สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
เกริ่นก่อนนะครับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล เป็นเรื่องที่ผมประสบมากับตัวจริงๆ ไม่มีจุดมุ่งหวังเพื่อหาประโยชน์จากกระทู้นี้แต่อย่างใด สิ่งที่ผมจะเล่าต่อจากนี้อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณนะครับ
เรื่องที่จะเล่าเกิดตอนผมเรียนอยู่ ป.3ครับ คือมีญาติห่างๆของผมคนนึงที่มีศักดิ์เป็นน้าเสียชีวิต สาเหตุมาจากโรคร้ายที่สามีของเธอนำมาติด น้าของผมเป็นคนพูดจาโผงผาง ไม่เกรงใจใคร นิสัยห้าวๆเหมือนผู้ชาย วันแรกของงานศพทุกคนในบ้านก็ไปช่วยกันที่งานจนดึกดื่น แต่ผมกับพี่ชายไปเล่นที่บ้านของพ่อ (พ่อกับแม่แยกทางกัน)
กลับมาตอนค่ำภาพแรกที่ผมก้าวเข้ามาในบ้านแล้วเห็นคือญาติกำลังรุมล้อมแม่ของผม แม่ของผมกำลังร้องไห้ พูดไมได้ศัพท์ พูดแต่ว่า
“กลัว กลัวเค้าจะมารับไป ไม่อยากไป” แม่พูดแบบห้าวๆซึ่งปกติแม่เป็นคนนิ่มนวล ไม่โผงผางแบบนี้
“กลัวใคร ใครจะมารับหรอ? ใจเย็นๆค่อยพูด” ลุงของผมพยายามปลอบ
“คนตัวดำๆกางเกงแดงๆที่ยืนข้างนอกนั้นไง กลัวว ไม่เอา ไม่อยากไป” แม่ตอบแบบละล่ำละลัก
ป้าของผมเล่าให้ฟังว่าน้าA(นามสมมติ)มาเข้าแม่ ไล่ไม่ออก ญาติๆต้องมาปลอบให้สงบถึงจะออก วันนี้เข้าแม่มา2รอบแล้ว
ที่น่ากลัวไม่ใช่แค่ภาพที่เห็น แต่เป็นกลิ่นเหม็นเน่า คล้ายๆมีอะไรสักอย่างตาย ป้าเล่าว่าเวลาน้าAมาเข้าจะมีกลิ่นแบบนี้ เมื่อออกแล้วกลิ่นก็จะจางหายไปเอง
ผมกับพี่มองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก อะไรเกิดกับแม่กันแน่? กลิ่นเหม็นที่สัมผัสได้คือกลิ่นอะไร? ไม่รอช้า ผมกับพี่รีบช่วยกันหาเจ้าต้นเหตุของกลิ่นนี้ด้วยความหวังว่าจะเจอซากหนูตายในบ้านสักตัว เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าแม่ไม่ได้ผีเข้า หากันทั้งน้ำตาซึมๆสุดท้ายก็ไม่เจอ แต่เมื่อน้าA ออกจากร่างแม่ไป กลิ่นเหม็นนั้นก็หายไปอย่างฉับพลัน…หลังจากที่น้าA ออกจากร่างแม่ แม่ดูเหนื่อยมาก หมดเรี่ยวหมดแรง ตาบวมเพราะร้องไห้ไม่หยุด
คืนนั้นผมข่มตานอนข้างๆแม่ด้วยความไม่สบายใจ ไม่ใช่กลัวผีนะครับ แต่กลัวแม่จะเป็นอะไรไปอีก เข้าใจความรู้สึกของเด็กคนหนึ่งที่เห็นแม่ตัวเองหมดเรี่ยวหมดแรงจะเป็นลม ร้องไห้พูดพร่ำเพ้อว่าไม่ใช่แม่เรา แต่เป็นคนอีกคนหนึ่ง โดยที่เราช่วยอะไรไมได้เลยไหมครับ มันจุกในอก ตอนนั้นผมโกรธ โกรธจนไม่กลัวผีหรืออะไรทั้งนั้น จำได้ว่าอธิษฐานกับพระที่ผมแขวนเลยว่าอย่าให้มีอะไรมาทำร้ายแม่อีก แม่เหนื่อย ขอให้แม่ได้นอนสบายๆ ผมขอร้อง ผมจะเป็นเด็กดี ประมาณนี้ครับ สุดท้ายเหตุการณ์ก็ปกติจนถึงเช้า
