ตั้งใจจะร่วมลงทุนกับพี่ที่สนิท ทำ Home Office ขึ้นมา ไว้ขยับขยายกิจการต่างๆ และสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้ากู้บ้านงวดนี้ผ่าน จะขอมาแชร์วิธีการ และการเตรียมตัว เผื่อจะพอเป็นแนวทางให้กับคนอื่นๆต่อไปได้ค่ะ โดยจะขอโฟกัสที่ งานเขียนรีวิว และ การขายของออนไลน์ ที่น่าจะเป็นรายได้ก้อนหลัก ที่ทำให้สามารถกู้บ้านผ่าน 100% ได้ในครั้งนี้
*ขอไม่แชร์ตัวเลขนะคะ ขอแชร์เป็นวิธีการเตรียมตัวเป็นหลักน้า*
หากพิจารณาแต่เงินเดือน หักออกด้วยรายจ่ายแล้ว รับรองเลยว่า ไม่มีทางกู้ผ่าน เพราะเงินเดือน เมื่อเทียบกับราคาบ้าน ยังห่างชั้นอยู่พอสมควร เลยจำเป็นต้องใช้รายรับอื่นๆ มาเป็นส่วนร่วมในการพิจารณาด้วยค่ะ เป็นที่มาของบทความนี้ ว่าหากคุณเป็น Blogger หรือขายของออนไลน์ ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
หากคุณเป็น Blogger รับงานรีวิว
เรียกว่าเป็นเรื่องใหม่สุดๆของแบงค์เลยนะคะ พวกเค้าแทบไม่รู้จักหรือสนใจงานเขียนบทความบนโลกออนไลน์สักเท่าไหร่ อธิบายอยู่นานว่ามันคืออะไร แต่อย่างว่าละค่ะ มียื่นเอาไว้ให้อุ่นใจดีกว่า โดยต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมให้ธนาคาร ดังนี้
1.หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
สำคัญมากๆๆๆ แบบที่ไม่คิดว่าการจ่ายภาษี 3% ทุกครั้งจะมีประโยชน์ถึงขนาดนี้ เพราะทางธนาคารจะยอมนับรายได้ส่วนนี้ของเรา หากมีใบนี้เป็นหลักฐาน
2.Capture หน้าจอที่แสดงยอดคนกด Like แฟนเพจ หรือยอดคนดู YouTube
3.รวบรวมรีวิวใส่สไลด์ให้มากที่สุด (ถ้ามี Video ด้วย ผู้วิเคราะห์จะเข้าใจง่ายขึ้น)
4.เอกสารจดโดเมนเนม ที่ปรากฎชื่อของเรา (ถ้ามี)
หากคุณเป็นคนขายของออนไลน์
ก่อนหน้านี้นั่งอ่านอยู่นาน เพราะเชื่อว่าหลายๆคน คงจะทำงานประจำ พร้อมกับทำธุรกิจออนไลน์เสริมไปด้วย คำถามในสมองคือ เค้าจะนับรวมกันมั้ย? เท่าที่สอบถาม บางแบงค์จะพิจารณาร่วมกับงานประจำค่ะ แต่บางแบงค์ก็ตัดทิ้งแบบไม่เหลือเยื่อใยเลย 555
เนื่องจากเป็นตัวแทนจำหน่าย ขายแบบออนไลน์เท่านั้น ไม่มีหน้าร้าน โดยเป็นการคุยกับลูกค้า ปิดการขาย แล้วส่งรายชื่อให้ทางเจ้าของแบรนด์ เพื่อส่งของให้ลูกค้าอีกที เอกสารที่ต้องเตรียมมีเยอะหน่อย ดังนี้
1. Statement 6 เดือนย้อนหลัง
2. บัญชีรายรับรายจ่ายของร้าน 6 เดือนย้อนหลัง จำเป็นที่สุดในโลก
ก่อนหน้านี้ อุ้มไม่เคยทำไว้แบบจริงจังเลยค่ะ เลยต้องมานั่งทำใหม่ เพื่อประกอบกับ Statement ซึ่งจะเป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่า เงินที่เข้าเป็นเงินจาก order ไหน ลูกค้าชื่ออะไร ที่อยู่ที่ไหน เป็นสิ่งที่ควรจะทำไว้มากๆ
