ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นยาก
เพื่อนที่ยังเหลืออยู่ คือเพื่อนเก่าทั้งสิ้น ดังนั้นความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์อย่างผิวเผินนั้นจึงตัดทิ้งไปได้เลย
เราไปเรียนและกลับบ้านมีชีวิตอย่างมีความสุขได้ก็เพราะครอบครัวทั้งสิ้น คือไปเรียนความรู้สึกจะแย่แค่ไหนไม่เป็นไร มีครอบครัวรอโอบเราอยู่
ส่วนเพื่อนเก่า เรานัดกันบ้างบางครั้ง และส่วนใหญ่ไม่ได้ติดต่อหากไม่มีเรื่องที่สำคัญ ซึ่งแทบจะตัดเพื่อนเก่าทิ้งไปได้เลย เพราะเราไม่มีทางที่จะติดต่อกลับไปหาเพื่อนเก่า เพื่อเล่าความรู้สึกแย่หรือระบายความรู้สึกใดๆด้วย เพราะถือว่าห่างกันพอสมควรแล้ว และก่อนหน้านี้ที่เรารู้สึกเฉยชากับชีวิต จึงทำให้เราไม่ค่อยตอบเพื่อนและตัดช่องทางการโพสต์ความรู้สึกต่างๆบนโซเชียลทิ้ง
แต่มาช่วงหลังเรามารู้สึกถึงความลำเอียงของคนในครอบครัว
เริ่มที่พี่สาวที่เรารู้สึกสนิทด้วยเริ่มคอยทำให้เราเบื่อหน่ายและเอาเปรียบทุกอย่าง ทำให้เราท้อกับชีวิต จนคิดว่าถ้าเราทนเค้าได้ เราจะทนทุกคนบนโลกได้
พี่สาวเป็นคนช่างเอาอกเอาใจ นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง เถียงพ่อแม่ ไม่ทำงานบ้าน ชอบผลัดงานมาให้เรา
กับเราที่คอยทำงาน พ่อแม่ใช้แต่เรา และอ้างว่าใช้พี่และเสียอารมณ์เพราะพี่ชอบทำหน้าไม่พอใจ
มาถึงตรงนี้ทำให้เรารู้ว่า ความดีเอาไปแลกเป็นความรักไม่ได้เลย เพราะว่าพ่อและแม่รักพี่มากกว่าเรา
ไม่รู้ทำไมเราพึ่งมาเห็นว่าพี่เป็นคนชอบเอาอกเอาใจ และพึ่งมาสัมผัสถึงความลำเอียงของพ่อและแม่เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง
มีหลายอย่างที่มันบ่งบอกถึงความลำเอียงที่เห็นได้ชัด และขอให้คุณเชื่อว่าเราไม่ได้คิดไปเองอย่างแน่นอน ที่เราไม่อยากพิมเพราะกลัวว่าใครสักคนในครอบครัวจะบังเอิญมาเห็น
ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะเดินออกมา ใช้ชีวิตคนเดียว ไม่ใช่การหนีออกจากบ้านใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่เอาตัวออกมาอยู่ห่างๆเท่านั้น เราทนเห็นแม่รักพี่มากกว่าไม่ได้ เราทนให้พี่เอาเปรียบเราไม่ได้ เราต้องอดกลั้นคำพูดแย่ๆที่จะสบถด่า กลั้นน้ำตาทุกครั้ง ซึ่งบางครั้งเราก็กลั้นไม่ได้ ต้องเดินออกมา และเราร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก เราโตมากแล้ว แต่ยังร้องไห้กับเรื่องนี้อยู่เพราะว่าเราไม่เคยถูกลำเอียงแบบนี้ เป็นเรื่องที่จะไม่ทนดูอย่างแน่นอน
ตอนนี้เราเริ่มยกตัวห่างออกมานิดหน่อย และไม่รู้ว่าพวกเค้าจะง้อเราหรือเปล่า (ซึ่งในใจก็คิดว่าคงไม่ง้อ และถึงยังไงเราจะไม่มีวันบอกพวกเค้าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา ดังนั้นเค้าไม่มีทางรู้ว่าเค้าผิดอะไรและจะไม่มีวันขอโทษ ซึ่งเราก็ไม่ได้ต้องการ)
ณ จุดตรงนี้คือ พวกเค้าเสียเราอย่างเต็มตัวแล้ว ไม่มีทางต่อติด แต่ว่าเรายังไม่ได้เสียพวกเค้าไป เนื่องจากอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่ถ้าหากเราห่างออกมาเรื่อยๆเราก็จะเสียพวกเค้าทั้งหมดเช่นกัน ซึ่งตอนนี้เราเลือกแล้วว่ายังไงเราก็คงไม่อยู่ ไม่มีใครแคร์ความรู้สึกของเรา เราคิดว่าเราถูกเมินจากการไปเรียนมันมากพอแล้ว ซึ่งพวกเค้าไม่เคยรู้ปัญหาตรงนี้เลย ไม่เคยเห็นเราร้องไห้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอ่อนแอแค่ไหน เพราะเราอยู่หอมาตลอดชีวิตก่อนหน้านี้ ดังนั้นกำแพงของเรากับครอบครัวจึงสูง และทำให้เราคิดว่าพวกเค้าไม่รู้จักเราสักนิด
