รู้สึกท้อแท้กับการทำงาน แถมเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้อีก ต้องทนอีกนานแค่ไหน

รู้สึกเบื่อสังคมในที่ทำงานค่ะ โดนบ่นแทบทุกวันจนรู้สึกท้อแท้ เสียความมั่นใจ ขาดกำลังใจ
เราทำงานที่นี่มา 7 เดือนแล้ว แต่เราไม่ใช่คนเก่ง ไม่รู้เป็นเพราะว่างานเรามันยาก หรือเป็นเพราะเราไม่เก่งพอสำหรับงานนี้กันแน่
งานเราเกี่ยวกับเงิน ให้บริการแก่ลูกค้าที่เป็นหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเราก็ไม่ค่อยมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานนี้มาก่อน
และงานของเราก็ต้องทำเป็นทีม ตอนนี้เรามีพี่ที่คุมเราอยู่ 2 คน รุ่นพี่ทั้ง 2 คนมีความแตกต่างจากเราอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาทั้งทำงานเก่ง ทั้งมีประสบการณ์มาก และยังพูดมากอีก แต่เราไม่เก่ง แถมเรายังมีนิสัยไม่ค่อยพูด เป็นคนเงียบๆ
ตอนที่เราสมัครงานนี้ เราคิดว่างานนี้ไม่ต้องติดต่อกับคนมากๆ อาจแค่มีประสานงานกับฝ่ายอื่นนิดหน่อย เพราะเราไม่ค่อยชอบยุ่งกับใคร
ซึ่งพอทำงานจริง เราก็ไม่ต้องติดต่อลูกค้าเองเลย (เพราะรุ่นพี่ที่คุมเราเป็นคนติดต่อลูกค้าเอง) แต่เรากลับมีปัญหากับพวกพี่ที่คุมเรา
มันก็เป็นเพราะเราทำงานไม่เก่งนั่นแหละ พอเราทำงานเสร็จ เราก็ต้องส่งให้รุ่นพี่ตรวจ ซึ่งพี่เขาก็พบข้อผิดพลาดของเราทุกครั้ง
แบบว่าผิดเป็นบางจุด เช่น คำนวณเงินบางประเภทผิด หรือบางทีโปรแกรมที่เราใช้ทำงานมันประมวลผลผิด
ค่าเงินบางอย่างที่ควรจะออก มันกลับไม่ออก แล้วเราก็ดันไม่เจอข้อผิดพลาดตรงนี้ของระบบ เป็นเพราะเราไม่รู้
หรืออาจเป็นเพราะเราไม่มีความละเอียดรอบคอบมากพอในการตรวจ ในเมื่อข้อมูลที่ต้องตรวจมันมีเยอะ (แต่อาจไม่เยอะสำหรับรุ่นพี่)
แล้วพอรุ่นพี่เขาตรวจเจอ เขาก็จะบ่นเรา เราก็ทนฟัง ไม่ตอบโต้ เพราะรู้ว่าตัวเองผิด แต่เราก็ท้อแท้เหมือนกัน
เพราะเรารู้สึกว่าเราพยายามทำเต็มที่แล้ว เราคิดว่าเราตั้งใจทำ ตั้งใจตรวจแล้ว แต่ก็ยังมีจุดผิดพลาดอีกจนได้

