อย่างแรกต้องบอกก่อนเลยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเจอมากับตัว เราอยากได้คำปรึกษาจริงๆว่าควรจะทำยังไงต่อ เราไปไม่เป็นเลย ต่อให้ตอนนี้เรื่องนั้นจะผ่านไปเราก็ยังนึกถึง ตัดยังไงก็ตัดไม่ออก
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนั้นเราเรียนอยู่ที่มหาลัย ปี 3 ได้เจอกับรุ่นน้องคนหนึ่ง(นามสมมุติ A )ตอนนั้นอยู่ปี 2 เจอกันทางแอพหาคู่ บังเอิญอยู่มหาลัยเดียวกัน คุยกันได้สักอาทิตย์หนึ่งเราก็ไปหาน้อง A ที่ห้อง(คือจะด่าเราว่าใจง่ายก็ได้ เพราะง่ายจริง เห็นเด็กไม่ได้ 55) ตอนแรกก่ะไม่คิดอะไรเหรอก แค่อยากกินเด็ก แต่เราเริ่มรู้สึกติดใจ A ไง ที่นี้เราก็ไม่ยอมไปไหนเลย อยู่แต่ในห้อง A เรียนเสร็จเราก็ไปนอนห้อง A
แต่จุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงนี้ค่ะ การกินเด็กเล่นๆของเรากลายมาเป็นเรื่องที่ต้องจำจนวันตายก็ว่าได้ค่ะ
เราเริ่มอยู่ด้วยกันที่หอ เหมือนคู่รักคู่หนึ่งที่อยู่กินกันปกติ แต่ผิดปกติอย่างหนึ่ง คือ น้อง A มีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งเขาคบกันมา 6 ปีแล้ว (ซึ่งจะบอกก่อนเลยว่า เรารู้อยู่แล้วเรื่องนี้ก่อนที่จะเจอน้อง A ) ก็เราอดใจไม่ไว้ บอกเลยว่า ยอม !! ยอมเป็นเมียเก็บค่ะ ทุกคืนก่อนนอน A จะต้องคุยโทรศัพท์กับแฟนซึ่งเราก็อยู่ค่ะแต่ยอมค่ะรู้สถานะตัวเอง นอนเงียบๆรอเขาคุยโทรศัพท์เสร็จค่ะ บางครั้งก็ได้ยินเขาทะเลาะกันเสียงดังมาก แต่ในใจก็แบบทะเลาะกันบ่อยๆแบบนี้เมื่อไหร่จะเลิก แต่คำพูด A ที่ทะเลาะกันกับแฟนนั้น ซึ่งตกใจมาก ไม่คิดว่าง A จะปากร้ายได้ขนาดนี้ แต่เอาเถอะยังไงเราก็มีใจให้ไปแล้วเรื่องแค่นี้รับได้หลังจากนั้นมา A ก็เริ่มออกลายจร้าาา รู้เลยว่า ผช คนนี้เป็นคนขี้หงุดหงิด (การจัดข้าวในจานดูเลอะเมื่อไหร่ คว่ำจานจร้าแล้วก็ไม่กินยอมอด แต่ใจเราเนอะ เห็นเป็นแบบนั้นก็อดใจไม่ได้ที่จะต้มมาม่าให้กิน ตอนแรกก็หยิ่งๆไม่กิน พอสักพักยอมกิน คงเป็นตรงนี้และมั่งที่หลงแบบพฤติกรรมไม่ตรงกับใจ ) เอาแต่ใจ ทำอะไรต้องได้ดั่งใจ โลกส่วนตัวสูง รักสะอาด ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบ (ตอนนั้นทำชุดนักศึกษายับไปทีหนึ่ง ตะโกนด่ายันร้องเลยจร้า ) และประเด็นเลยคือ
