------ เราควรเข้าไปรับรู้ปัญหาของพ่อแม่ หรือ ไม่ ----- เชิญคนที่เป็นลูกคน พ่อคน แม่คน ปู่ย่า เข้ามาตอบหน่อยครับ

จั่วหัวกระทู้อาจฟังยากนิดนึงนะครับ  พ่อแม่เรานะ เราเป็นลูกที่โตแล้วทำงานแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว จะไม่เข้าไปรับรู้ปัญหาพ่อแม่เลยเหรอ ..... บางคนอาจคิดแบบนี้ แต่มันมีประเด็น

1. เรื่องอะไรใช่ไหมครับ  ไม่พ้นเรื่องเงิน
2. ยังไง ...... ประเด็นอยู่ที่ไม่ใช่ว่า  เราจะให้เงินเค้ามาก หรือน้อย  ไม่ใช่ ...... แต่ประเด็นอยู่ที่จะมาก จะน้อย ไม่เคยเก็บอยู่เกลี้ยงบ้านตลอด
3. เกลี้ยงไปกับเหตุผลที่ควรเป็นบ้าง เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นบ้าง ที่ทั้งหลายทั้งปวง  คือจะไม่มีติดบ้าน  เค้ามีบำนาญ บวกเงินที่เราให้ครับ
4. คำถามคือ เค้าก็จะเกรงใจเรา ไม่ค่อยบอก   แต่พอลองปากเบาถามว่าเหลือเท่าไหร่  500  .... 500 บาทอยู่กันสองปาก อีก  2 อาทิตย์ เราก็ไม่สบายใจพอไปซักไซ้ไล่เรียงก็เหมือนเดิม ไปกับเรื่องไม่เป็นไป  แต่เค้าบอก ไม่เป็นไร ไม่ได้ลำบาก วันๆก็ไม่ได้ซื้ออะไร  เราก็แบบ ไม่รู้บาปหรือเปล่า  ว่าเค้าไปหลายครั้งละ เรื่องที่ไม่ควรไป (หวยบ้าง ทำบุญเกินตัวบ้าง  ให้ญาติที่ผิดซ้ำผิดซากบ้างและไม่เคยได้คืน)  แต่สุดท้ายคือตัวเอง ไม่มีกิน

5. ผมเลยมาถามตัวเองว่า ปัญหาเป็นที่ตัวเราหรือเปล่า ที่เค้าไปจุ้นจ้านไปรับรู้ชีวิตพ่อแม่มากเกินไป  ทำให้เราไม่สบายใจมาก  (อยู่คนละที่ ตจว กับ กทม)แต่พอไม่จุ้นจ้านอ้าวววว ไม่มีกินกันซะงั้นไปเขียมกัน ทั้งๆที่ สองตายาย เดือนหนึ่งได้หลัก 2-3 หมื่นอยู่  ไม่มากไม่น้อยอยู่ ตจว. ไม่มีหนี้สิน ไม่ลำบากมาก  เรามีปัญญาให้เค้ามากกว่านี้ แต่ปัญหาคือ ข้อ 2.

ถาม:  คนเป็นลูก คนเป็นพ่อ เป็นแม่ ปู่ย่า ตายาย มาเห็นกระทู้นี้คิดอ่านประการใด
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ของเราใช้วิธีนี้ค่ะ สมมติว่าเราตั้งใจให้เงินเขาเดือนละ 100 บาท เราจะให้เขาจริง 50 บาท อีก 30 บาทจะซื้อเป็นข้าวสาร ของกิน ของใช้ อีก 20 บาทเก็บไว้เผื่อเวลาเขาเดือดร้อน

เราจะจัดการกับเงินของเราได้ค่ะ ถ้าเราให้ทุกเดือน 100 บาท เวลาเขาเดือดร้อน เราก็จะเดือดร้อนด้วย เพราะต้องดึงเงินส่วนอื่นไปชดเชย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่