นอกจากนี้งานเรายังต้องทำแข่งกับเวลาด้วย งานเรามีกำหนดส่งลูกค้า มีเวลาให้เราทำไม่เกิน 1 วัน ก่อนจะส่งให้รุ่นพี่ตรวจและแก้ไข
โดยเราต้องนำข้อมูลเข้าระบบ แล้วก็ตรวจเอง 1 ครั้ง ก่อนจะส่งให้รุ่นพี่ตรวจอีกครั้ง แต่ปัญหาคือ เราเป็นคนทำงานช้า
สมองเราประมวลผลช้า บวกกับนิสัยของเราที่ไม่ชอบทำอะไรแบบเร่งรีบ ไม่ชอบความกดดัน แต่เราก็พยายามรีบทำ
เราจึงต้องอยู่เลยเวลาเลิกงานบ่อยๆ เพื่อทำงาน(รุ่นพี่ที่คุมงานเรากลับบ้านกันไปแล้ว แต่เราอยู่ต่อ) แล้วเราก็ไม่ได้ค่าโอที
เพราะงานเราไม่มีค่าโอทีให้ มีแต่เบี้ยขยัน แต่ก็ต้องทำงานเลยเวลาเลิกงาน 3 ชั่วโมงขึ้นไป จึงจะได้เบี้ยขยัน
(พนักงานที่ทำงานลักษณะเดียวกับเรา มีหลายคนที่กลับบ้านดึก บางคนกลับ 4 ทุ่ม หรือ 5 ทุ่มก็มี)
แต่เราแทบไม่เคยอยู่เกินเวลาถึง 3 ชั่วโมง เวลาเลิกงานเราคือ 17.30 น. ส่วนใหญ่เราจะอยู่เกินเวลา 1-2 ชั่วโมง
มีอยู่ครั้งนึงที่เราอยู่ถึง 3 ชั่วโมง แต่เราก็ไม่ได้ขอเบี้ยขยัน เพราะเรารู้สึกลำบากใจที่จะขอ การจะขอเบี้ยขยันต้องให้รุ่นพี่ที่คุมงานเราอนุมัติ
แล้วก็ต้องให้หัวหน้าแผนกอนุมัติอีกที ซึ่งเราก็รู้สึกลำบากใจ ไม่รู้ว่าควรขอไหม เราอยู่เกินเวลาเพราะไม่สามารถทำงานให้เสร็จทันภายในเวลางานปกติได้
(บางทีลูกค้าส่งข้อมูลมาให้ตอนบ่าย หรือก่อนเวลาเลิกงานเรา 2 ชม. หรือบางทีส่งมาตอนใกล้เวลาเลิกงานเรา แล้วรุ่นพี่ที่คุมเราจะขอตรวจงานในช่วงเช้าวันต่อไป เราก็ต้องอยู่ทำให้เสร็จภายในวันนี้ เพราะถ้ามาทำพรุ่งนี้มันจะเสร็จไม่ทัน ถ้ารุ่นพี่ทำเองอาจเสร็จทันก็ได้ แต่เราทำไม่ทันหรอก)
และเราก็มีลูกค้าหลายเจ้า และต้องส่งงานลูกค้าในช่วงเวลาใกล้ๆ กันด้วย เราก็ต้องรีบทำ รู้สึกกดดันมากเลย แต่ยังไม่น่าหนักใจเท่าเรื่องคน

คนที่เรารู้สึกหนักใจที่สุด ก็คือคนที่เราต้องทำงานด้วยนี่แหละ พวกรุ่นพี่ที่คุมเรานี่แหละ เราโดนพวกเขาบ่นใส่อยู่บ่อยๆ เพราะทำงานมีข้อผิดพลาด
แต่เราก็พยายามไม่โกรธ เรายอมรับว่าเราทำผิด เวลาโดนบ่น เราก็ไม่เคยโต้ตอบเลย แต่ปกติเราไม่ค่อยพูดอะไรกับพวกเขา
เรื่องความเก่งในการทำงานของพวกเรา เรายอมรับ พวกเขาทำงานเก่ง พวกเขาทำงานระเอียด มีความรอบคอบ
แต่พวกเขาก็มีนิสัยที่เราไม่ชอบ คือนิสัยจู้จี้ เอาใจยาก พวกเขาต้องการให้เราเป็นคนช่างสังเกต ช่างสงสัย ช่างซักถามเรื่องงาน
พี่คนหนึ่งบอกว่า ตอนที่เขาเข้าทำงานใหม่ๆ เขาเป็นคนช่างสงสัยมาก คอยถามโน่นถามนี่คนอื่นตลอด เขาอยากให้เราเป็นแบบนั้น
แต่เราก็ไม่ใช่คนแบบนั้น เราไม่ค่อยสงสัยอะไร บางทีเราต้องเจอปัญหาก่อนจึงจะรู้สึกสงสัย และค่อยไปถามพวกเขา
และพวกเขาก็คาดหวังว่าพอสอนงานเราครั้งเดียวแล้วเราจะจำได้ทั้งหมด พอเราจำไม่ได้ ไปถามซ้ำ ก็โดนบ่นอีก
ทั้งๆที่ตอนพวกเขาสอนเรา พวกเขาก็สอนแบบเร็วๆ ไม่รอให้เราจด เรายิ่งขี้ลืม สมองประมวลผลช้าอยู่ด้วย พวกเขาก็รู้
ยิ่งเป็นเรื่องที่เราไม่มีความรู้มาก่อน สอนแค่ครั้งเดียว เราจำได้ไม่หมดหรอก บางทีเขาพูดอะไรมา เราไม่เข้าใจ เขาก็มีท่าทีรำคาญ
และเวลาเราพูดอะไรกับเขา แล้วเขาไม่เข้าใจ (ประมาณว่าสื่อสารกันไม่เข้าใจ) เขาก็มีท่าทีรำคาญเราอีก สรุปว่าเรามันแย่มากเลยสินะ
และบางทีรุ่นพี่ชอบมากดดันเราด้วยการยืนประกบดูเราทำงาน ดูไปถามไปบ่นไป เราเป็นคนประเภทที่พอโดนกดดันแล้วจะเสียความมั่นใจ
พอเราเสียความมั่นใจ เราก็จะทำงานแบบเงอะๆ งะๆ ไม่ค่อยมีสติ เสียสมาธิ แล้วก็จะโดนรุ่นพี่บ่นอีก เวลาบ่นเราก็บ่นต่อหน้าคนหลายๆคน
(ปกติเราเป็นคนมีสมาธินะ เวลาทำอะไรก็จะละเอียด ไม่ค่อยผิด แต่พอทำงานนี้แล้วเหมือนเป็นคนสมาธิสั้น ผิดได้ผิดดี โดนบ่นแล้วก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น)