เราไม่รู้ว่าตรงนี้ใครผิด อาจจะพูดว่าไม่บอกแล้วจะรู้หรอก็ได้ แต่ไม่มีใครเคยทำให้เรารู้สึกไว้ใจพอที่จะเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังได้เลย
เราไม่เคยรู้สึกอยากมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ช่วงมัธยมแล้ว และไม่มีใครทำให้เราเปลี่ยนความคิด มีเพื่อนเพียงคนเดียวที่รู้ดี และเค้าก็ทิ้งเราไปแล้ว
ทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เพราะอยากอยู่ แต่เพราะเรากลัวบาปจากการฆ่าตัวตาย เราเคยเก็บไปฝันหลายครั้งว่าเราขอให้คนอื่นฆ่าเรา และในฝันวันนั้นเรายืนให้เพื่อนเอามีดแทงหัวใจของเราแต่ว่ามันไม่ตาย เพราะว่ามันคือฝัน
จนตื่นมาก็คิดว่า อาการหนักนะอยากตายขนาดนั้นเลย
แต่มาตอนนี้เราเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ (ก็เพราะกลัวบาปนี่แหละ) ตั้งใจเรียนสูงๆทำงานดีๆมีเงินเยอะๆ เพราะเราได้เจอไอดอลคนหนึ่งที่ทำงานสายเดียวกับที่เรากำลังเรียนอยู่ ในเมื่อเราตายไม่ได้ เราก็จะอยู่อย่างมีความสุขที่สุด
มาถึงตรงนี้เราคงไม่ได้อยากถามอะไร เราแค่อยากเล่าเรื่องอยากระบายให้ฟัง คำถามพ่วงอาจจะเป็น มีใครไหมที่สู้มาคนเดียว ไม่มีกำลังใจจากใครสักคน วันนี้คุณยืนอยู่ในจุดไหน
ปล.ขอให้ท่านเชื่ออย่างสุดใจว่าเราโตพอที่จะไตร่ตรองและกลั่นกรองเรื่องราวที่เป็นความจริงไม่ใช่เพียงข้อคิดเห็น เราทราบดีว่าทุกคนรักเราอยู่แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า เค้ารักเราน้อยกว่า และไม่มีใครทราบปัญหาว่ามันใหญ่หลวงแค่ไหน ซึ่งเราจะไม่แก้ตรงนี้
เป็นไปได้ไหมที่จะสู้โดยที่ไม่มีกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนฝูง
เพื่อนที่ยังเหลืออยู่ คือเพื่อนเก่าทั้งสิ้น ดังนั้นความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์อย่างผิวเผินนั้นจึงตัดทิ้งไปได้เลย
เราไปเรียนและกลับบ้านมีชีวิตอย่างมีความสุขได้ก็เพราะครอบครัวทั้งสิ้น คือไปเรียนความรู้สึกจะแย่แค่ไหนไม่เป็นไร มีครอบครัวรอโอบเราอยู่
ส่วนเพื่อนเก่า เรานัดกันบ้างบางครั้ง และส่วนใหญ่ไม่ได้ติดต่อหากไม่มีเรื่องที่สำคัญ ซึ่งแทบจะตัดเพื่อนเก่าทิ้งไปได้เลย เพราะเราไม่มีทางที่จะติดต่อกลับไปหาเพื่อนเก่า เพื่อเล่าความรู้สึกแย่หรือระบายความรู้สึกใดๆด้วย เพราะถือว่าห่างกันพอสมควรแล้ว และก่อนหน้านี้ที่เรารู้สึกเฉยชากับชีวิต จึงทำให้เราไม่ค่อยตอบเพื่อนและตัดช่องทางการโพสต์ความรู้สึกต่างๆบนโซเชียลทิ้ง
แต่มาช่วงหลังเรามารู้สึกถึงความลำเอียงของคนในครอบครัว
เริ่มที่พี่สาวที่เรารู้สึกสนิทด้วยเริ่มคอยทำให้เราเบื่อหน่ายและเอาเปรียบทุกอย่าง ทำให้เราท้อกับชีวิต จนคิดว่าถ้าเราทนเค้าได้ เราจะทนทุกคนบนโลกได้
พี่สาวเป็นคนช่างเอาอกเอาใจ นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง เถียงพ่อแม่ ไม่ทำงานบ้าน ชอบผลัดงานมาให้เรา
กับเราที่คอยทำงาน พ่อแม่ใช้แต่เรา และอ้างว่าใช้พี่และเสียอารมณ์เพราะพี่ชอบทำหน้าไม่พอใจ
มาถึงตรงนี้ทำให้เรารู้ว่า ความดีเอาไปแลกเป็นความรักไม่ได้เลย เพราะว่าพ่อและแม่รักพี่มากกว่าเรา
ไม่รู้ทำไมเราพึ่งมาเห็นว่าพี่เป็นคนชอบเอาอกเอาใจ และพึ่งมาสัมผัสถึงความลำเอียงของพ่อและแม่เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง
มีหลายอย่างที่มันบ่งบอกถึงความลำเอียงที่เห็นได้ชัด และขอให้คุณเชื่อว่าเราไม่ได้คิดไปเองอย่างแน่นอน ที่เราไม่อยากพิมเพราะกลัวว่าใครสักคนในครอบครัวจะบังเอิญมาเห็น
ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะเดินออกมา ใช้ชีวิตคนเดียว ไม่ใช่การหนีออกจากบ้านใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่เอาตัวออกมาอยู่ห่างๆเท่านั้น เราทนเห็นแม่รักพี่มากกว่าไม่ได้ เราทนให้พี่เอาเปรียบเราไม่ได้ เราต้องอดกลั้นคำพูดแย่ๆที่จะสบถด่า กลั้นน้ำตาทุกครั้ง ซึ่งบางครั้งเราก็กลั้นไม่ได้ ต้องเดินออกมา และเราร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก เราโตมากแล้ว แต่ยังร้องไห้กับเรื่องนี้อยู่เพราะว่าเราไม่เคยถูกลำเอียงแบบนี้ เป็นเรื่องที่จะไม่ทนดูอย่างแน่นอน
ตอนนี้เราเริ่มยกตัวห่างออกมานิดหน่อย และไม่รู้ว่าพวกเค้าจะง้อเราหรือเปล่า (ซึ่งในใจก็คิดว่าคงไม่ง้อ และถึงยังไงเราจะไม่มีวันบอกพวกเค้าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา ดังนั้นเค้าไม่มีทางรู้ว่าเค้าผิดอะไรและจะไม่มีวันขอโทษ ซึ่งเราก็ไม่ได้ต้องการ)
ณ จุดตรงนี้คือ พวกเค้าเสียเราอย่างเต็มตัวแล้ว ไม่มีทางต่อติด แต่ว่าเรายังไม่ได้เสียพวกเค้าไป เนื่องจากอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่ถ้าหากเราห่างออกมาเรื่อยๆเราก็จะเสียพวกเค้าทั้งหมดเช่นกัน ซึ่งตอนนี้เราเลือกแล้วว่ายังไงเราก็คงไม่อยู่ ไม่มีใครแคร์ความรู้สึกของเรา เราคิดว่าเราถูกเมินจากการไปเรียนมันมากพอแล้ว ซึ่งพวกเค้าไม่เคยรู้ปัญหาตรงนี้เลย ไม่เคยเห็นเราร้องไห้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอ่อนแอแค่ไหน เพราะเราอยู่หอมาตลอดชีวิตก่อนหน้านี้ ดังนั้นกำแพงของเรากับครอบครัวจึงสูง และทำให้เราคิดว่าพวกเค้าไม่รู้จักเราสักนิด
เราไม่รู้ว่าตรงนี้ใครผิด อาจจะพูดว่าไม่บอกแล้วจะรู้หรอก็ได้ แต่ไม่มีใครเคยทำให้เรารู้สึกไว้ใจพอที่จะเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังได้เลย
เราไม่เคยรู้สึกอยากมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ช่วงมัธยมแล้ว และไม่มีใครทำให้เราเปลี่ยนความคิด มีเพื่อนเพียงคนเดียวที่รู้ดี และเค้าก็ทิ้งเราไปแล้ว
ทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เพราะอยากอยู่ แต่เพราะเรากลัวบาปจากการฆ่าตัวตาย เราเคยเก็บไปฝันหลายครั้งว่าเราขอให้คนอื่นฆ่าเรา และในฝันวันนั้นเรายืนให้เพื่อนเอามีดแทงหัวใจของเราแต่ว่ามันไม่ตาย เพราะว่ามันคือฝัน
จนตื่นมาก็คิดว่า อาการหนักนะอยากตายขนาดนั้นเลย
แต่มาตอนนี้เราเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ (ก็เพราะกลัวบาปนี่แหละ) ตั้งใจเรียนสูงๆทำงานดีๆมีเงินเยอะๆ เพราะเราได้เจอไอดอลคนหนึ่งที่ทำงานสายเดียวกับที่เรากำลังเรียนอยู่ ในเมื่อเราตายไม่ได้ เราก็จะอยู่อย่างมีความสุขที่สุด
มาถึงตรงนี้เราคงไม่ได้อยากถามอะไร เราแค่อยากเล่าเรื่องอยากระบายให้ฟัง คำถามพ่วงอาจจะเป็น มีใครไหมที่สู้มาคนเดียว ไม่มีกำลังใจจากใครสักคน วันนี้คุณยืนอยู่ในจุดไหน
ปล.ขอให้ท่านเชื่ออย่างสุดใจว่าเราโตพอที่จะไตร่ตรองและกลั่นกรองเรื่องราวที่เป็นความจริงไม่ใช่เพียงข้อคิดเห็น เราทราบดีว่าทุกคนรักเราอยู่แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า เค้ารักเราน้อยกว่า และไม่มีใครทราบปัญหาว่ามันใหญ่หลวงแค่ไหน ซึ่งเราจะไม่แก้ตรงนี้