ตื่นเช้ามาผมลงบันไดมากับแม่ แต่ผมรีบลงไปถึงชั้นล่างก่อนเพราะถือขวดน้ำลงมาด้วย หันกลับขึ้นมาอีกทีเห็นแม่นั่งร้องไห้ที่บันได น้าAเข้าร่างแม่อีกแล้ว ลงบันไดได้3ก้าวก็เอาเลย (มารู้ทีหลังว่าคนเราเวลาจิตว่างตอนจดจ่อกับอะไรสักอย่าง ผีจะตามรอโอกาสอยู่แล้วจะมาแฝงร่างได้) ผมจึงรีบบอกยายให้มาช่วยคุย ช่วยปลอบให้น้าAออก
“ใจเย็นๆ ให้พี่เค้าได้กินข้าว อาบน้ำ ดูแลลูกๆเค้าก่อนเถอะ อย่ามาเข้าบ่อยๆแบบนี้ พี่เค้าจะเป็นลมเอา” ยายพูดพลางลูบหลังแม่
“A กลัวววว ยังไม่อยากตายเลย หนาวด้วยยย ช่วยด้วย ยังไม่อยากไป” แม่พูดไปสะอื้นไป แต่เสียงแข็ง ห้าวๆ ไม่สบตาใคร
“ใจเย็นๆนะA ไม่ต้องกลัวนะ ไปให้สบาย ไม่ต้องห่วงอะไร ” ป้ารีบเข้ามาปลอบพลางประคองแม่กลัวแม่ตกบันได
“Aไปไหนไม่ได้ เค้าจะพาAลงข้างล่าง Aกลัวแล้ว ไม่กล้าทำแล้ว” แม่ตอบ
ประโยคนี้เองที่ติดอยู่ในใจผม ผมไม่เข้าใจ อะไรคือลงข้างล่าง? อะไรคือสิ่งที่น้าAเคยทำผิด? แม่ก้มหน้าก้มตาร้องไปสักพักก็ล้มตัวเอนหลังหลับไป ผมจึงรีบเข้าไปปลุกแม่ ประคองแม่ลงมาพักอีกยกใหญ่ถึงจะเป็นปกติ
วันนั้นไปโรงเรียน จากที่ผมเป็นเด็กร่าเริงก็กลายเป็นเงียบ นั่งครุ่นคิดทั้งวันว่าจะช่วยแม่ยังไง จะบอกพ่อก็ไม่กล้าเพราะเพิ่งหย่าร้างกันเลยคิดไปว่าท่านทั้งสองคงเกลียดกันและไม่อยากรับรู้เรื่องราวของกันและกัน(คิดตามประสาเด็ก)
ตกเย็นกลับบ้านพบว่าแม่นอนหลับพักผ่อนอยู่บนโซฟา ป้าคงเห็นสีหน้าผมกับพี่ชายดูกังวลเลยรีบเข้ามาเล่าให้ฟังว่าวันนี้ไปทำบุญให้เขาแล้ว เขาคงไม่มาแล้ว และตอนบ่ายพาแม่ไปพบร่างทรงทางเทพจีน ขอเรียกแทนว่าอากงนะครับ อากงบอกว่าแม่เป็นคนจิตอ่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้อะไรต่างๆมาครอบได้ง่าย บวกกับช่วงนี้แม่ดวงตก ตกงาน หย่ากับพ่อ ชีวิตล้มเหลว ต่างๆเหล่านี้ทำให้ขาดกำลังใจ คนเราเมื่อขาดกำลังใจทำให้สิ่งไม่ดีมาครอบงำได้ง่ายขึ้นเข้าไปอีก
ป้าบอกว่าวันนี้ตอนเช้าบังเอิญนึกขึ้นได้ว่าน้าA แกเคยฝากเงินไว้กับป้า เป็นเงินค่าเช่าบ้านที่ฝากป้าไปเก็บแล้วน้าAไม่ได้มาเอาเพราะล้มป่วยซะก่อน เป็นเงินประมาณสามพันกว่าบาท ป้านึกขึ้นได้จึงรีบนำเงินก่อนนั้นไปซื้อผ้าไตรไปถวายพระจนหมดแล้วอุทิศส่วนกุศลให้น้าAรับแต่เพียงผู้เดียว แล้วตอนบ่ายตอนที่พาแม่ไปพบอากง อากงบอกว่าวันนี้น้าAได้ขึ้นมาพัก มีคนทำบุญไปให้ แต่ถึงเวลาก็ต้องไปใช้กรรมอีก น่าแปลก ทั้งๆที่ร่างทรงหรือใครก็ตามในบ้าน ไม่มีใครรู้เลยว่าป้าผมออกไปทำบุญให้น้าAตอนเช้าที่วัด ป้าแกออกไปคนเดียวไม่บอกใคร