นอกจากนี้พวกรุ่นพี่ยังมีนิสัยชอบแขวะคนอื่น จริงๆแล้วคนที่ทำงานในโซนเดียวกับเรา(ประมาณ 5 คน) มีนิสัยแบบนี้หมดเลย
ชอบเอาปมด้อยของคนอื่นมาล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน อย่างเราก็โดนล้อเรื่องที่เป็นคนทำงานช้า เป็นคนสมาธิสั้น เป็นคนไม่ค่อยพูด
พวกเขาก็แขวะกันเองนั่นแหละ และก็มีนินทาคนอื่น พวกเขาอาจรู้สึกสนุกและไม่คิดอะไร แต่เราคิดนะ เราไม่รู้สึกสนุกด้วยเลย
เราไม่เคยนินทาคนอื่นให้พวกเขาฟัง เวลาพวกเขานินทาใคร เราก็ไม่ร่วมด้วย เราไม่ค่อยพูดอะไรกับพวกเขา ทำตัวเหมือนบางใบ้
เราไม่อึดอัดหรอกที่ต้องทำตัวเหมือนคนใบ้ แต่เราอึดอัดที่ต้องทำงานกับคนแบบนั้นมากกว่า สไตล์และนิสัยมันต่างกันลิบลับ
เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราก็เปลี่ยนตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เราพยายามอดทน พยายามใจเย็น ไม่เคยโต้ตอบอะไรใครเลย
นอกจากรุ่นพี่จะชอบพูดจาแขวะแล้ว ยังชอบพูดจาขัดอีก เช่น ตอนที่รุ่นพี่ตรวจงานเรา แล้วเจอข้อผิดพลาด
เราบอกรุ่นพี่ว่า "เดี๋ยวแก้ไขให้เลยค่ะ" รุ่นพี่ตอกกลับมาว่า "ก็ต้องแก้ไขเลยสิ ถ้าไม่แก้ตอนนี้ แล้วจะแก้ตอนไหน"
เราก็รู้สึกเคืองในใจ แบบว่าจะพูดกันดีๆ ไม่ได้เหรอ เราก็พูดกับเขาดีๆ แต่ทำไมเขาต้องพูดกับเราแบบนี้

