คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ปรากฏการณ์การค่อย ๆ สูญพันธุ์ของผึ้ง มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานนี้ ผึ้งจะค่อย ๆ หายสาบสูญไปจากโลก หลังจากที่มีการพบว่าผึ้งที่เลี้ยงอยู่ในสหรัฐกว่าครึ่งหายสาบสูญไปจากรัง จนนางพญาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้เพราะไม่มีอาหาร ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่ามาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ยาฆ่าแมลง การตัดแต่งพันธุกรรมในพืช หรืออาจมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าแรงสูงก็เป็นได้ แต่จากหลักฐานที่มีการพบว่าผึ้งได้หายสาบสูญไป ก็พอจะทำให้นักวิทยาศาสตร์ทำนายได้ว่า มันอาจจะสูญพันธุ์ไปในเวลาอันใกล้นี้ และนั่นจะส่งผลร้ายต่อพืชที่มีผึ้งเป็นตัวผลิตอย่างแน่นอน ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 7/10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประชากรผึ้งกำลังตายทั่วโลก จากข้อมูลของผู้ตรวจสอบสถานที่เลี้ยงผึ้งในสหรัฐฯพบว่า จำนวนประชากรผึ้งลดลงหนึ่งในสามเมื่อปีที่แล้ว ส่วนที่อังกฤษเช่นกัน สมาคมผู้เลี้ยงผึ้งบอกว่า ประชากรผึ้งหนึ่งในสามของผึ้ง 240,000 ตัว ตายในช่วงหน้าหนาวและใบไม้ผลิ ความสูญเสียที่เกี่ยวเนื่องกับสภาพภูมิอากาศโดยปกติจะอยู่ระหว่างร้อยละ 5-10 เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์อธิบายวิกฤตนี้ว่า มีสาเหตุจากไวรัสตัวหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรค Colony Collapse Disorder หรือ ซีซีดี แม้ว่าสมมุติฐานยังไม่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง แต่ตอนนี้ มีหนทางรักษาผึ้งแล้ว จากการคิดค้นของบริษัทร่วมทุน สหรัฐฯ และอิสราเอล ที่ชื่อว่า 'Beeologics' บริษัทนี้ระบุว่า ไวรัสที่เกิดโรคซีซีดี ในผึ้งนี้ รู้จักในชื่อว่า IAPV หรือไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการอัมพาตฉับพลันสายพันธุ์อิสราเอล (Israeli acute Paralysis Virus) และอ้างว่า ขณะนี้ มีวัคซีนป้องกันไวรัสนี้แล้ว และอาจช่วยฟื้นฟูประชากรผึ้งขึ้นใหม่ในอนาคต 'Beeologics' อ้างว่า วัคซีนตัวนี้จะช่วยป้องกันผึ้งจากไวรัส IAPV และไวรัสตัวอื่นๆ อิลัน เซลา ศาสตราจารย์แห่งภาควิชาเกษตรกรรม มหาวิทยาลัยฮิบรู ซึ่งร่วมในการวิจัย บอกว่า วัคซีนสร้างขึ้นจากกลไกที่เรียกว่า การเข้าแทรกแซง RNA Interference หรือเป็นการทำให้ยีนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ซึ่งมุ่งหมายในการยับยั้งการแสดงตัวของยีนเพื่อเป็นการป้องกันไวรัส Beeologics ระบุว่า การทดสอบในเบื้องต้นประสบผลสำเร็จ และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการทดสอบในขั้นตอนต่อไปในสหรัฐฯ และอิสราเอล กัล ยาร์เดน รองประธานบริหาร Beeologics บอกด้วยว่า วัคซีนของเขาพร้อมวางตลาดแล้ว เขาอ้างคำกล่าวของอัลเบิร์ท ไอสไตน์ ที่เคยกล่าวไว้ว่า