3. ตัวอย่าง chat ที่ลูกค้าคุยกับเรา แนะนำให้ capture เวลาที่ลูกค้าส่งหลักฐานการโอนเงินมาให้เรานะคะ เอาไว้สัก 20-30 อันเพื่อเป็นตัวอย่าง
4. สลิปการโอนเงินให้กับเจ้าของแบรนด์ เก็บมาไว้สัก 30 อันเช่นเดียวกันค่ะ แต่ถ้าโอนเป็นรอบๆอยู่แล้ว ก็เก็บไว้สัก 6 เดือนย้อนหลัง
5. Tracking Number ของลูกค้า (มีชื่อ หรือเลข order แสดงชัดเจน) ย้อนหลัง 6 เดือน
6. ใบยืนยันการเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบเป็นทางการ
7. เอกสารการจดทะเบียนของบริษัทเจ้าของแบรนด์ (ถ้ามี)
8. Book Bank ของคนที่เราโอนเงินไปให้ (ทีมงานของบริษัทเจ้าของแบรนด์)
9. ถ้ามีเอกสารการจดโดเมนเนมของเว็บที่เราใช้ขายของ จะดีมากๆ
คิดง่ายๆค่ะ ว่าทางธนาคารจะพิจารณาว่า
1. ลูกค้ามีการซื้อสินค้าของเราจริงมั้ย (3)
2. มีการโอนเงินเข้ามาหาเราจริงมั้ย (1&2)
3. เราเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายจริงมั้ย (6)
4. เราได้มีการสั่งสินค้ากับทางเจ้าของแบรนด์จริงมั้ย (4)
5. ทางแบรนด์มีการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าจริงมั้ย (5)
6. และเรามีหน้าเว็บที่เป็นหลักฐานจริงๆมั้ย (9)
ถ้าครบ loop ก็จะสามารถนำมาใช้ในการพิจารณาได้ในที่สุด แน่นอนค่ะ ว่าก่อนหน้านี้ อุ้มได้เตรียมเอกสารไว้ให้แค่ ข้อ 1&3 และทางธนาคารโทรมาขอทีละข้อ ซึ่งทำให้เสียเวลาพอสมควร เท่าที่คุยมา หากมีการส่งของเอง ก็สามารถเอาหลักฐานการส่งของเรามายื่นด้วย
เตรียมใจ
ใช้เวลาไปไม่น้อย สำหรับการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นกู้บ้าน จากวันที่เริ่มยื่นเอกสารถึงวันนี้ ผ่านมาประมาณ 2 สัปดาห์ ใจตุ่มๆต่อมๆ และมีพนักงานแบงค์โทรมาหาเราเกือบทุกวัน เพื่อขอเอกสารนู่นนี่นั่นเพิ่มเติม รวมถึงถามข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ เราก็มั่นใจตอบไป ในสิ่งที่เราเป็นอยู่ ในใจก็กังวลมากๆค่ะ ว่าเค้าจะพิจารณาส่วนที่เป็นออนไลน์ของเรามั้ย เซลเองก็ไม่มั่นใจ เพราะส่วนใหญ่จะหักพวกค่าความเสี่ยง เหลืออยู่ไม่เยอะ
และในที่สุด ผลก็ออกมา เราสามารถทำเรื่องกู้บ้านผ่าน 100% โดยใช้ส่วนของออนไลน์มาพิจารณาเป็นหลัก ที่ภูมิใจคือ ท้อแท้กับการเตรียมเอกสารอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำได้ออกมาสำเร็จ เพราะฉะนั้นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คนไหนกำลังท้อแท้ใจ กลัวทำเรื่องไม่ผ่าน อยากให้ลองสู้ รวบรวมเอกสารให้เยอะที่สุด แล้วลองยื่นดูนะคะ รับรองว่าต้องมีสักแบงค์ที่ช่วยเราได้ ถ้าบ้านจะเป็นของเรา มันก็จะเป็นของเรา วันนี้ฝากไว้แค่นี้นะคะ ขอบคุณมากค่า
[CR] แชร์การยื่นกู้บ้านให้ผ่าน ฉบับ มนุษย์เงินเดือน + เขียนรีวิว + ขายของออนไลน์
*ขอไม่แชร์ตัวเลขนะคะ ขอแชร์เป็นวิธีการเตรียมตัวเป็นหลักน้า*
หากพิจารณาแต่เงินเดือน หักออกด้วยรายจ่ายแล้ว รับรองเลยว่า ไม่มีทางกู้ผ่าน เพราะเงินเดือน เมื่อเทียบกับราคาบ้าน ยังห่างชั้นอยู่พอสมควร เลยจำเป็นต้องใช้รายรับอื่นๆ มาเป็นส่วนร่วมในการพิจารณาด้วยค่ะ เป็นที่มาของบทความนี้ ว่าหากคุณเป็น Blogger หรือขายของออนไลน์ ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
หากคุณเป็น Blogger รับงานรีวิว
เรียกว่าเป็นเรื่องใหม่สุดๆของแบงค์เลยนะคะ พวกเค้าแทบไม่รู้จักหรือสนใจงานเขียนบทความบนโลกออนไลน์สักเท่าไหร่ อธิบายอยู่นานว่ามันคืออะไร แต่อย่างว่าละค่ะ มียื่นเอาไว้ให้อุ่นใจดีกว่า โดยต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมให้ธนาคาร ดังนี้
1.หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
สำคัญมากๆๆๆ แบบที่ไม่คิดว่าการจ่ายภาษี 3% ทุกครั้งจะมีประโยชน์ถึงขนาดนี้ เพราะทางธนาคารจะยอมนับรายได้ส่วนนี้ของเรา หากมีใบนี้เป็นหลักฐาน
2.Capture หน้าจอที่แสดงยอดคนกด Like แฟนเพจ หรือยอดคนดู YouTube
3.รวบรวมรีวิวใส่สไลด์ให้มากที่สุด (ถ้ามี Video ด้วย ผู้วิเคราะห์จะเข้าใจง่ายขึ้น)
4.เอกสารจดโดเมนเนม ที่ปรากฎชื่อของเรา (ถ้ามี)
หากคุณเป็นคนขายของออนไลน์
ก่อนหน้านี้นั่งอ่านอยู่นาน เพราะเชื่อว่าหลายๆคน คงจะทำงานประจำ พร้อมกับทำธุรกิจออนไลน์เสริมไปด้วย คำถามในสมองคือ เค้าจะนับรวมกันมั้ย? เท่าที่สอบถาม บางแบงค์จะพิจารณาร่วมกับงานประจำค่ะ แต่บางแบงค์ก็ตัดทิ้งแบบไม่เหลือเยื่อใยเลย 555
เนื่องจากเป็นตัวแทนจำหน่าย ขายแบบออนไลน์เท่านั้น ไม่มีหน้าร้าน โดยเป็นการคุยกับลูกค้า ปิดการขาย แล้วส่งรายชื่อให้ทางเจ้าของแบรนด์ เพื่อส่งของให้ลูกค้าอีกที เอกสารที่ต้องเตรียมมีเยอะหน่อย ดังนี้
1. Statement 6 เดือนย้อนหลัง
2. บัญชีรายรับรายจ่ายของร้าน 6 เดือนย้อนหลัง จำเป็นที่สุดในโลก
ก่อนหน้านี้ อุ้มไม่เคยทำไว้แบบจริงจังเลยค่ะ เลยต้องมานั่งทำใหม่ เพื่อประกอบกับ Statement ซึ่งจะเป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่า เงินที่เข้าเป็นเงินจาก order ไหน ลูกค้าชื่ออะไร ที่อยู่ที่ไหน เป็นสิ่งที่ควรจะทำไว้มากๆ
3. ตัวอย่าง chat ที่ลูกค้าคุยกับเรา แนะนำให้ capture เวลาที่ลูกค้าส่งหลักฐานการโอนเงินมาให้เรานะคะ เอาไว้สัก 20-30 อันเพื่อเป็นตัวอย่าง
4. สลิปการโอนเงินให้กับเจ้าของแบรนด์ เก็บมาไว้สัก 30 อันเช่นเดียวกันค่ะ แต่ถ้าโอนเป็นรอบๆอยู่แล้ว ก็เก็บไว้สัก 6 เดือนย้อนหลัง
5. Tracking Number ของลูกค้า (มีชื่อ หรือเลข order แสดงชัดเจน) ย้อนหลัง 6 เดือน
6. ใบยืนยันการเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบเป็นทางการ
7. เอกสารการจดทะเบียนของบริษัทเจ้าของแบรนด์ (ถ้ามี)
8. Book Bank ของคนที่เราโอนเงินไปให้ (ทีมงานของบริษัทเจ้าของแบรนด์)
9. ถ้ามีเอกสารการจดโดเมนเนมของเว็บที่เราใช้ขายของ จะดีมากๆ
คิดง่ายๆค่ะ ว่าทางธนาคารจะพิจารณาว่า
1. ลูกค้ามีการซื้อสินค้าของเราจริงมั้ย (3)
2. มีการโอนเงินเข้ามาหาเราจริงมั้ย (1&2)
3. เราเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายจริงมั้ย (6)
4. เราได้มีการสั่งสินค้ากับทางเจ้าของแบรนด์จริงมั้ย (4)
5. ทางแบรนด์มีการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าจริงมั้ย (5)
6. และเรามีหน้าเว็บที่เป็นหลักฐานจริงๆมั้ย (9)
ถ้าครบ loop ก็จะสามารถนำมาใช้ในการพิจารณาได้ในที่สุด แน่นอนค่ะ ว่าก่อนหน้านี้ อุ้มได้เตรียมเอกสารไว้ให้แค่ ข้อ 1&3 และทางธนาคารโทรมาขอทีละข้อ ซึ่งทำให้เสียเวลาพอสมควร เท่าที่คุยมา หากมีการส่งของเอง ก็สามารถเอาหลักฐานการส่งของเรามายื่นด้วย
เตรียมใจ
ใช้เวลาไปไม่น้อย สำหรับการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นกู้บ้าน จากวันที่เริ่มยื่นเอกสารถึงวันนี้ ผ่านมาประมาณ 2 สัปดาห์ ใจตุ่มๆต่อมๆ และมีพนักงานแบงค์โทรมาหาเราเกือบทุกวัน เพื่อขอเอกสารนู่นนี่นั่นเพิ่มเติม รวมถึงถามข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ เราก็มั่นใจตอบไป ในสิ่งที่เราเป็นอยู่ ในใจก็กังวลมากๆค่ะ ว่าเค้าจะพิจารณาส่วนที่เป็นออนไลน์ของเรามั้ย เซลเองก็ไม่มั่นใจ เพราะส่วนใหญ่จะหักพวกค่าความเสี่ยง เหลืออยู่ไม่เยอะ
และในที่สุด ผลก็ออกมา เราสามารถทำเรื่องกู้บ้านผ่าน 100% โดยใช้ส่วนของออนไลน์มาพิจารณาเป็นหลัก ที่ภูมิใจคือ ท้อแท้กับการเตรียมเอกสารอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำได้ออกมาสำเร็จ เพราะฉะนั้นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คนไหนกำลังท้อแท้ใจ กลัวทำเรื่องไม่ผ่าน อยากให้ลองสู้ รวบรวมเอกสารให้เยอะที่สุด แล้วลองยื่นดูนะคะ รับรองว่าต้องมีสักแบงค์ที่ช่วยเราได้ ถ้าบ้านจะเป็นของเรา มันก็จะเป็นของเรา วันนี้ฝากไว้แค่นี้นะคะ ขอบคุณมากค่า