ไม่รู้เป็นเพราะว่านี่คือสังคมของคนทำงานกรุงเทพหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้เราทำงานต่างจังหวัด(ใกล้บ้าน) มาตลอด
เรารู้สึกว่าเราเข้ากับเพื่อนร่วมงานที่ต่างจังหวัดได้ดีกว่าเพื่อนร่วมงานที่กรุงเทพ และเราก็ทำงานที่ต่างจังหวัดได้ดีกว่าตอนที่ทำงานกรุงเทพ
(หมายถึงความสามารถในการทำงานของเรา อย่างน้อยเราก็ไม่โดนเพื่อนร่วมงานกดดันมากขนาดนี้ ได้รับการชื่นชมมากกว่านี้)
เราพยายามมองข้อดีของที่ทำงาน ว่าอย่างน้อยเราก็มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ อย่างน้อยที่ทำงานเราก็อยู่ไม่ไกลที่พักมากนัก เดินทางสะดวก
แต่พอนึกถึงข้อเสียนี่สิ...งานก็ยาก เพื่อนร่วมงานก็คอยกดดัน เงินเดือนหักค่าใช้จ่ายแล้วไม่เหลือเงินเก็บ ค่าโอทีก็ไม่มี บอกเลยว่ารู้สึกท้อแท้
รู้สึกสงสัยในใจเลยว่า "นี่เรามาทำอะไรที่กรุงเทพ? ทำไมเราไม่อยู่บ้านตัวเอง? ทำไมเราไม่อยู่กับครอบครัว? นี่เราต้องทนอยู่กับสังคมแบบนั้นไปอีกนานแค่ไหน?"

เราควรทำยังไงดี ควรเล่าให้พ่อแม่ฟังไหม พ่อแม่รู้ว่าเราทำงานเลยเวลาบ่อยๆ แต่ไม่รู้เรื่องลักษณะงานของเรา ไม่รู้เรื่องสังคมในที่ทำงานของเรา
เราไม่ใช่คนที่จะมาอดทนในเรื่องคนอื่นเลย ปกติถ้าเราไม่ชอบใคร เราจะไม่ยุ่ง ไม่คบหา แต่ในการทำงานเราจำเป็นต้องทน เราเลือกไม่ได้
บางทีเราก็อยากลาออก อยากหางานใหม่ อยากเลือกงานที่ตรงกับสไตล์ตัวเอง แต่มันก็เหมือนว่าเราแค่เพ้อฝัน ความจริงมันไม่ง่าย
ตอนเราอยู่ต่างจังหวัด เราก็เปลี่ยนงานบ่อย(เปลี่ยนมา 3 งานภายในเวลา 2 ปี) ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะระบบงานที่ไม่ค่อยดี
ไม่ค่อยเอื้อกับงานเรา ทำให้เราอึดอัด ลำบากใจ เราทำงานแค่ 3-4 เดือนก็รู้แล้วว่าเราไม่ชอบงานที่นั่น แล้วงานที่ต่างจังหวัดก็เงินเดือนน้อย
วันหยุดน้อย สวัสดิการน้อย เราจึงไม่ทนอยู่นานๆ พอเปลี่ยนงานแล้วก็ใช่ว่าเงินเดือนเราจะเพิ่มขึ้น

แต่ตอนนี้เราอายุ 25 ปีแล้ว เรามาทำงานที่ กทม. ก็ใช่ว่าเราจะได้เงินเดือนเยอะ เราได้ 15K หลังผ่านทดลองงาน
พอหักค่าเช่าหอพักและค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วก็ไม่เหลือเก็บเลย แต่งานที่นี่ เป็นที่แรกที่ทำให้เราได้มีวันหยุดสัปดาห์ละ 2 วัน
มีสวัสดิการมากกว่าบริษัทอื่นๆที่เราเคยทำมา และบริษัทก็ดูจะมีความก้าวหน้า มีการขยายขึ้นๆ ไม่มีการปลดคนออก
เรารู้สึกไม่ค่อยอยากเปลี่ยนงาน เพราะคิดว่างานหายาก เราอยากจะทำงานที่ใดที่หนึ่งให้มีความมั่นคง และมีความก้าวหน้าในหน้าที่
แต่ตอนนี้เรารู้สึกท้อแท้เหลือเกิน ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้นานแค่ไหน เราพยายามทำงานเต็มความสามารถแล้ว แต่มันได้แค่นี้
เราพยายามจะให้มันดีกว่านี้ แต่ตอนนี้มันยังไม่ดีพอสำหรับคนอื่น บางทีก็รู้สึกอยากลาออก จะได้สบายใจกันทั้ง 2 ฝ่าย
พวกรุ่นพี่ก็จะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยกับเรา ส่วนเราก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับเขา ให้บริษัทหาคนใหม่ที่เก่งกว่าเราไปทำงานกับพวกเขาดีกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่