My best friend's wedding. - เมื่อเพื่อนรักฉันแต่งงาน

- Dedicated this piece to Ice and Mafia, my best friends.-



"I now pronounce you husband and wife..."








.

..

ประโยคนี้คงคุ้นหูใครหลายๆคน และคงปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งใกล้สิ้นปีเท่าไหร่ นอกจากเทศกาลคริสต์มาส เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่รอจะสร้างความสุขให้ทุกๆคนแล้ว คงหนีไม่พ้นอีกหนึ่งงานก็คือ 'เทศกาลงานแต่ง' นั่นเอง

หลังจากที่อายุเริ่มถึงวัยที่จะได้เริ่มไปงานกับเค้าบ้าง ก็ได้พบกับเซอร์ไพรส์ 2 เด้งเพราะได้รับเกียรติให้ไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนสนิทถึง 2 งาน

มาถึงตรงนี้ก็อดนึกถึงความรู้สึกตัวเองเวลาตามคุณพ่อ คุณแม่ไปงานแต่งไม่ได้ ไม่ว่างานที่เคยไปจะใหญ่ จะเล็ก จะหรู จะเรียบ ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เกิดความรู้สึกแตกต่างหรือต้องมานั่งเปรียบเทียบ เพราะหนึ่งภาพที่หัวใจจะได้สัมผัสเสมอก็คือ ภาพซื่อๆของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ยืนรอการปรากฏตัวของผู้หญิงที่เค้ารักที่ปลายทางเดินด้วยสายตาเป็นประกายอย่างกับวันแรกเจอ หรือไม่ว่าจะเป็นภาพความรักของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ตัดสินใจจับมือใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกัน

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ความพิเศษที่เพิ่มขึ้นคือเพื่อนรักกำลังจะแต่งงาน และเมื่องานวิวาห์ของทั้งคู่ผ่านพ้นไปด้วยดี บ่าวสาวแฮปปี้ แขกก็แฮปปี้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ากว่าทั้งคู่จะมีวันนี้ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย

เริ่มที่คู่แรกกับเพิ่งรู้ว่ารัก...









ฝ่ายหญิงเล่าว่าเพราะคบกันมานาน ความรักที่เคยดูตื่นเต้นก็เริ่มธรรมดา ทุกวันไม่มีอะไรใหม่ สักพักก็เริ่มเกิดความไม่แน่ใจว่าเขาคือคนที่ใช่หรือไม่ และด้วยตัวเองมีอายุน้อยกว่าจึงยังไม่ได้คิดถึงการแต่งงาน พอความคิดผสมรวมกันก็โก้โก้ครั้นช์สิคะ จะเหลืออะไรละ ความกลัวทำให้เธอตัดสินใจเดินออกมาจากความสัมพันธ์ที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 5

"ในระยะเวลา 3 เดือนที่เลิกกัน ต่างคนก็ต่างลองคบคนใหม่ ต่างคนต่างมีทางของตัวเอง จนถึงจุดๆหนึ่งที่เราได้อยู่กับความคิด สำรวจใจ เราเลยรู้ว่าเราตัดสินใจพลาดไป พอยิ่งนั่งคิดทบทวนจึงรู้ว่าตลอดระยะเวลาที่คบกันมา ผู้ชายคนนี้นี่หน่าที่พร้อมพิสูจน์ให้เราเห็นตั้งแต่วันแรกเจอ

ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ แม้กระทั่งคำสัญญาว่าเค้าอยากจะสร้างอนาคต อยากจะแก่ไปกับเรา อยากดูแลเรา พอคิดได้ปุ๊ปก็บอกตัวเองเลยว่าเราจะไม่ทำผิดซ้ำสองแล้ว ซึ่งวันที่กลับไปง้อเลยได้รู้ว่าใจเรายังตรงกัน รักกัน พร้อมจะเดินหน้าอย่างเดียวแล้วตอนนี้

คือมันเหมือนกับว่าอยู่กับคนนี้แล้วอะไรๆมันลงตัวไปหมด เค้าทำให้ทุกอย่างมันง่าย เค้าเป็นผู้ใหญ่ แต่ในความเป็นผู้นำของเค้า เค้าก็พร้อมจะเป็นผู้ฟังเรา เวลาเราล้ม เรารู้ว่าเค้าจะคอยเดินไปข้างๆเรา เค้าทำให้เรารู้สึกมั่นใจว่าเราสามารถฝากชีวิตไว้กับเค้าได้"


ซึ่งพอได้ฟังเรื่องราวของคู่นี้ โมเม้นท์ที่เพื่อนเล่ามันบีบหัวใจจริงๆนะ เลยยิ่งตอกย้ำกับประโยคที่ว่า
"What's meant to be will always find a way." คู่แล้วไม่แคล้วกันจริงๆ







ผ่านไปหนึ่งเหลืออีกคู่หนึ่งกับรักแท้ที่ไม่แพ้ระยะทาง...

.

..













ขอเท้าความก่อนว่าคู่นี้เค้าไม่ชอบกันมาก่อน ฝ่ายชายมาจีบเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้ฝ่ายหญิงใจอ่อนได้เลย จนกระทั่งฝ่ายชายเผยเคล็ดลับให้หนุ่มๆคนอื่นในงานได้ฟังว่า

.