ผมถือโอกาสนี้ถามป้าเกี่ยวกับคำพูดของน้าAตอนที่แฝงร่างแม่เมื่อเช้า มันคืออะไร เผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น ป้าเห็นผมกับพี่วิตกมาตั้งแต่เมื่อวานจึงสงสารยอมเล่าความจริงออกมา
น้าA แกมีสามีแต่ไม่มีลูก ปล่อยเงินกู้เป็นอาชีพ คือพูดง่ายๆว่าไม่ต้องทำงานอะไร วันๆอยู่บ้านรอปล่อยดอกอย่างเดียว อาจจะเป็นเพราะอาถรรพ์เงินร้อนหรืออย่างไรแล้วแต่วิจารณญาณนะครับ ทำให้ที่บ้านแกครอบครัวไม่ค่อยมีความสุข แม้จะมีเงินทองมากมาย บวกกับสามีของแกเป็นคนเจ้าชู้ แอบมีเมียน้อย ชอบเที่ยวกลางคืน ปล่อยให้แกอยู่บ้านคนเดียวประจำ จนน้าA หลงผิดไปคบชู้กับคนอื่นที่มีครอบครัวอยู่แล้วเช่นกัน ซึ่งผมเองก็เพิ่งรู้ว่าความผิดศีลข้อ3นี้ ผลของมันร้ายแรงมากเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว โชคร้ายกว่านั้นเมื่อวันนึงสามีของแกก็นำโรคร้ายมาติดน้าA เข้าจนได้
หลังจากนั้นน้าA จึงหย่าขาดกับสามีและอยู่บ้านพักรักษาตัว แต่แม้จะพยายามใช้เงินที่มีอยู่มากมายไปกับการรักษาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้ น้าA รู้ตัวเองดี เริ่มเขียนพินัยกรรมและใช้ชีวิตสันโดษ ไม่พบปะใคร มีแค่น้องชายของแกคอยดูแลจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ผมกับพี่ฟังแล้วถึงกับขนลุก ทุกสิ่งทุกอย่างที่สั่งสอนกันมา ศีล5 นรก-สวรรค์ มีจริงหรือนี่? คำตอบที่ผมสงสัยคลายออกมา แม้ผมจะไม่ได้รู้จักสนิทชิดเชื้อกับน้าA แต่ก็อดสงสารไม่ได้ที่เค้าต้องรับกรรมหนักและคงอีกนานกว่าจะหลุดพ้น
ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งงานศพเสร็จสิ้น น้าA ก็ไม่มาเข้าร่างแม่อีก ทุกคนในบ้านสบายใจขึ้นมาก วันเวลาผ่านไปดูเหมือนเรื่องราวเหตุการณ์นี้จะจางหายไปพร้อมกับความทรงจำ อาจเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดพลาดของคนๆนึงที่เผลอทำสิ่งไม่ดีลงไปทำให้ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีก
แต่ทุกท่านเชื่อไหมครับ ตั้งแต่วันนั้น ผมกับพี่ชายเชื่อและตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ การที่ได้เห็นแม่ตัวเองถูกผีเข้าและผีตนนั้นได้ถ่ายทอดเรื่องราวความเจ็บปวด ความกลัวที่ตนเผชิญหลังจากตายไปแล้ว ทำให้เด็กชายสองคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องราวแบบนี้เลย หันกลับมาทำบุญ สวดมนต์เมื่อมีโอกาส ไม่ประมาทเผลอทำการใดๆที่ผิดศีลโดยเฉาะข้อ3
การที่ผมมาถ่ายทอดเรื่องนี้มีจุดประสงค์เดียว คือหวังว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครบางคนที่อ่านจนจบฉุกคิดขึ้นได้และไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตกันนะครับ
ย้อนความจำตอนแม่ผมผีเข้า
เกริ่นก่อนนะครับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล เป็นเรื่องที่ผมประสบมากับตัวจริงๆ ไม่มีจุดมุ่งหวังเพื่อหาประโยชน์จากกระทู้นี้แต่อย่างใด สิ่งที่ผมจะเล่าต่อจากนี้อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณนะครับ
เรื่องที่จะเล่าเกิดตอนผมเรียนอยู่ ป.3ครับ คือมีญาติห่างๆของผมคนนึงที่มีศักดิ์เป็นน้าเสียชีวิต สาเหตุมาจากโรคร้ายที่สามีของเธอนำมาติด น้าของผมเป็นคนพูดจาโผงผาง ไม่เกรงใจใคร นิสัยห้าวๆเหมือนผู้ชาย วันแรกของงานศพทุกคนในบ้านก็ไปช่วยกันที่งานจนดึกดื่น แต่ผมกับพี่ชายไปเล่นที่บ้านของพ่อ (พ่อกับแม่แยกทางกัน)
กลับมาตอนค่ำภาพแรกที่ผมก้าวเข้ามาในบ้านแล้วเห็นคือญาติกำลังรุมล้อมแม่ของผม แม่ของผมกำลังร้องไห้ พูดไมได้ศัพท์ พูดแต่ว่า
“กลัว กลัวเค้าจะมารับไป ไม่อยากไป” แม่พูดแบบห้าวๆซึ่งปกติแม่เป็นคนนิ่มนวล ไม่โผงผางแบบนี้
“กลัวใคร ใครจะมารับหรอ? ใจเย็นๆค่อยพูด” ลุงของผมพยายามปลอบ
“คนตัวดำๆกางเกงแดงๆที่ยืนข้างนอกนั้นไง กลัวว ไม่เอา ไม่อยากไป” แม่ตอบแบบละล่ำละลัก
ป้าของผมเล่าให้ฟังว่าน้าA(นามสมมติ)มาเข้าแม่ ไล่ไม่ออก ญาติๆต้องมาปลอบให้สงบถึงจะออก วันนี้เข้าแม่มา2รอบแล้ว
ที่น่ากลัวไม่ใช่แค่ภาพที่เห็น แต่เป็นกลิ่นเหม็นเน่า คล้ายๆมีอะไรสักอย่างตาย ป้าเล่าว่าเวลาน้าAมาเข้าจะมีกลิ่นแบบนี้ เมื่อออกแล้วกลิ่นก็จะจางหายไปเอง
ผมกับพี่มองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก อะไรเกิดกับแม่กันแน่? กลิ่นเหม็นที่สัมผัสได้คือกลิ่นอะไร? ไม่รอช้า ผมกับพี่รีบช่วยกันหาเจ้าต้นเหตุของกลิ่นนี้ด้วยความหวังว่าจะเจอซากหนูตายในบ้านสักตัว เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าแม่ไม่ได้ผีเข้า หากันทั้งน้ำตาซึมๆสุดท้ายก็ไม่เจอ แต่เมื่อน้าA ออกจากร่างแม่ไป กลิ่นเหม็นนั้นก็หายไปอย่างฉับพลัน…หลังจากที่น้าA ออกจากร่างแม่ แม่ดูเหนื่อยมาก หมดเรี่ยวหมดแรง ตาบวมเพราะร้องไห้ไม่หยุด
คืนนั้นผมข่มตานอนข้างๆแม่ด้วยความไม่สบายใจ ไม่ใช่กลัวผีนะครับ แต่กลัวแม่จะเป็นอะไรไปอีก เข้าใจความรู้สึกของเด็กคนหนึ่งที่เห็นแม่ตัวเองหมดเรี่ยวหมดแรงจะเป็นลม ร้องไห้พูดพร่ำเพ้อว่าไม่ใช่แม่เรา แต่เป็นคนอีกคนหนึ่ง โดยที่เราช่วยอะไรไมได้เลยไหมครับ มันจุกในอก ตอนนั้นผมโกรธ โกรธจนไม่กลัวผีหรืออะไรทั้งนั้น จำได้ว่าอธิษฐานกับพระที่ผมแขวนเลยว่าอย่าให้มีอะไรมาทำร้ายแม่อีก แม่เหนื่อย ขอให้แม่ได้นอนสบายๆ ผมขอร้อง ผมจะเป็นเด็กดี ประมาณนี้ครับ สุดท้ายเหตุการณ์ก็ปกติจนถึงเช้า
