ใช้ชีวิตช้าๆที่เชียงคาน 2วัน1คืน



ครั้งแรกที่นั่งรถทัวร์ไปเที่ยว
ครั้งแรกที่ไปต่างจังหวัดกับแฟน 2 คน
ครั้งแรกที่เชียงคาน
ครั้งแรกที่วางแผนแล้วไม่ล่ม

กราบสวัสดีทุกท่านที่หลวมตัว และสละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้บันทึกนักเดินทางกากๆนี้นะคะ

“เห้ยยย อยากไปดูหมอก รับลมหนาวว่ะ” นี่คือจุดเริ่มต้นของทริปนี้ค่ะ เข้ามาส่องๆ ในพันทิพอยู่นานสองนาน สรุปทริปนี้ลงเอยที่เชียงคาน ตัดสินใจได้ก็ยืนใบลาตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกาเลยค่ะ (ไม่ค่อยรีบ) แล้วไปยังไงหร่ะ ปิ้ง!! แอร์ไง แอร์เมืองเลย 55555 จองตั๋ว จองที่พัก เรียบร้อยก็ไปค่ะออกเดินทาง

วันที่ 8 ธันวาคม 59
15.00 น. ออกจากบ้านทำไมเวลานี้ จองรถรอบ 2 ทุ่มนะเหวิยยยย เดินโต๋เต๋ไปมาอยู่พักใหญ่ หันมองนาฬิกา อ่าว จะ 5 โมงแล้ว ไปๆ เดี๋ยวรถติดประมาณ 6 โมง ก็ถึงหมอชิด เดินไปพิมพ์ตั๋วเรียบร้อยก็หาอะไรรองท้องก่อนขึ้นรถ

รถมาแล้วววว



นั่งสบาย มีผ้าห่ม มีช่องเสียบUSB ขับรถโอเค กลิ่นห้องน้ำไม่มี ผ่าน!!!
ถ้าจำไม่ผิดรถจอดพักประมาณ 2 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที พอได้ลงไปยืดเส้นยืดสาย

ตี 5 ครึ่ง(9 ธ.ค.) ถึง อ. เชียงคาน รถจอดที่ตลาดค่ะ ลงรถมาข้าวของเต็มมือกำลังงงๆ ว่านี่ฉันอยู่ส่วนไหนของเชียงคาน ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ลุงคนขับสกายแลปก็เข้ามาถาม
“ไปไหนครับ ไปไหนครับ ไปเที่ยวไหนมั้ยครับ ภูทอกไปกลับคนละร้อย”
แฟนเราต้องการเข้าห้องน้ำ เลยถามลุงไปว่า “มีห้องน้ำมั้ยลุง”
ลุงตอบ “มีครับ ภูทอกมีห้องน้ำ”
“โอเคลุง งั้นไปภูทอก” แฟนเราตอบ หึ้!! แฟนจะไปภูทอก เอะทำไมหน่ะหรอคะ เอะใจสิ ณ ตอนนั้น ใส่เสื้อคอเต่า เสื้อคลุมไหมพรม กับกางเกงขาบานผ้าฮานาโกะ 5 ส่วน เธอคะ ฉันไม่พร้อม ยังไม่ทันได้พูดอะไร ล้อก็หมุนแล้วค่ะ ขุ่นพระ!!! หนาวยันไส้

ลุงพาเราซิ่งมาตามทางที่ค่อนข้างมืดและมีหลุมเยอะๆ มาจนถึงทางขึ้นภูค่ะ จ่ายค่ารถขึ้นภูคนละ 25 บาทค่ะ ทางขึ้นจากตรงนี้อันตรายค่ะ ทางคดเคี้ยวเลี้ยวไปมา มีหมอกตลอดทางค่ะ


ยังไม่ทันถึงยอดภูทอก ก็เจอเลยค่ะ ร้องหูววววววววว ทะเลหมอกขาวเหมือนปุยนุ่นนุ่มนิ่มสุดลูกหูลูกตา
ตอนแรกแอบหวันใจเพราะกว่าจะขึ้นมาถึงก็สายแล้ว(6 - 7 โมง)นักท่องเที่ยวน่าจะเยอะจนเราเข้าไม่ถึงจุดชมวิว พอถึงยอดภู ว้าวมากค่ะคุณ นักท่องเที่ยวไม่เยอะเหมือนที่คิดไว้ มีพื้นที่ให้เลือกเก็บภาพพอสมควรค่ะ แต่วันนี้หมอกเยอะมากๆ มีหมอกลอยมาบังยอดเขาอยู่เป็นระยะ ฟินมากค่ะ