..

"ถ้าคุณคิดจะจีบผู้หญิงคนหนึ่ง ให้คุณโทรหาเค้าทุกๆวันเป็นเวลานาน 8 เดือน เค้าจะด่า จะว่ายังไงก็ขอให้มั่นคงในความรู้สึกคุณ อย่าท้อ แต่พอโทรครบ 8 เดือนปุ๊ป เลิกโทรเลยครับแล้ววัดใจเอา ถ้าหลังจากนั้นเธอโทรกลับแปลว่าเธอชอบคุณแล้ว"

มุขนี้ทำเอาเจ้าสาวอายม้วน แขกเขรื่อในงานก็พากันหัวเราะชอบใจกันใหญ่ จนกระทั่งทั้งคู่เริ่มเล่าเรื่องราวที่ทั้งสองต้องเผชิญนั่นก็คือ "ความห่างไกล" เพราะหลังจากที่ฝ่ายชายขอฝ่ายหญิงแต่งงานแล้ว ทั้งคู่ก็ช่วยกันตระเตรียมงานทั้งแรงกาย แรงใจ ไม่ว่าจะเป็นของชำร่วย พรีเซนเทชั่นที่ทั้งคู่ใส่ใจทำมืออย่างละเอียดทุกขั้นตอน

แต่แล้ววันหนึ่งฝ่ายชายก็ได้รับโทรศัพท์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งบริษัทที่เคยไปสมัครไว้โทรมาแจ้งว่าเค้าผ่านการสัมภาษณ์และต้องไปทำงานที่ประเทศจีน วินาทีนั้นฝ่ายชายเล่าด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอว่า...

"เล่ามาถึงตรงนี้ ใครหลายๆคนอาจจะกำลังคิดว่าแฟนผมคงจะงอแง ทะเลาะที่เราต้องอยู่ไกลกันคนละประเทศทั้งๆที่กำลังจะแต่งงานใช่ไหมครับ แต่ไม่เลยครับ นอกจากเธอจะแสดงความยินดีแล้ว เธอยังไม่แสดงท่าทีที่ดูไม่พอใจเลยสักนิด

คุณรู้ไหมครับว่าผู้หญิงคนนี้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผมในหลายๆอย่าง เรื่องงานก็เรื่องหนึ่ง ผมเป็นคนๆหนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น เรียนอังกฤษไม่เก่งและไม่คิดว่าจะทำได้ แต่เธอเป็นคนที่ช่วยผลักดัน ให้กำลังใจในวันที่ผมท้อ คอยแก้การบ้าน ตรวจเช็คงานให้ จนผมเริ่มเชื่อในตัวเองว่าผมทำได้

และในวันนี้ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้เธอคนนี้มายืนเคียงข้าง ถึงแม้ว่าหลังงานแต่งวันนี้ ผมจะต้องบินกลับไปทำงาน เก็บเงินเพื่ออนาคต ผมก็รู้ว่าเธอคือคนที่เข้าใจและจะไม่ไปไหน รอเราอีกนิดนึง รอวันที่เราจะกลับมาอยู่กับเธอแล้ววันนั้นเราสัญญาว่าเราจะไม่ไปไหนอีก"








คงไม่มีใครรู้ว่าความรักมีกี่แบบบนโลกนี้ แต่ตัวอย่างเสี้ยวหนึ่งของอุปสรรคเมื่อมีรัก และกว่าจะมาเป็นวันนี้อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนที่กำลังเผชิญกับ ความสุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วความรักก็ยังคงเป็นสิ่งสวยงาม ความรักเป็นพลังขับเคลื่อน ความรักจะทำให้เราอยากเป็นคนดี ความรักคือการจับมือกันต่อสู้กับปัญหาถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ ถ้าคุณรู้ตัวว่าคนข้างๆคุณคือคนนั้น จับมือกอด "ความรัก" นี้ให้แน่นๆนะ

ตื้นตันจริงๆกับความทรงจำปลายปีดีๆแบบนี้ ที่ไม่ว่าจะถูกหยุดเวลาด้วยภาพ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในสายตาชั่วขณะนั้น หัวใจมันพองโตจนรู้ซึ้งถึงคำว่าสุขล้น บรรยากาศของความรัก ณ ตอนนั้นมันดีต่อใจทุกคน แล้วรู้ไหมว่า ภาพที่สวยที่สุดในสายตาคืนนั้น อาจจะไม่ใช่ภาพที่ถูกถ่ายออกมาได้เพอร์เฟค ถูกองค์ประกอบหรือไลท์ติ้งดีสุด ทว่า... ภาพที่สวยที่สุดในคืนนั้นคือ ภาพที่เราเห็นสายตาของเจ้าบ่าวที่มองเจ้าสาว แล้วทำให้เรารู้ว่า เพื่อนรักของเราทั้งสองคน นอกจากจะสวยที่สุดแล้ว ยังเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก Adhakorn & Tossawan Photography.
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://fromearthtomars.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่