เป็นคนเจ้าชู้อยู่ด้วยกันทุกวันจนบางครั้งเรายังคิดเลยว่า เราเป็นเมียหรือเป็นทาส (ทาสที่พูดถึงคือ เราเต็มใจทำค่ะ ) วันไหนไม่มีเรียนก็อยู่ห้องเก็บห้อง ซักเสื้อผ้า ทำทุกอย่างที่หน้าที่ภรรยาคนหนึ่งจะทำได้ พอถึงวัน ศุกร์ ของทุกอาทิตย์ A จะกลับบ้านค่ะ แต่การกลับบ้านของ A ไม่ใช่ตรงดิ่งกลับบ้านพักผ่อนหรืออยู่แต่บ้านพักผ่อนน่ะค่ะ บางอาทิตย์ต้องพา แฟนตัวจริงเขาออกไปเที่ยว ซึ่งก่อน A จะไปเจอ A จะโทรมาบอกก่อนว่า
A : เดี๋ยวผมทำอะไรเสร็จเดี๋ยวผมโทรหาเองน่ะ ไม่ต้องโทรมา
เราก็ได้แค่ก้มหน้ายอมรับอยู่เงียบๆรอ A โทรมา เหมือนช่วงที่ A พาแฟนไปเที่ยวมีกำลังมีความสุข แต่ใจเราทุกข์มากเหมือนมีใครเอามีดมาแทงเรื่อยๆทั้งวัน แน่นอนว่าพอ A กลับมา เราเสียใจ งี่เง่า งอล ไหม บอกเลยว่า มากกกก ใจเราก็บอกว่าพอแล้วเลิกเถอะผชแบบนี้ จะตัดใจหลายรอบมาก บอกเลิก A ทุกครั้งที่ไปเจอแฟน แต่ A ก็ง้อว่าอย่าไป คือตอนนั้นเราร้องไห้ตลอดที่คบมาเรื่องแฟนของ A รู้ว่าเราผิดเราไม่น่าเข้าไปแต่ใจมันเรียกหาตลอดเวลา เป็นแบบนี้เรื่อยๆจนเราคบกันได้ 7 เดือน แน่นอนว่าในระหว่าง 7 เดือน ปิดเทอมไปเที่ยวเกาะล้าน ช่วยกันลงทุนทำธุระกิจส่วนตัว ยามว่างก็ชวนแม่ A ไปกินข้าว ซึ่งพูดเลยว่าจากนั้นในระหว่าง 7 เดือน ความรู้สึกเราก็เริ่มมากขึ้น เราเริ่มงี่เง่ามากกว่าเดิม เริ่มไม่พอใจที่แฟน A โทรมา เวลาโทรมาเราก็จะงี่เง่า งอล โกรธแต่ก็ได้แค่พักๆเราก็หายเองค่ะ (เหมือนดึงสติตัวเองกลับมาว่าเราอยู่ในสถานะอะไร ) เราเคยโกรธขนาด ถาม A ตรงๆน่ะค่ะว่า
เรา: เห็นพี่เป็นอะไรในสายตา A
A ตอบทุกครั้งที่เราถาม
A: ก็พี่(ชื่อเรา) ไง จะใครละ
เรา: อื้อ
ด้วยความที่ ขี้เกียจถามซ้ำๆ หลังจากนี้จะเป็นเนื้อหาที่มันแรงมากๆ (ขนาดพิมพ์ไปยังร้องไห้ได้เลย ) ช่วงเดือน เมษา ต้นๆ ของทุกคืนเราฝันว่า เราได้ใส่กำไรทอง ลองเอาไปเปิดในเว็บทำนายฝัน มันทำนายไว้ว่า คนมีคู่จะได้บุตร
เราเอาไปเล่าให้ A ฟัง A ก็บอก
A : เป็นไปไม่ได้เหรอก ผมมั่นใจว่าผมเสร็จข้างนอกตลอด ไม่มีพลาด
เรา : เออๆ
ไป จนสิ้นเดือน เมษา ปรากฎณ์ว่า ประจำเดือนเราไม่มาค่ะ A เลยไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาพอตรวจ ผลคือ 2 ขีดค่ะ ตอนนั้นมือเราสั่นๆใจเราก็สั่นๆ สีหน้า A ในตอนนั้น A ตกใจมาก A บอก
A: เดี๋ยวพี่เลิกงานผมไปรับไปตรวจที่ รพ กันอีกรอบเพื่อให้ความแน่ใจ
