ประโยคตรงตัวที่สุดคือ ✅ “If you don’t mind…” และ ✅ “If it’s not too much to ask…” น่าจะใช้บ่อยที่สุดในความหมายนี้แล้วครับ
ส่วนในภาษาพูดทั่วไป (ถ้าไม่อยากให้ฟังดูทางการมาก) เราอาจจะบอกว่า 📌 “If that’s okay with you…” 📌 “If you’re cool with it…” หรือสั้น ๆ ว่า 📌 “No pressure, but…” แล้วก็ค่อยตามด้วยสิ่งที่เราอยากขอให้เขาทำหรือช่วยเหลือ
เวลาจะขอให้ใครทำอะไรสักอย่าง แต่ไม่อยากเร่งหรือรบกวนอีกฝ่ายมาก เรามักจะต่อท้ายประโยคด้วยวลี 👉🏻 “...at your ealiest convenience” เข้าไป (ทางการ) หรือใช้ 👉🏻 “...totally up to you” ก็ได้ครับ (อันหลังนี้เป็นภาษาพูด)
คำว่ารบกวนถ้าแปลแบบตรงตัวเลยก็คือ “To bother (someone)" (ทางการ) หรือ “To put (someone) out” นั่นเอง บางทีก่อนจะขอให้ใครช่วยอะไร ก็อาจจะบอกว่า “If it doesn’t bother you…” หรือ “I really don’t wanna put you out, but..." แต่สองประโยคนี้ฟังแล้วดูเหมือนบังคับอีกฝ่ายยังไม่รู้ 😂 (อาจเพราะพูดตรงตัวเกินไป)
ส่วนประโยคที่ผมคิดว่าฟังแล้วเป็นธรรมชาติเลย (แต่จะใช้ในกรณีที่เราต้องการ “รบกวนเวลา” ใครสักคน) คือ ✅ “If you got a sec…” และ ✅ “If you have a minute…“ ครับ ลองใช้ดูนะ (เช่นประโยค “If you have a minute, can you look this over?” = ถ้าคุณมีเวลาช่วยตรวจสอบตรงนี้ให้หน่อยได้ไหม)
_______________
ลองมาดูบทสนทนาที่จะได้ใช้วลีเหล่านี้กันครับ
บริบทที่ 1: ช่วย Feedback การพรีเซนต์งาน
A: “Hey, quick thing — I’ve got a presentation coming up, and I’m honestly kind of nervous about it.” 😥
(ถามหน่อยสิ พรุ่งนี้ฉันมีพรีเซนต์งาน และฉันรู้สึกประหม่านิดหน่อย)
B: “Yeah? What’s it on?” 😦
(อาหะ พรีเซนต์เรื่องอะไร)
A: “Some legal case analysis for class. If you don’t mind, could I run through it with you later tonight? I just need to practice it out loud in front of someone.” 😭
(ต้องวิเคราะห์คดีให้เพื่อนในชั้นฟังน่ะ ถ้าไม่รบกวนเธอเกินไป ขอซ้อมพรีเซนต์กับเธอคืนนี้ก่อนได้ไหม อยากลองฝึกพูดต่อหน้าใครสักคนดูก่อน)
B: “Yeah, sure. Happy to help.” 🙂
(ได้สิ ยินดีช่วยเลย)
A: “And if it’s not too much to ask, maybe let me know if I’m going too fast or rambling? I won’t take it personally, promise.” 😬
(และก็ถ้ามันไม่ลำบากเธอเกิน อยากให้ช่วยเตือนหน่อยถ้าฉันพูดเร็วหรือพูดไม่รู้เรื่อง แนะนำได้เต็มที่เลยฉันไม่โกรธ)
B: “Of course. I’ll give you honest feedback.” 😁
(ได้ ๆ เดี๋ยวจะแนะนำตามที่รู้สึกเลย)
บริบทที่ 2: ขอโดยสารไปด้วย (จะลงระหว่างทาง)