ถ่ายรูปเล่นอยู่สักพักก็ลงจากภูค่ะ ต่อคิวขึ้นรถรอไม่นานค่ะ มาถึงที่พักค่ะ ล้างหน้าล้างตาและฝากกระเป๋าไว้กับพี่เจ้าของบ้าน ปั่นจักรยานเล่นไปเรื่อยๆ รอเวลาเช็คอิน ตอนบ่าย 2 โมงค่ะ
เราพักที่โรงแรมพูลสวัสดิ์ค่ะ ห้องแอร์ มีห้องน้ำในตัว มีเครื่องทำน้ำอุ่น คืนละ 800 บาท อบอุ่นมากๆ พี่เจ้าของบ้านเป็นกันเองมาก ไม่จุกจิก สบายๆ ชวนเราพูดคุยตลอดค่ะ น่ารักมากๆ
ล้างหน้าล้างตาก็ปั่นจักรยานสำรวจรอบๆไปเรื่อยค่ะ ทานข้าวเช้า เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ ปั่นไปปั่นมาถึงแก่งคุดคู้เลยค่ะ จากถนนคนเดินมาประมาณ 6 กิโล อากาศดีมากๆเลยค่ะ สดชื่นมากๆ ไม่มีภาพนะคะ มือถือแบตหมดพอดีค่ะ
ปั่นกลับมาเช็คอินเราก็อาบน้ำนอนก่อนเลยค่ะ หลับบนรถไม่ค่อนสนิท ขอเติมพลังก่อน 555555


ตื่นมาประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ ปั่นจักรยานออกมา ถนนคนเดินเริ่มมีร้านมาตั้งบ้างแล้วค่ะ คึกคักไปด้วยผู้คน เดินกินร้านนั้นร้านนี้ รสชาติแล้วแต่คนชอบค่ะ บางร้านอร่อย บางร้านไม่อร่อย มีโอกาสลองผัดไท เขาว่าอร่อย ส่วนตัวเราว่าไม่เท่าไหร่นะ เพราะรสชาติคล้ายๆกับผัดหมี่โคราช ถ้าใครชอบผัดหมี่โคราชก็อาจจะถูกปากก็ได้นะ ลองดู








10 ธันวาคม
5.30 น. ตื่นมาใส่บาตรข้าวเหนียวค่ะ อากาศเย็นๆ หมอกลงบางๆ เงียบๆ ชอบมากๆค่ะ ถ้าบอกพี่เจ้าของบ้านไว้ พี่เขาจะจัดเตรียมของใส่บาตรไว้ให้ค่ะ ชุดละ 60฿ แต่เราลืมสั่งค่ะ ตอนเช้าพี่เขาก็หาให้ทีหลัง น่ารักมากๆ 60฿ เช่นกันค่ะ


ใส่บาตรเสร็จขอตัวนอนต่อค่ะ เงียบและอากาศดีเหลือเกิน ดีซะจนเราปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างนอน ห้องพักเราเปิดหน้าต่างไปจะเป็นหลังบ้านพอดี ถึงจะไม่ได้อยู่ริมโขงแต่ก็ร่มรื่นดีค่ะ นอนเล่นจนเผลอหลับไป ตื่นอีกที 9 โมง อาบน้ำ แต่งตัว เก็บกระเป๋า เช็คเอาท์ ใจจริงไม่อยากกลับเลย หลงรักเชียงคานไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ค่ะ

เหลือเวลาอีกครึ่งวันกว่าจะขึ้นรถ เราเลยฝากกระเป๋าไว้กับเจ้าของบ้าน พี่เขาใจดีให้เราเอาจักรยานไปปั่นได้ตลอดทั้งวัน แล้วยังแนะนำร้านป้าแห้วแหน่นคลุกให้เราลองไปทานด้วยค่ะ เราเลยปั่นไปซอยอะไรจำไม่ได้แล้วค่ะ เข้าไปในซอยนิดนึง เป็นร้านเล็กๆ ป้าเป็นกันเองมาก น่ารักอีกแล้ว รสชาติแหน่มนี่อร่อยมาก รสชาติไม่จัด แต่กลมกล่อมกำลังดี ผักแกล้มแกก็ปลูกเอง คือดีค่ะดี ไปลองกันได้ค่ะ อิ่มแล้วก็ปั่นไปริมโขง สูดอากาศดีๆ ให้เต็มที่ก่อนกลับบ้าน ถ่ายรูปเล่นนิดหน่อยจนเย็น ก็ไปเอากระเป๋าล่ำลาพี่เจ้าของบ้าน แล้วเดินไปขึ้นรถทางกลับกรุงเทพค่ะ



เราเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งนะ ไปเชียงคานครั้งนี้เป็นการไปเที่ยวที่เหมือนเรากลับบ้านต่างจังหวัดอะคะ ไปใช้เวลาช้าๆ เรื่อยๆ ง่ายๆ ไม่หวือหวา หลบความวุ่นวายในกรุงเทพ หลบมลพิษในเมือง นี่แหละเสน่ห์ของเชียงคาน
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ
ขอบคุณพี่เจ้าของบ้านพูลสวัสดิ์ ที่ส่งรูปตอนใส่บาตรมาให้
กราบขออภัยหากพิมพ์ผิดๆถูกๆนะคะ

ถ่ายภาพโดย I Phone 5 เด้อ รูปอาจจะกากๆ สวยไม่เท่าที่ตาไปเห็น

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่