พอไป รพ ก็ ตรวจค่ะ แล้วเรามีอาการปวดท้องนิดๆด้วย ตรวจที่ตั้งครรภ์ ก็ขึ้น 2 ขีดค่ะ แต่หมอกลัวว่าเราจะท้องตอนที่กำลังเป็นอะไรหรือป่าว เพราะว่าหมอถามว่า
หมอ :ได้คุมกำเนิดไหม
เรา: คุมค่ะ แต่กินยาคุมฉุกเฉิน
หมอเลยจับอุลตราซาวร์เพระากลัวท้องนอกมดลูก ครั้งแรกที่เห็นเรารู้สึกอยากจะร้องไห้ นี่ในท้องเรากำลังมีน้องเหรอเนี่ย ดีใจ เหมือนกำลังมีครอบครัว ตอนนั้นในหัวจินตนาการไปเยอะมากว่าลูกจะหน้าตาเหมือนใคร จะน่ารักเหมือนเรา หรือ เหมือน A ผู้หญิงหรือผู้ชาย คือในหัวมีแต่ตัวน้อยคนนี้เท่านั้นที่คิด แน่นอนค่ะว่าตอนไปอุลตราซาวร์ดู A ก็เข้าไปด้วยค่ะ หน้าตา A นิ่งๆอมยิ้ม พอกลับจาก รพ น้องก็ปกติ ไม่พูดอะไร หลังจากนั้น ก็มีถามว่า
A : ผมให้พี่ตัดสินใจเอาเองน่ะว่า จะเอาไว้หรือจะเอาออก
เรา : เอาไว้สิ เราทำให้เขาเกิดต้องรับผิดชอบสิ พี่ทำไม่ลงเหรอก ลูกพี่ทั้งคน
A : ชัวร์น่ะ แล้วอนาคตจะเป็นยังไงต่อ พี่จะเรียนต่อได้เหรอ?
เรา: ได้ สบายๆ
คือตอนนั้นเรากำลังเรียนปี 4 อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว เราคิดแบบนั้น แต่เราก็กังวลน่ะว่าเด็กเกิดขึ้นมา ใครจะเลี้ยง เพราะ เราต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เพราะทางบ้านเรามีน้องสาวตัวเล็กๆคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นทางบ้านเราค่อนข้างกำลังจะหมดสมบัติเก่าแล้ว (เรารู้ตัวเราเลยเลี้ยงตัวเองด้วยการหางานพิเศษทำค่ะ) ได้มาทุกครั้งก็นำเงินให้แม่ส่วนหนึ่ง เพราะ งานพิเศษนี้รายได้ดีค่ะ (เป็นงานฟรีแลนด์ใช้ภาษาญี่ปุ่น ) เราก็ทำแบบนี้เรื่อยๆจนเราอยู่ ปี 4 ค่ะ (เจ้าของกระทู้นี้เป็น ลูกครึ่ง ญี่ปุ่นค่ะ จะพูดไทยชัดมากกว่าพูดญี่ปุ่นค่ะ) กลับมาที่เรื่องต่อ เราเลยปรึกษากับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ว่า ควรทำยังไงดี เพื่อนแนะนำว่าให้บอก ผู้ใหญ่ เราเลี้ยงเองคนเดียวไม่ไหวเหรอก แต่เราก็ไม่กล้าบอกฝั่งทางบ้านเรา คือ กลัวเขาผิดหวัง อีกอย่างกลัวว่าทางบ้านจะให้เอาเด็กออก เพราะทางบ้านรู้ว่าตอนนี้ใครหาเงินเก่งกว่า กลัวค่ะ กลัวมาก เลยตัดสินใจบอกทางแม่ฝ่ายน้อง เพระายังไงๆฝ่ายน้อง แม่ก็ไม่ได้ทำอะไร (บ้านน้องมีธุระกิจส่วนตัวเล็กๆเปิดกิจการโรงงานเคมี ) เราเลยปรึกษากับทางAว่า
เรา: ถ้าพี่คลอดตัวเล็กออกมาแล้ว ให้แม่ A ดูให้หน่อยได้ไหม เดี๋ยวพอพี่เริ่มตั้งตัวได้แล้ว เดี๋ยวพี่เลี้ยงตัวเล็กเอง
A : ผมไม่อยากให้แม่ผมเดือดร้อนที่มันเกี่ยวกับตัวผม ไม่อยากให้แม่ผิดหวัง ผมยังเรียนอยู่ แค่นี้ก็เดือดร้อนแม่จะตายอยู่แล้ว อีกอย่าง แม่เคยเตือนผมไว้ว่าระวังทำให้ท้อง แล้วนี้จะไปพูดได้ยังไง
เรา : แล้วจะเอายังไง
A: ก็อยากเอาไว้ไม่ใช่เหรอ ก็ช่วยกันไง ช่วยกันเลี้ยงดู
เรา: OKก็ยังซึ้งอยู่
A: พี่อยู่ได้ไหม อยู่บ้านเลี้ยงลูก ทำได้ไหม
เรา: ไม่ได้ ใครจะส่งเงินทางบ้านพี่ล่ะ ไหนจะน้องอีก ไม่ได้เหรอก อาการน้องเริ่มมาค่ะ
A: พอคิดจะเอาไว้ แต่ตัวเองต้องมีหน้าที่รับผิดชอบแบบนี้จะเอาไว้ได้เหรอ ไหวเหรอ แล้วแต่พี่น่ะ ผมเคารพในการตัดสินใจของพี่
เรา: อื้อ ขอบคุณน่ะ
ในช่วงที่กำลังพูดเรื่องลูก แฟน A ก็โทรมาจร้า อันนี้ A เริ่มแคร์ความรู้สึกเรา ออกไปรับหน้าระเบียงไม่ให้เห็นไม่ให้ได้ยิน แต่ก็น่ะ มันก็ยังนิสัยเดิมๆงี่เง่า งอล ไม่พอใจทำหน้าบึ้ง พอเขาคุยโทรศัพเสร็จเราก็หาเรื่องทะเลาะถามตรงๆกับ A เลยค่ะ
เรา: เมื่อไหร่จะเลิก พี่ท้องลูกเอ้งทั้งคนขนาดนี้แล้วน่ะ ให้มันจบๆไปสักทีเถอะ
A : มันเกี่ยวอะไรอ่ะ พี่ก็อยู่ส่วนพี่ มันก็อยู่ส่วนมัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่เห็นจะต้องให้วุ่นวาย
คำพูด A ในตอนนั้นเราจิตตกมากบวกกับคนกำลังท้องอาการน้อยใจกำเริบหนัก เหมือนคนบ้า หงุดหงิดตลอดเวลาหาเรื่องทะเลาะงี่เง่าทุกวัน จน A ทนไม่ไหว เอาเรื่องที่เราท้องบอกแม่เขา ซึ่งตอนนั้นเราก็แอบตั้งความหวังน่ะว่า แม่ต้องชอบแน่ๆกำลังมีหลานคนแรกให้ทางบ้านเขา แต่ผลที่ออกมาเกินขาดค่ะ A ยื่นโทรศัพท์ให้เราคุยกับแม่
แม่: หนูตอนนี้เราทั้งคู่กำลังเรียนกันอยู่น่ะกำลังมีอนาคตที่ไปไกลกันได้ทั้งคู่ถ้าเกิดมีตัวน้อยๆนี้ขึ้นมาอนาคตเรา 2 คนล่ะ จะหยุดอยู่แค่นี้กันเหรอ
เรา : แต่แม่ค่ะ ในเมื่อเขากำลังจะเกิด แม่จะให้หนูทำยังไงค่ะ คือหนูทำไม่ลงค่ะแม่ แม่ก็รู้ว่ามันบาปน่ะค่ะ หนูกลัวทำอะไรไม่ขึ้นค่ะแม่
แม่ : แม่รู้ว่ามันบาป แต่เราก็ทำบุญให้เขา ขอขมา บอกน้องดีๆว่า ตอนนี้เรายังไม่พร้อมมีน่ะ ทำบุญให้เขาเยอะๆ
เจอคำพูดนี้ไปเรา ร้องไห้เลยจร้า ร้องไม่หยุดเลย เสียใจมาก เรานั่งกุมท้องกลัวว่าจะมีใครเอาลูกเราไป พอ A เห็นเรา A ก็เข้ามาเอาโทรศัทพ์ไป คุยกับแม่ต่อ คือ คืนนั้นเราก็ร้องไห้ทั้งคืน A ก็ได้แต่ปลอบๆ ทำใจบอกเรายังไม่พร้อมอนาคตเรายังอีกไกลกัน
ประสบการณ์ตรงที่เจอมา (ความรักดราม่าแบบโหดเกินไปที่ ผญ คนหนึ่งจะเจอ)
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนั้นเราเรียนอยู่ที่มหาลัย ปี 3 ได้เจอกับรุ่นน้องคนหนึ่ง(นามสมมุติ A )ตอนนั้นอยู่ปี 2 เจอกันทางแอพหาคู่ บังเอิญอยู่มหาลัยเดียวกัน คุยกันได้สักอาทิตย์หนึ่งเราก็ไปหาน้อง A ที่ห้อง(คือจะด่าเราว่าใจง่ายก็ได้ เพราะง่ายจริง เห็นเด็กไม่ได้ 55) ตอนแรกก่ะไม่คิดอะไรเหรอก แค่อยากกินเด็ก แต่เราเริ่มรู้สึกติดใจ A ไง ที่นี้เราก็ไม่ยอมไปไหนเลย อยู่แต่ในห้อง A เรียนเสร็จเราก็ไปนอนห้อง A
แต่จุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงนี้ค่ะ การกินเด็กเล่นๆของเรากลายมาเป็นเรื่องที่ต้องจำจนวันตายก็ว่าได้ค่ะ
เราเริ่มอยู่ด้วยกันที่หอ เหมือนคู่รักคู่หนึ่งที่อยู่กินกันปกติ แต่ผิดปกติอย่างหนึ่ง คือ น้อง A มีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งเขาคบกันมา 6 ปีแล้ว (ซึ่งจะบอกก่อนเลยว่า เรารู้อยู่แล้วเรื่องนี้ก่อนที่จะเจอน้อง A ) ก็เราอดใจไม่ไว้ บอกเลยว่า ยอม !! ยอมเป็นเมียเก็บค่ะ ทุกคืนก่อนนอน A จะต้องคุยโทรศัพท์กับแฟนซึ่งเราก็อยู่ค่ะแต่ยอมค่ะรู้สถานะตัวเอง นอนเงียบๆรอเขาคุยโทรศัพท์เสร็จค่ะ บางครั้งก็ได้ยินเขาทะเลาะกันเสียงดังมาก แต่ในใจก็แบบทะเลาะกันบ่อยๆแบบนี้เมื่อไหร่จะเลิก แต่คำพูด A ที่ทะเลาะกันกับแฟนนั้น ซึ่งตกใจมาก ไม่คิดว่าง A จะปากร้ายได้ขนาดนี้ แต่เอาเถอะยังไงเราก็มีใจให้ไปแล้วเรื่องแค่นี้รับได้หลังจากนั้นมา A ก็เริ่มออกลายจร้าาา รู้เลยว่า ผช คนนี้เป็นคนขี้หงุดหงิด (การจัดข้าวในจานดูเลอะเมื่อไหร่ คว่ำจานจร้าแล้วก็ไม่กินยอมอด แต่ใจเราเนอะ เห็นเป็นแบบนั้นก็อดใจไม่ได้ที่จะต้มมาม่าให้กิน ตอนแรกก็หยิ่งๆไม่กิน พอสักพักยอมกิน คงเป็นตรงนี้และมั่งที่หลงแบบพฤติกรรมไม่ตรงกับใจ ) เอาแต่ใจ ทำอะไรต้องได้ดั่งใจ โลกส่วนตัวสูง รักสะอาด ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบ (ตอนนั้นทำชุดนักศึกษายับไปทีหนึ่ง ตะโกนด่ายันร้องเลยจร้า ) และประเด็นเลยคือ เป็นคนเจ้าชู้อยู่ด้วยกันทุกวันจนบางครั้งเรายังคิดเลยว่า เราเป็นเมียหรือเป็นทาส (ทาสที่พูดถึงคือ เราเต็มใจทำค่ะ ) วันไหนไม่มีเรียนก็อยู่ห้องเก็บห้อง ซักเสื้อผ้า ทำทุกอย่างที่หน้าที่ภรรยาคนหนึ่งจะทำได้ พอถึงวัน ศุกร์ ของทุกอาทิตย์ A จะกลับบ้านค่ะ แต่การกลับบ้านของ A ไม่ใช่ตรงดิ่งกลับบ้านพักผ่อนหรืออยู่แต่บ้านพักผ่อนน่ะค่ะ บางอาทิตย์ต้องพา แฟนตัวจริงเขาออกไปเที่ยว ซึ่งก่อน A จะไปเจอ A จะโทรมาบอกก่อนว่า