ตื่นเช้ามาผมลงบันไดมากับแม่ แต่ผมรีบลงไปถึงชั้นล่างก่อนเพราะถือขวดน้ำลงมาด้วย หันกลับขึ้นมาอีกทีเห็นแม่นั่งร้องไห้ที่บันได น้าAเข้าร่างแม่อีกแล้ว ลงบันไดได้3ก้าวก็เอาเลย (มารู้ทีหลังว่าคนเราเวลาจิตว่างตอนจดจ่อกับอะไรสักอย่าง ผีจะตามรอโอกาสอยู่แล้วจะมาแฝงร่างได้) ผมจึงรีบบอกยายให้มาช่วยคุย ช่วยปลอบให้น้าAออก
“ใจเย็นๆ ให้พี่เค้าได้กินข้าว อาบน้ำ ดูแลลูกๆเค้าก่อนเถอะ อย่ามาเข้าบ่อยๆแบบนี้ พี่เค้าจะเป็นลมเอา” ยายพูดพลางลูบหลังแม่
“A กลัวววว ยังไม่อยากตายเลย หนาวด้วยยย ช่วยด้วย ยังไม่อยากไป” แม่พูดไปสะอื้นไป แต่เสียงแข็ง ห้าวๆ ไม่สบตาใคร
“ใจเย็นๆนะA ไม่ต้องกลัวนะ ไปให้สบาย ไม่ต้องห่วงอะไร ” ป้ารีบเข้ามาปลอบพลางประคองแม่กลัวแม่ตกบันได
“Aไปไหนไม่ได้ เค้าจะพาAลงข้างล่าง Aกลัวแล้ว ไม่กล้าทำแล้ว” แม่ตอบ
ประโยคนี้เองที่ติดอยู่ในใจผม ผมไม่เข้าใจ อะไรคือลงข้างล่าง? อะไรคือสิ่งที่น้าAเคยทำผิด? แม่ก้มหน้าก้มตาร้องไปสักพักก็ล้มตัวเอนหลังหลับไป ผมจึงรีบเข้าไปปลุกแม่ ประคองแม่ลงมาพักอีกยกใหญ่ถึงจะเป็นปกติ
วันนั้นไปโรงเรียน จากที่ผมเป็นเด็กร่าเริงก็กลายเป็นเงียบ นั่งครุ่นคิดทั้งวันว่าจะช่วยแม่ยังไง จะบอกพ่อก็ไม่กล้าเพราะเพิ่งหย่าร้างกันเลยคิดไปว่าท่านทั้งสองคงเกลียดกันและไม่อยากรับรู้เรื่องราวของกันและกัน(คิดตามประสาเด็ก)
ตกเย็นกลับบ้านพบว่าแม่นอนหลับพักผ่อนอยู่บนโซฟา ป้าคงเห็นสีหน้าผมกับพี่ชายดูกังวลเลยรีบเข้ามาเล่าให้ฟังว่าวันนี้ไปทำบุญให้เขาแล้ว เขาคงไม่มาแล้ว และตอนบ่ายพาแม่ไปพบร่างทรงทางเทพจีน ขอเรียกแทนว่าอากงนะครับ อากงบอกว่าแม่เป็นคนจิตอ่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้อะไรต่างๆมาครอบได้ง่าย บวกกับช่วงนี้แม่ดวงตก ตกงาน หย่ากับพ่อ ชีวิตล้มเหลว ต่างๆเหล่านี้ทำให้ขาดกำลังใจ คนเราเมื่อขาดกำลังใจทำให้สิ่งไม่ดีมาครอบงำได้ง่ายขึ้นเข้าไปอีก
ป้าบอกว่าวันนี้ตอนเช้าบังเอิญนึกขึ้นได้ว่าน้าA แกเคยฝากเงินไว้กับป้า เป็นเงินค่าเช่าบ้านที่ฝากป้าไปเก็บแล้วน้าAไม่ได้มาเอาเพราะล้มป่วยซะก่อน เป็นเงินประมาณสามพันกว่าบาท ป้านึกขึ้นได้จึงรีบนำเงินก่อนนั้นไปซื้อผ้าไตรไปถวายพระจนหมดแล้วอุทิศส่วนกุศลให้น้าAรับแต่เพียงผู้เดียว แล้วตอนบ่ายตอนที่พาแม่ไปพบอากง อากงบอกว่าวันนี้น้าAได้ขึ้นมาพัก มีคนทำบุญไปให้ แต่ถึงเวลาก็ต้องไปใช้กรรมอีก น่าแปลก ทั้งๆที่ร่างทรงหรือใครก็ตามในบ้าน ไม่มีใครรู้เลยว่าป้าผมออกไปทำบุญให้น้าAตอนเช้าที่วัด ป้าแกออกไปคนเดียวไม่บอกใคร