หากเกิดปรากฎการณ์ผึ้งหายไปเมื่อใด หลังจากนั้น 3 ปี ประชากรมนุษย์จะหายไปด้วย นักวิทยาศาสตร์วิตกว่า ปรากฎการณ์หายไปของผึ้งอาจแปลได้ด้วยว่า มีการลดลงของเกสรดอกไม้ หรือมีการผลิตภาคเกษตรน้อยลง ซึ่งในภาวะในที่ราคาอาหารเพิ่มขึ้น และจำนวนน้อยลง ปรากฎการณ์นี้ น่าวิตกมาก Beeologics กำลังอยู่ระหว่างการได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการเพื่อวางจำหน่ายวัคซีนในสหรัฐฯ และหวังว่า ประชากรผึ้งจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“หากผึ้งสูญพันธุ์ มนุษย์เราก็จะสูญพันธ์ุภายใน 4 ปีให้หลัง!” เหตุเพราะ ‘ผึ้ง’ เป็นตัวแพร่เกสรในการเกษตรกรรมและมีส่วนสำคัญกับระบบนิเวศทางธรรมชาติ แต่ตอนนี้มนุษย์เริ่มเข้าไปจัดการกับธรรมชาติ ทั้งในเรื่องการกำหนดเวลาเพาะปลูก การใช้สารเคมีจนส่งผลกระทบต่อผึ้ง การถูกคุกคามด้วยเกษตรเคมีทำให้เกิดการแตกสลายของรังของผึ้งที่เรียกว่า colony collapse disorder เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จำนวนของผึ้งในปัจจุบันลดลงอย่างน่าใจหายจนเกิดการคาดการณ์ว่า ผึ้งอาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่จะสูญพันธุ์ใน 30 ปีข้างหน้า! ก่อนที่จะสายเกินแก้ กรีนพีซ องค์การสาธารณประโยชน์ (NGO) นานาชาติ จึงออกแคมเปญ Save the Bees เพื่อให้ชาวโลกรับรู้ถึงอันตรายการของการใช้สารเคมีในการเกษตรที่มีต่อผึ้ง โดยรณรงค์ผ่านสื่อโทรทัศน์และออนไลน์ ด้วยการนำเหล่าผึ้งน้อยมารณรงค์ต่อต้านด้วยตนเอง วลีเด็ดของผึ้งคือ Pesticide = Suicide หรือ ยาฆ่าแมลง = ฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่ใช่ผึ้งเท่านั้นที่จะตายไปจากโลกนี้ แต่คือมนุษย์โลกต่างหากที่จะตายดับจากโลกนี้เพราะไม่มีผึ้ง ดังนั้นการออกมาประท้วงครั้งนี้ของฝูงผึ้งไม่ใช่เพื่อตัวพวกเขาเอง แต่ยังหมายถึงการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วย ในแคมเปญนี้ กรีนพีซได้จัดทำเวบไซต์ sos-bees.org เพื่อให้ผู้สนใจร่วมรณรงค์ลงรายชื่อสนับสนุน การต่อต้านการใช้สารเคมี กระบวนการเกษตรและอุตสาหรรมที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และร่วมสนับสนุนการเกษตรแบบยั่งยืนด้วย ซึ่งปรากฎว่ามีผู้ร่วมลงรายชื่อไปแล้วครึ่งล้านรายชื่อ ซึ่งทางกรีนพีซจะนำรายชื่อทั้งหมดส่งให้กับรัฐบาล หน่วยงาน และบริษัทต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ไม่มีผึ้ง > ไม่มีพืช > ไม่มีอาหาร > ไม่มีสัตว์ >ไม่มีมนุษย์ ….ช่วยกันเอาผึ้งกลับคืนมา ก่อนที่จะเหลือผึ้งตัวสุดท้ายในโลกให้ต้องอนุรักษ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตามที่ความคิดเห็นที่ 2 กล่าวแหละครับ ปัจจุบันมนุษย์ก็พยายามหาแหล่งที่อยู่อาศัยต่างดวงดาวแล้ว พืชพรรณ สัตว์ต่างๆ มนุษย์ก็เพาะพันธุ์ ตัดแต่ง ดัดแปลง พันธุกรรมต่างๆนานา ขาดผึ้งไปทั้งเผ่าพันธุ์ ขาดต้นไม้ไปแสนชนิด ผมเชื่อว่ามนุษย์เราก็ต้องหาสิ่งอื่น มาเพื่อความอยู่รอดได้อยู่แล้วครับ "ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป" อุ๋ย buddha bless กล่าวไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประชากรผึ้งกำลังตายทั่วโลก จากข้อมูลของผู้ตรวจสอบสถานที่เลี้ยงผึ้งในสหรัฐฯพบว่า จำนวนประชากรผึ้งลดลงหนึ่งในสามเมื่อปีที่แล้ว ส่วนที่อังกฤษเช่นกัน สมาคมผู้เลี้ยงผึ้งบอกว่า ประชากรผึ้งหนึ่งในสามของผึ้ง 240,000 ตัว ตายในช่วงหน้าหนาวและใบไม้ผลิ ความสูญเสียที่เกี่ยวเนื่องกับสภาพภูมิอากาศโดยปกติจะอยู่ระหว่างร้อยละ 5-10 เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์อธิบายวิกฤตนี้ว่า มีสาเหตุจากไวรัสตัวหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรค Colony Collapse Disorder หรือ ซีซีดี แม้ว่าสมมุติฐานยังไม่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง แต่ตอนนี้ มีหนทางรักษาผึ้งแล้ว จากการคิดค้นของบริษัทร่วมทุน สหรัฐฯ และอิสราเอล ที่ชื่อว่า 'Beeologics' บริษัทนี้ระบุว่า ไวรัสที่เกิดโรคซีซีดี ในผึ้งนี้ รู้จักในชื่อว่า IAPV หรือไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการอัมพาตฉับพลันสายพันธุ์อิสราเอล (Israeli acute Paralysis Virus) และอ้างว่า ขณะนี้ มีวัคซีนป้องกันไวรัสนี้แล้ว และอาจช่วยฟื้นฟูประชากรผึ้งขึ้นใหม่ในอนาคต 'Beeologics' อ้างว่า วัคซีนตัวนี้จะช่วยป้องกันผึ้งจากไวรัส IAPV และไวรัสตัวอื่นๆ อิลัน เซลา ศาสตราจารย์แห่งภาควิชาเกษตรกรรม มหาวิทยาลัยฮิบรู ซึ่งร่วมในการวิจัย บอกว่า วัคซีนสร้างขึ้นจากกลไกที่เรียกว่า การเข้าแทรกแซง RNA Interference หรือเป็นการทำให้ยีนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ซึ่งมุ่งหมายในการยับยั้งการแสดงตัวของยีนเพื่อเป็นการป้องกันไวรัส Beeologics ระบุว่า การทดสอบในเบื้องต้นประสบผลสำเร็จ และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการทดสอบในขั้นตอนต่อไปในสหรัฐฯ และอิสราเอล กัล ยาร์เดน รองประธานบริหาร Beeologics บอกด้วยว่า วัคซีนของเขาพร้อมวางตลาดแล้ว เขาอ้างคำกล่าวของอัลเบิร์ท ไอสไตน์ ที่เคยกล่าวไว้ว่า หากเกิดปรากฎการณ์ผึ้งหายไปเมื่อใด หลังจากนั้น 3 ปี ประชากรมนุษย์จะหายไปด้วย นักวิทยาศาสตร์วิตกว่า ปรากฎการณ์หายไปของผึ้งอาจแปลได้ด้วยว่า มีการลดลงของเกสรดอกไม้ หรือมีการผลิตภาคเกษตรน้อยลง ซึ่งในภาวะในที่ราคาอาหารเพิ่มขึ้น และจำนวนน้อยลง ปรากฎการณ์นี้ น่าวิตกมาก Beeologics กำลังอยู่ระหว่างการได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการเพื่อวางจำหน่ายวัคซีนในสหรัฐฯ และหวังว่า ประชากรผึ้งจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“หากผึ้งสูญพันธุ์ มนุษย์เราก็จะสูญพันธ์ุภายใน 4 ปีให้หลัง!” เหตุเพราะ ‘ผึ้ง’ เป็นตัวแพร่เกสรในการเกษตรกรรมและมีส่วนสำคัญกับระบบนิเวศทางธรรมชาติ แต่ตอนนี้มนุษย์เริ่มเข้าไปจัดการกับธรรมชาติ ทั้งในเรื่องการกำหนดเวลาเพาะปลูก การใช้สารเคมีจนส่งผลกระทบต่อผึ้ง การถูกคุกคามด้วยเกษตรเคมีทำให้เกิดการแตกสลายของรังของผึ้งที่เรียกว่า colony collapse disorder เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จำนวนของผึ้งในปัจจุบันลดลงอย่างน่าใจหายจนเกิดการคาดการณ์ว่า ผึ้งอาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่จะสูญพันธุ์ใน 30 ปีข้างหน้า! ก่อนที่จะสายเกินแก้ กรีนพีซ องค์การสาธารณประโยชน์ (NGO) นานาชาติ จึงออกแคมเปญ Save the Bees เพื่อให้ชาวโลกรับรู้ถึงอันตรายการของการใช้สารเคมีในการเกษตรที่มีต่อผึ้ง โดยรณรงค์ผ่านสื่อโทรทัศน์และออนไลน์ ด้วยการนำเหล่าผึ้งน้อยมารณรงค์ต่อต้านด้วยตนเอง วลีเด็ดของผึ้งคือ Pesticide = Suicide หรือ ยาฆ่าแมลง = ฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่ใช่ผึ้งเท่านั้นที่จะตายไปจากโลกนี้ แต่คือมนุษย์โลกต่างหากที่จะตายดับจากโลกนี้เพราะไม่มีผึ้ง ดังนั้นการออกมาประท้วงครั้งนี้ของฝูงผึ้งไม่ใช่เพื่อตัวพวกเขาเอง แต่ยังหมายถึงการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วย ในแคมเปญนี้ กรีนพีซได้จัดทำเวบไซต์ sos-bees.org เพื่อให้ผู้สนใจร่วมรณรงค์ลงรายชื่อสนับสนุน การต่อต้านการใช้สารเคมี กระบวนการเกษตรและอุตสาหรรมที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และร่วมสนับสนุนการเกษตรแบบยั่งยืนด้วย ซึ่งปรากฎว่ามีผู้ร่วมลงรายชื่อไปแล้วครึ่งล้านรายชื่อ ซึ่งทางกรีนพีซจะนำรายชื่อทั้งหมดส่งให้กับรัฐบาล หน่วยงาน และบริษัทต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ไม่มีผึ้ง > ไม่มีพืช > ไม่มีอาหาร > ไม่มีสัตว์ >ไม่มีมนุษย์ ….ช่วยกันเอาผึ้งกลับคืนมา ก่อนที่จะเหลือผึ้งตัวสุดท้ายในโลกให้ต้องอนุรักษ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตามที่ความคิดเห็นที่ 2 กล่าวแหละครับ ปัจจุบันมนุษย์ก็พยายามหาแหล่งที่อยู่อาศัยต่างดวงดาวแล้ว พืชพรรณ สัตว์ต่างๆ มนุษย์ก็เพาะพันธุ์ ตัดแต่ง ดัดแปลง พันธุกรรมต่างๆนานา ขาดผึ้งไปทั้งเผ่าพันธุ์ ขาดต้นไม้ไปแสนชนิด ผมเชื่อว่ามนุษย์เราก็ต้องหาสิ่งอื่น มาเพื่อความอยู่รอดได้อยู่แล้วครับ "ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป" อุ๋ย buddha bless กล่าวไว้
แสดงความคิดเห็น
ถ้าผึ้งหายไปจากโลก มนุษย์จะเหลือเวลาอีกสี่ปี
man would only have four years left to live."
วลีข้างต้นนี้ ผมอยากถามนักวิทย์และนักวิเคราะห์ทั้งหลายครับ ว่า
มันเป็นเพียงคำกลอนจากวรรณกรรม หรือว่าเป็นทฤษฎี
บางคนว่าเป็นวลีของ Albert Einstein
บางคนว่า Einstein ไม่เคยกล่าววลีนี้ แต่กล่าวว่า
"เอาผึ้งออกไปจากโลก พืชอย่างน้อยแสนชนิดจะไม่เหลืออยู่ในโลกนี้"
(อ้างอิงจาก Canadian Bee Journal : 1941)
บ้างก็ว่าเป็นคำกลอนของนักเขียนวรรณกรรมรางวัลโนเบล Maurice Maeterlinck
(อ้างอิงจาก The Life of the Bee : 1901)
ผมว่า มันจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ มันน่าจะมีผลต่อระบบนิเวศน์อย่างมหาศาล
ลองวิเคราะห์กันเล่นๆ สนุกๆ นะครับ