A : เดี๋ยวผมทำอะไรเสร็จเดี๋ยวผมโทรหาเองน่ะ ไม่ต้องโทรมา
เราก็ได้แค่ก้มหน้ายอมรับอยู่เงียบๆรอ A โทรมา เหมือนช่วงที่ A พาแฟนไปเที่ยวมีกำลังมีความสุข แต่ใจเราทุกข์มากเหมือนมีใครเอามีดมาแทงเรื่อยๆทั้งวัน แน่นอนว่าพอ A กลับมา เราเสียใจ งี่เง่า งอล ไหม บอกเลยว่า มากกกก ใจเราก็บอกว่าพอแล้วเลิกเถอะผชแบบนี้ จะตัดใจหลายรอบมาก บอกเลิก A ทุกครั้งที่ไปเจอแฟน แต่ A ก็ง้อว่าอย่าไป คือตอนนั้นเราร้องไห้ตลอดที่คบมาเรื่องแฟนของ A รู้ว่าเราผิดเราไม่น่าเข้าไปแต่ใจมันเรียกหาตลอดเวลา เป็นแบบนี้เรื่อยๆจนเราคบกันได้ 7 เดือน แน่นอนว่าในระหว่าง 7 เดือน ปิดเทอมไปเที่ยวเกาะล้าน ช่วยกันลงทุนทำธุระกิจส่วนตัว ยามว่างก็ชวนแม่ A ไปกินข้าว ซึ่งพูดเลยว่าจากนั้นในระหว่าง 7 เดือน ความรู้สึกเราก็เริ่มมากขึ้น เราเริ่มงี่เง่ามากกว่าเดิม เริ่มไม่พอใจที่แฟน A โทรมา เวลาโทรมาเราก็จะงี่เง่า งอล โกรธแต่ก็ได้แค่พักๆเราก็หายเองค่ะ (เหมือนดึงสติตัวเองกลับมาว่าเราอยู่ในสถานะอะไร ) เราเคยโกรธขนาด ถาม A ตรงๆน่ะค่ะว่า
เรา: เห็นพี่เป็นอะไรในสายตา A
A ตอบทุกครั้งที่เราถาม
A: ก็พี่(ชื่อเรา) ไง จะใครละ
เรา: อื้อ
ด้วยความที่ ขี้เกียจถามซ้ำๆ หลังจากนี้จะเป็นเนื้อหาที่มันแรงมากๆ (ขนาดพิมพ์ไปยังร้องไห้ได้เลย ) ช่วงเดือน เมษา ต้นๆ ของทุกคืนเราฝันว่า เราได้ใส่กำไรทอง ลองเอาไปเปิดในเว็บทำนายฝัน มันทำนายไว้ว่า คนมีคู่จะได้บุตร
เราเอาไปเล่าให้ A ฟัง A ก็บอก
A : เป็นไปไม่ได้เหรอก ผมมั่นใจว่าผมเสร็จข้างนอกตลอด ไม่มีพลาด
เรา : เออๆ
ไป จนสิ้นเดือน เมษา ปรากฎณ์ว่า ประจำเดือนเราไม่มาค่ะ A เลยไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาพอตรวจ ผลคือ 2 ขีดค่ะ ตอนนั้นมือเราสั่นๆใจเราก็สั่นๆ สีหน้า A ในตอนนั้น A ตกใจมาก A บอก
A: เดี๋ยวพี่เลิกงานผมไปรับไปตรวจที่ รพ กันอีกรอบเพื่อให้ความแน่ใจ
พอไป รพ ก็ ตรวจค่ะ แล้วเรามีอาการปวดท้องนิดๆด้วย ตรวจที่ตั้งครรภ์ ก็ขึ้น 2 ขีดค่ะ แต่หมอกลัวว่าเราจะท้องตอนที่กำลังเป็นอะไรหรือป่าว เพราะว่าหมอถามว่า
หมอ :ได้คุมกำเนิดไหม
เรา: คุมค่ะ แต่กินยาคุมฉุกเฉิน
หมอเลยจับอุลตราซาวร์เพระากลัวท้องนอกมดลูก ครั้งแรกที่เห็นเรารู้สึกอยากจะร้องไห้ นี่ในท้องเรากำลังมีน้องเหรอเนี่ย ดีใจ เหมือนกำลังมีครอบครัว ตอนนั้นในหัวจินตนาการไปเยอะมากว่าลูกจะหน้าตาเหมือนใคร จะน่ารักเหมือนเรา หรือ เหมือน A ผู้หญิงหรือผู้ชาย คือในหัวมีแต่ตัวน้อยคนนี้เท่านั้นที่คิด แน่นอนค่ะว่าตอนไปอุลตราซาวร์ดู A ก็เข้าไปด้วยค่ะ หน้าตา A นิ่งๆอมยิ้ม พอกลับจาก รพ น้องก็ปกติ ไม่พูดอะไร หลังจากนั้น ก็มีถามว่า
A : ผมให้พี่ตัดสินใจเอาเองน่ะว่า จะเอาไว้หรือจะเอาออก
เรา : เอาไว้สิ เราทำให้เขาเกิดต้องรับผิดชอบสิ พี่ทำไม่ลงเหรอก ลูกพี่ทั้งคน
A : ชัวร์น่ะ แล้วอนาคตจะเป็นยังไงต่อ พี่จะเรียนต่อได้เหรอ?
เรา: ได้ สบายๆ
คือตอนนั้นเรากำลังเรียนปี 4 อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว เราคิดแบบนั้น แต่เราก็กังวลน่ะว่าเด็กเกิดขึ้นมา ใครจะเลี้ยง เพราะ เราต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เพราะทางบ้านเรามีน้องสาวตัวเล็กๆคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นทางบ้านเราค่อนข้างกำลังจะหมดสมบัติเก่าแล้ว (เรารู้ตัวเราเลยเลี้ยงตัวเองด้วยการหางานพิเศษทำค่ะ) ได้มาทุกครั้งก็นำเงินให้แม่ส่วนหนึ่ง เพราะ งานพิเศษนี้รายได้ดีค่ะ (เป็นงานฟรีแลนด์ใช้ภาษาญี่ปุ่น ) เราก็ทำแบบนี้เรื่อยๆจนเราอยู่ ปี 4 ค่ะ (เจ้าของกระทู้นี้เป็น ลูกครึ่ง ญี่ปุ่นค่ะ จะพูดไทยชัดมากกว่าพูดญี่ปุ่นค่ะ) กลับมาที่เรื่องต่อ เราเลยปรึกษากับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ว่า ควรทำยังไงดี เพื่อนแนะนำว่าให้บอก ผู้ใหญ่ เราเลี้ยงเองคนเดียวไม่ไหวเหรอก แต่เราก็ไม่กล้าบอกฝั่งทางบ้านเรา คือ กลัวเขาผิดหวัง อีกอย่างกลัวว่าทางบ้านจะให้เอาเด็กออก เพราะทางบ้านรู้ว่าตอนนี้ใครหาเงินเก่งกว่า กลัวค่ะ กลัวมาก เลยตัดสินใจบอกทางแม่ฝ่ายน้อง เพระายังไงๆฝ่ายน้อง แม่ก็ไม่ได้ทำอะไร (บ้านน้องมีธุระกิจส่วนตัวเล็กๆเปิดกิจการโรงงานเคมี ) เราเลยปรึกษากับทางAว่า
เรา: ถ้าพี่คลอดตัวเล็กออกมาแล้ว ให้แม่ A ดูให้หน่อยได้ไหม เดี๋ยวพอพี่เริ่มตั้งตัวได้แล้ว เดี๋ยวพี่เลี้ยงตัวเล็กเอง
A : ผมไม่อยากให้แม่ผมเดือดร้อนที่มันเกี่ยวกับตัวผม ไม่อยากให้แม่ผิดหวัง ผมยังเรียนอยู่ แค่นี้ก็เดือดร้อนแม่จะตายอยู่แล้ว อีกอย่าง แม่เคยเตือนผมไว้ว่าระวังทำให้ท้อง แล้วนี้จะไปพูดได้ยังไง
เรา : แล้วจะเอายังไง
A: ก็อยากเอาไว้ไม่ใช่เหรอ ก็ช่วยกันไง ช่วยกันเลี้ยงดู
เรา: OKก็ยังซึ้งอยู่
A: พี่อยู่ได้ไหม อยู่บ้านเลี้ยงลูก ทำได้ไหม
เรา: ไม่ได้ ใครจะส่งเงินทางบ้านพี่ล่ะ ไหนจะน้องอีก ไม่ได้เหรอก อาการน้องเริ่มมาค่ะ
A: พอคิดจะเอาไว้ แต่ตัวเองต้องมีหน้าที่รับผิดชอบแบบนี้จะเอาไว้ได้เหรอ ไหวเหรอ แล้วแต่พี่น่ะ ผมเคารพในการตัดสินใจของพี่
เรา: อื้อ ขอบคุณน่ะ
ในช่วงที่กำลังพูดเรื่องลูก แฟน A ก็โทรมาจร้า อันนี้ A เริ่มแคร์ความรู้สึกเรา ออกไปรับหน้าระเบียงไม่ให้เห็นไม่ให้ได้ยิน แต่ก็น่ะ มันก็ยังนิสัยเดิมๆงี่เง่า งอล ไม่พอใจทำหน้าบึ้ง พอเขาคุยโทรศัพเสร็จเราก็หาเรื่องทะเลาะถามตรงๆกับ A เลยค่ะ
เรา: เมื่อไหร่จะเลิก พี่ท้องลูกเอ้งทั้งคนขนาดนี้แล้วน่ะ ให้มันจบๆไปสักทีเถอะ
A : มันเกี่ยวอะไรอ่ะ พี่ก็อยู่ส่วนพี่ มันก็อยู่ส่วนมัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่เห็นจะต้องให้วุ่นวาย
คำพูด A ในตอนนั้นเราจิตตกมากบวกกับคนกำลังท้องอาการน้อยใจกำเริบหนัก เหมือนคนบ้า หงุดหงิดตลอดเวลาหาเรื่องทะเลาะงี่เง่าทุกวัน จน A ทนไม่ไหว เอาเรื่องที่เราท้องบอกแม่เขา ซึ่งตอนนั้นเราก็แอบตั้งความหวังน่ะว่า แม่ต้องชอบแน่ๆกำลังมีหลานคนแรกให้ทางบ้านเขา แต่ผลที่ออกมาเกินขาดค่ะ A ยื่นโทรศัพท์ให้เราคุยกับแม่
แม่: หนูตอนนี้เราทั้งคู่กำลังเรียนกันอยู่น่ะกำลังมีอนาคตที่ไปไกลกันได้ทั้งคู่ถ้าเกิดมีตัวน้อยๆนี้ขึ้นมาอนาคตเรา 2 คนล่ะ จะหยุดอยู่แค่นี้กันเหรอ
เรา : แต่แม่ค่ะ ในเมื่อเขากำลังจะเกิด แม่จะให้หนูทำยังไงค่ะ คือหนูทำไม่ลงค่ะแม่ แม่ก็รู้ว่ามันบาปน่ะค่ะ หนูกลัวทำอะไรไม่ขึ้นค่ะแม่
แม่ : แม่รู้ว่ามันบาป แต่เราก็ทำบุญให้เขา ขอขมา บอกน้องดีๆว่า ตอนนี้เรายังไม่พร้อมมีน่ะ ทำบุญให้เขาเยอะๆ
เจอคำพูดนี้ไปเรา ร้องไห้เลยจร้า ร้องไม่หยุดเลย เสียใจมาก เรานั่งกุมท้องกลัวว่าจะมีใครเอาลูกเราไป พอ A เห็นเรา A ก็เข้ามาเอาโทรศัทพ์ไป คุยกับแม่ต่อ คือ คืนนั้นเราก็ร้องไห้ทั้งคืน A ก็ได้แต่ปลอบๆ ทำใจบอกเรายังไม่พร้อมอนาคตเรายังอีกไกลกัน