ผมถือโอกาสนี้ถามป้าเกี่ยวกับคำพูดของน้าAตอนที่แฝงร่างแม่เมื่อเช้า มันคืออะไร เผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น ป้าเห็นผมกับพี่วิตกมาตั้งแต่เมื่อวานจึงสงสารยอมเล่าความจริงออกมา
น้าA แกมีสามีแต่ไม่มีลูก ปล่อยเงินกู้เป็นอาชีพ คือพูดง่ายๆว่าไม่ต้องทำงานอะไร วันๆอยู่บ้านรอปล่อยดอกอย่างเดียว อาจจะเป็นเพราะอาถรรพ์เงินร้อนหรืออย่างไรแล้วแต่วิจารณญาณนะครับ ทำให้ที่บ้านแกครอบครัวไม่ค่อยมีความสุข แม้จะมีเงินทองมากมาย บวกกับสามีของแกเป็นคนเจ้าชู้ แอบมีเมียน้อย ชอบเที่ยวกลางคืน ปล่อยให้แกอยู่บ้านคนเดียวประจำ จนน้าA หลงผิดไปคบชู้กับคนอื่นที่มีครอบครัวอยู่แล้วเช่นกัน ซึ่งผมเองก็เพิ่งรู้ว่าความผิดศีลข้อ3นี้ ผลของมันร้ายแรงมากเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว โชคร้ายกว่านั้นเมื่อวันนึงสามีของแกก็นำโรคร้ายมาติดน้าA เข้าจนได้
หลังจากนั้นน้าA จึงหย่าขาดกับสามีและอยู่บ้านพักรักษาตัว แต่แม้จะพยายามใช้เงินที่มีอยู่มากมายไปกับการรักษาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้ น้าA รู้ตัวเองดี เริ่มเขียนพินัยกรรมและใช้ชีวิตสันโดษ ไม่พบปะใคร มีแค่น้องชายของแกคอยดูแลจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ผมกับพี่ฟังแล้วถึงกับขนลุก ทุกสิ่งทุกอย่างที่สั่งสอนกันมา ศีล5 นรก-สวรรค์ มีจริงหรือนี่? คำตอบที่ผมสงสัยคลายออกมา แม้ผมจะไม่ได้รู้จักสนิทชิดเชื้อกับน้าA แต่ก็อดสงสารไม่ได้ที่เค้าต้องรับกรรมหนักและคงอีกนานกว่าจะหลุดพ้น
ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งงานศพเสร็จสิ้น น้าA ก็ไม่มาเข้าร่างแม่อีก ทุกคนในบ้านสบายใจขึ้นมาก วันเวลาผ่านไปดูเหมือนเรื่องราวเหตุการณ์นี้จะจางหายไปพร้อมกับความทรงจำ อาจเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดพลาดของคนๆนึงที่เผลอทำสิ่งไม่ดีลงไปทำให้ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีก
แต่ทุกท่านเชื่อไหมครับ ตั้งแต่วันนั้น ผมกับพี่ชายเชื่อและตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ การที่ได้เห็นแม่ตัวเองถูกผีเข้าและผีตนนั้นได้ถ่ายทอดเรื่องราวความเจ็บปวด ความกลัวที่ตนเผชิญหลังจากตายไปแล้ว ทำให้เด็กชายสองคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องราวแบบนี้เลย หันกลับมาทำบุญ สวดมนต์เมื่อมีโอกาส ไม่ประมาทเผลอทำการใดๆที่ผิดศีลโดยเฉาะข้อ3
การที่ผมมาถ่ายทอดเรื่องนี้มีจุดประสงค์เดียว คือหวังว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครบางคนที่อ่านจนจบฉุกคิดขึ้นได้และไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตกันนะครับ