ทำอะไรก็แย่ อีกคนทำอะไรก็ดี ไม่สำเร็จสักที

หลายครั้งผมเคยพยายามทำบางอย่างให้สำเร็จ
หลายครั้งผมพยายามมากและเชื่อว่า มากกว่าคนอื่นเขา แต่ผลที่ได้กลับแย่กว่า

ทุกครั้งที่ผมพูดคุยกับเพื่อนๆ และคนรู้จัก มักจะพบเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง คือ บางครั้งเวลาเราตั้งใจทำอะไร มักจะแย่กว่า คนอื่นที่เขาทำแบบเดียวกับเรา

ผมเชื่อว่ามีคนแบบนี้อยู่เยอะ และในอีกมุมนึง บางคนคิดอยากจะทำอะไร หรือแค่คิดว่าจะทำ หลังจากนั้นลงแรงไม่มาก ความตั้งใจก็อาจจะน้อย แต่มักจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอ บางทีมักจะมีตัวช่วยที่เข้ามาถูกที่ถูกเวลาซะด้วย

จริงๆมันก็อาจจะเกี่ยวกับดวง/โชค ของคนอยู่เหมือนกัน บางคนทำอะไรก็แย่ บางคนทำอะไรก็ดี และในหลายกรณีคนที่ตั้งใจทำอะไรแล้วมักจะออกมาแย่ ก็ทำถูกวิธี มีแนวคิด มีการวางแผนที่ดี ไม่แพ้ อีกคนเลย

บางทีอุปสรรคอื่นๆก็อาจจะทำให้เราทำอะไรก็แย่ได้เหมือนกัน เช่นว่า มีคนขัดขว้าง มีคนจงใจแกล้ง บางครั้งคนตัดสินผลงานของเราก็มีอคติกับเรา จนกระทั่งไม่คิดจะส่งเสริมเรา แต่ส่งเสริมคนอื่นแทน ก็ได้

ผมเคยทำงานชิ้นนึงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย งานชิ้นนี้ต้องบอกว่า เป็น project เล็กๆ โดยมีเวลาทั้งหมด7วันในการเก็บรวบรวม , วิเคราะห์ และสรุปผล ผมและเพื่อนๆจำนวนนึง ต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเก็บข้อมูล + เที่ยวบ้างตามประสา

งานชิ้นนี้เป็นงานคู่ โดยที่ผมและเพื่อนต่างก็ต้องหาคู่ทำงานร่วมกัน ในระยะเวลา7วัน ผมพูดได้ว่า มันคือความหายนะจริงๆ เพราะทุกๆวันจะต้องมีการรายงานความคืบหน้า ว่าแต่ละกลุ่มได้ข้อมูลเพิ่มเติมยังไงบ้าง และจะต้องปรับตรงไหนบ้าง แต่ผมและเพื่อนแทบไม่ได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆเลย

ในขณะที่เวลาผ่านไป 1 วัน 2 วัน 3 วัน... อุปสรรคอย่างนึงนอกจากภาษาแล้ว ก็คือระยะเวลาที่น้อย และหลายสถานที่ที่ไป มักจะมีประโยชน์กับ หัวข้อprojectงาน ของกลุ่มอื่นในเรื่องข้อมูล แต่ไม่ใช่กับกลุ่มผมเลย

และเย็นวันนึง ที่พวกเราทุกกลุ่มจะต้องรายงานความคืบหน้าของข้อมูลที่ได้ แต่ละกลุ่มจะต้องผลัดกันพูด ผลัดกันเล่าถึงความคืบหน้าของงาน มีกลุ่มผมเพียงกลุ่มเดียวที่ถูกว่า (จริงๆต้องบอกว่าถูกด่า)เรื่องข้อมูลที่น้อยและใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ลามไปถึงหัวข้อที่ทำ ว่าไม่มีความชัดเจน ไม่น่าสนใจ

ในขณะที่กลุ่มผมถูกตำหนิอย่างเคร่งเครียดมาก เพื่อนๆแต่ละคน แต่ละกลุ่มจ้องมาที่เราทั้งคู่ สายตาทุกคนที่มองมา คำตำหนิที่ได้ยิน ทำให้ผมและเพื่อนกดดันมากขึ้น มากขึ้น จนกระทั่ง ผมลุกขึ้นยืน พร้อมยกมือไหว้อาจารย์ประจำวิชา และพูดว่า " ขอโทษครับผมไม่ไหวจริงๆ " และเดินออกจากห้องประชุมไป พร้อมอารมณ์โกรธและน้ำตาคลอเบ้า ..

แน่นอนว่าหลังจากนั้นจนจบ Trip ผมไม่มีความสุข ไม่มีความสนุก แม้ว่าเพื่อนๆ และคู่ทำงานของผม รวมไปถึงอาจารย์ประจำวิชา จะเข้ามาเล่น มาหยอกล้อก็ตาม อารมณ์ที่เครียดในช่วงเวลานั้นทำให้คู่ทำงานของผมพูดว่า
"ยังไงก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำกูทำเอง"
ผมรู้สึกได้ว่าผมสร้างภาระที่หนักมากครั้งหนึ่งให้เพื่อนผมแล้ว

หลังจากกลับมาที่ประเทศไทยได้ประมาณ1สัปดาห์ ก็ถึงเวลาส่งงาน นำเสนองาน สรุปผลทั้งหมด เมื่อถึงเวลาที่กลุ่มผมต้องนำเสนอ ผมพูดด้วยความมั่นใจ พูดด้วยความเข้าใจ ท่าทีสีหน้าของผมเปลี่ยนจากหน้ามือ เป็นหลังมือ(จริงๆอาจจะหลังเท้าด้วยซ้ำ)

หลังจากนำเสนอผลงานเสร็จ อาจารย์คนเดิม พูดขึ้นมาว่า "นี่เธอคิดเองใช่ไหมข้อสรุปที่เธอได้เนี่ย" ผมผยักหน้า...

ท่านกล่าวต่อว่า

" อืมสำหรับ7วันในการทำงานนี้แล้วสรุปผลได้แบบนี้ถือว่าเยี่ยมมากๆ เพราะนั้นคือข้อสรุปที่ นักวิชาการหลายท่านใช้เวลาหลายเดือน หรืออาจจะเป็นปีเลยนะ"

เมื่อท่านพูดจบ เสียงปรบมือก็ดังไปทั่วห้อง . .  . .  ซะอย่างงั้น

แม้ว่าเราทำอะไรก็แย่ ทำอะไรก็ไม่ดี อาจจะเกิดจากสิ่งรอบๆตัว หรือจากคนอื่น ก็ตาม แต่หลายครั้งเวลาเราทำอะไรก็แย่ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ มันเป็นเพราะเราเอง ให้มองตัวเองก่อน เพราะถ้าเราผิดเราแก้ไขที่ตัวเองง่ายกว่าเยอะ ง่ายกว่าแก้ไขที่คนอื่น ง่ายกว่าแก้ไขสิ่งที่ไกลตัวเรา

บางครั้งเรามีอคติ เราคิดแบบเดิมๆ ไม่ฟังข้อเสนอแนะคนอื่น หรือมั่นใจมากจนเกินไป จนเรามีมุมมองที่แคบ แคบเสียจนเรามองไม่ออก ไม่เห็นทางออกของปัญหา

บางครั้งเราไม่พยายามเปลี่ยนวิธี เรายึดติดและเชื่อวิธีเดิมๆ ทั้งๆที่มันล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง หรือดูจะไม่คืบหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว

ดวงหรือโชค อาจจะมาแล้วก็ไป ไปแล้วก็มา แต่ความสามารถและประสบการณ์ มันไม่หายไปไหน มันอยู่กับเราเสมอ


----------------------------------

โลกตรงข้าม
ขอขอบพระคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่