่านั้น มันยังแวะเวียนเล่าชีวิตของพวกเขาผ่านมุมมองโรแมนติก เปี่ยมอารมณ์ขัน ก่อนที่หนังจะเดินไปถึงจุดซีเรียส พลิกผัน (แต่ไม่เหนือการคาดเดา) ว่าท้ายที่สุดไม่ว่าหนังจะเลือกจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่ นั่นกลับใช้ "ทั้งหมดของเรื่อง" เป็นสาระสำคัญในการส่งสาร บอกต่อคนดูว่าทุกช่วงเวลาในชีวิตนั้นมีความสำคัญทั้งนั้น เพราะมันจะหล่อหลอมให้เราเป็นคนแบบ "ทุกวันนี้" ได้อย่างไร
LA LA LAND เป็นเหมือนหนังเพลง "ร่วมสมัย" ที่เหมือนเป็นตัวแทนของหนังในยุค 2010s ที่จะสามารถขึ้นทำเนียบหนังเพลงคลาสสิคที่สะท้อน "ช่วงเวลา" ของอุตสาหกรรมบันเทิงฮอลลีวูดได้อย่างงดงาม เพราะระหว่างรายทางของหนัง ก็สะท้อนให้เราเห็นความเป็นไปของสภาพธุรกิจดังกล่าวผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมาย การผสมผสานศิลปะดั้งเดิมกับศิลปะร่วมสมัย, แนวคิดความเชื่อของคนในธุรกิจนี้, ตลาดหนังจีนที่กำลังเติบโตและเหมือนเป็นแหล่งทุนแห่งใหม่ของฮอลลีวู้ด, คำวิจารณ์ที่ไม่ช่วยให้คนพัฒนานอกจากความสะใจของผู้พูด จุดเล็กๆในหนังเหล่านี้กลายเป็นความเฉียบคมของคนเขียนบทที่รู้ว่าตัวเองกำลังสื่อสารอะไรกับคนดู
ในส่วนการแสดงของเอ็มม่า สโตน เธอปอกเปลือกสาวน่ารัก หวานใส เธอทรงเสน่ห์และทำให้คนดูหลงรักเธอได้ไม่ยากเย็น ในขณะฉากที่เธอต้องปลดเปลื้องอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดผ่านบทเพลง Audition (The Fool Who Dream) ได้สะท้อนชีวิตที่ผ่านของเธอออกมาได้อย่างงดงาม
ทางด้านไรอัน กอสลิ่ง (ผัวแห่งชาติ) เขาส่องประกาย แผ่เสน่ห์อย่างไม่บรรยะบรรยัง เชื่อว่าสาวๆและตุ้ดทั่วบ้านทั่วเมือง แทบจะตายคาโรงหนังไม่ว่าจะเป็นฉากจีบ ฉากเดท หรือกระทั่งฉากที่เขาต้องทำตัว "แทคแคร์" นางเอก หรือฉากจำพวกหมาหยอกไก่ กอสลิ่งสามารถแสดงบท "ผู้ชายกะล่อน" แต่น่ารัก ออกมาได้อย่างเปี่ยมชีวิตชีวา ยิ่งไปกว่านั้นในมุม "ส่วนตัว" ต่อเพลงแจ๊ส เขาก็แสดงให้เราเห็นว่าเขามีแรงปรารถนาอย่างรุนแรงแค่ไหน
ในภาพรวม LA LA LAND คือหนังที่คนดูทุกเพศ ทุกวัยจะหลงรักหนังเรื่องนี้อย่างไม่มีข้อแม้ มันพูดเรื่องอันเป็นสากล งดงาม เปี่ยมความหวังและมอบบทเรียนชีวิตให้คนดูได้อย่างไม่ยัดเยียดและสะท้อนความหมายของ "ช่วงหนึ่งในชีวิตที่ดีที่สุด" ได้อย่างสวยงาม
ไม่อยากจะใช้คำว่า 10/10 แต่ก็คงต้องพูดแล้วก็วันนี้
#LALALAND
#PRETTYPLASALID
The Great Wall - หนังพล็อตเรื่องเกรดบีในโปรดักชั่นเกรดเอ :
http://pantip.com/topic/35962935
ถ้าชอบงานเขียนของเราฝากกดไลค์เพจ ตามมาเป็นเมาท์มอยพูดคุยกันครับที่
https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/
[SR] [ดูหนังกับพริตตี้ปลาสลิด] LA LA LAND - หนังเดทที่ดีที่สุดในรอบปี
LA LA LAND
Director: Damien Chazelle
คำตอบของคำถามในหัวของทุกคนว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้คะแนนจากบรรดานักวิจารณ์อย่างท่วมท้น ทั้งที่ภายนอกอาจจะมองได้ว่ามันเป็นหนังมิวสิคคัลของคนตะกายฝัน 2 คน แต่เนื้อแท้ของมันนั้น มันพูดถึงความไม่แน่นอนของชีวิต เส้นทางของชีวิต โอกาสและการก้าวต่อไป ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมันถูกเล่าผ่านทั้งมุมมองของเซบาสเตียน (ไรอัน กอสลิ่ง) และมีอา (เอ็มมา สโตน)
ความงดงามของ LA LA LAND นอกจากมันจะพูดถึงความฝันในการตะกายดาวของคนสองคนแล้ว มันยังพูดถึง "ระหว่างทาง" ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของการเดินไปอยู่ในแสงไฟ พูดง่ายๆคือมันกำลังพูดถึงอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างวงการภาพยนตร์หรือวงการเพลง ซึ่งมีข้อกำจัด มีราคาค่างวดที่กว่าจะเดินไปถึงจุดที่คนทั่วไปรู้จักมันก็เป็นเรื่องยากเย็นเหลือทน แต่หนังไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องการตะกายดาวของสองตัวละครเท่านั้น มันยังแวะเวียนเล่าชีวิตของพวกเขาผ่านมุมมองโรแมนติก เปี่ยมอารมณ์ขัน ก่อนที่หนังจะเดินไปถึงจุดซีเรียส พลิกผัน (แต่ไม่เหนือการคาดเดา) ว่าท้ายที่สุดไม่ว่าหนังจะเลือกจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่ นั่นกลับใช้ "ทั้งหมดของเรื่อง" เป็นสาระสำคัญในการส่งสาร บอกต่อคนดูว่าทุกช่วงเวลาในชีวิตนั้นมีความสำคัญทั้งนั้น เพราะมันจะหล่อหลอมให้เราเป็นคนแบบ "ทุกวันนี้" ได้อย่างไร
LA LA LAND เป็นเหมือนหนังเพลง "ร่วมสมัย" ที่เหมือนเป็นตัวแทนของหนังในยุค 2010s ที่จะสามารถขึ้นทำเนียบหนังเพลงคลาสสิคที่สะท้อน "ช่วงเวลา" ของอุตสาหกรรมบันเทิงฮอลลีวูดได้อย่างงดงาม เพราะระหว่างรายทางของหนัง ก็สะท้อนให้เราเห็นความเป็นไปของสภาพธุรกิจดังกล่าวผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมาย การผสมผสานศิลปะดั้งเดิมกับศิลปะร่วมสมัย, แนวคิดความเชื่อของคนในธุรกิจนี้, ตลาดหนังจีนที่กำลังเติบโตและเหมือนเป็นแหล่งทุนแห่งใหม่ของฮอลลีวู้ด, คำวิจารณ์ที่ไม่ช่วยให้คนพัฒนานอกจากความสะใจของผู้พูด จุดเล็กๆในหนังเหล่านี้กลายเป็นความเฉียบคมของคนเขียนบทที่รู้ว่าตัวเองกำลังสื่อสารอะไรกับคนดู
ในส่วนการแสดงของเอ็มม่า สโตน เธอปอกเปลือกสาวน่ารัก หวานใส เธอทรงเสน่ห์และทำให้คนดูหลงรักเธอได้ไม่ยากเย็น ในขณะฉากที่เธอต้องปลดเปลื้องอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดผ่านบทเพลง Audition (The Fool Who Dream) ได้สะท้อนชีวิตที่ผ่านของเธอออกมาได้อย่างงดงาม
ทางด้านไรอัน กอสลิ่ง (ผัวแห่งชาติ) เขาส่องประกาย แผ่เสน่ห์อย่างไม่บรรยะบรรยัง เชื่อว่าสาวๆและตุ้ดทั่วบ้านทั่วเมือง แทบจะตายคาโรงหนังไม่ว่าจะเป็นฉากจีบ ฉากเดท หรือกระทั่งฉากที่เขาต้องทำตัว "แทคแคร์" นางเอก หรือฉากจำพวกหมาหยอกไก่ กอสลิ่งสามารถแสดงบท "ผู้ชายกะล่อน" แต่น่ารัก ออกมาได้อย่างเปี่ยมชีวิตชีวา ยิ่งไปกว่านั้นในมุม "ส่วนตัว" ต่อเพลงแจ๊ส เขาก็แสดงให้เราเห็นว่าเขามีแรงปรารถนาอย่างรุนแรงแค่ไหน
ในภาพรวม LA LA LAND คือหนังที่คนดูทุกเพศ ทุกวัยจะหลงรักหนังเรื่องนี้อย่างไม่มีข้อแม้ มันพูดเรื่องอันเป็นสากล งดงาม เปี่ยมความหวังและมอบบทเรียนชีวิตให้คนดูได้อย่างไม่ยัดเยียดและสะท้อนความหมายของ "ช่วงหนึ่งในชีวิตที่ดีที่สุด" ได้อย่างสวยงาม
ไม่อยากจะใช้คำว่า 10/10 แต่ก็คงต้องพูดแล้วก็วันนี้
#LALALAND
#PRETTYPLASALID
The Great Wall - หนังพล็อตเรื่องเกรดบีในโปรดักชั่นเกรดเอ : http://pantip.com/topic/35962935
ถ้าชอบงานเขียนของเราฝากกดไลค์เพจ ตามมาเป็นเมาท์มอยพูดคุยกันครับที่
https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/