A: “What time are you heading to the airport tomorrow?” 🤔
(พรุ่งนี้คุณจะไปสนามบินประมาณกี่โมง)
B: “Around 7 AM. Why?” 🙂
(7 โมงเช้า ทำไมเหรอ)
A: “If you’re cool with it… would you mind dropping me at the train station on the way? It’s just a few blocks off.” 🙏🏻
(ถ้าไม่รบกวนคุณมากไป ช่วยส่งผมที่สถานีรถไฟระหว่างทางได้ไหม อยู่ไม่ไกลกันเลย)
B: “Yeah, I think I can swing that.” 👌🏻
(ได้สิ ไม่น่ามีปัญหานะ)
A: “I mean, no pressure, but it’d save me from dealing with rush-hour Grab prices.” 😥
(เอาที่คุณสะดวกเลยนะ แต่มันจะช่วยผมได้มากเลยเพราะแกร็บช่วงเช้าราคาแรงมาก)
B: “Say no more. I got you.” 🤗
(ไม่ลำบากเลย ผมช่วยได้)
บริบทที่ 3: ช่วยตรวจการบ้าน
A: “Hey, if you have a minute later, could you take a quick look at something I’ve been working on?” 🧐
(เฮ้ ถ้านายพอมีเวลา ช่วยตรวจงานที่ฉันทำหน่อยได้ไหม)
B: “Sure — what kind of thing?” 🤔
(ได้สิ งานไรเหรอ)
A: “Just a rough draft of an outline for my essay. Totally up to you, though — no pressure at all.” 😬
(ฉันทำร่างบทความแบบคร่าว ๆ ไว้ แต่เอาจริงถ้าไม่ว่างไม่เป็นไรนะ)
B: “Yeah, happy to take a look. Send it over when you’re ready.” 🙂
(ดูให้ได้ ส่งมาได้เลยถ้าพร้อมให้ตรวจ)
A: “Thanks, I really appreciate it.” 🙏🏻
(แต้งกิ้ว ช่วยฉันได้เยอะเลย)
“รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน”
JGC. ✌🏻🇬🇧
“ถ้าไม่เป็นการรบกวน...” ภาษาอังกฤษพูดว่า...
ส่วนในภาษาพูดทั่วไป (ถ้าไม่อยากให้ฟังดูทางการมาก) เราอาจจะบอกว่า 📌 “If that’s okay with you…” 📌 “If you’re cool with it…” หรือสั้น ๆ ว่า 📌 “No pressure, but…” แล้วก็ค่อยตามด้วยสิ่งที่เราอยากขอให้เขาทำหรือช่วยเหลือ
เวลาจะขอให้ใครทำอะไรสักอย่าง แต่ไม่อยากเร่งหรือรบกวนอีกฝ่ายมาก เรามักจะต่อท้ายประโยคด้วยวลี 👉🏻 “...at your ealiest convenience” เข้าไป (ทางการ) หรือใช้ 👉🏻 “...totally up to you” ก็ได้ครับ (อันหลังนี้เป็นภาษาพูด)
คำว่ารบกวนถ้าแปลแบบตรงตัวเลยก็คือ “To bother (someone)" (ทางการ) หรือ “To put (someone) out” นั่นเอง บางทีก่อนจะขอให้ใครช่วยอะไร ก็อาจจะบอกว่า “If it doesn’t bother you…” หรือ “I really don’t wanna put you out, but..." แต่สองประโยคนี้ฟังแล้วดูเหมือนบังคับอีกฝ่ายยังไม่รู้ 😂 (อาจเพราะพูดตรงตัวเกินไป)
ส่วนประโยคที่ผมคิดว่าฟังแล้วเป็นธรรมชาติเลย (แต่จะใช้ในกรณีที่เราต้องการ “รบกวนเวลา” ใครสักคน) คือ ✅ “If you got a sec…” และ ✅ “If you have a minute…“ ครับ ลองใช้ดูนะ (เช่นประโยค “If you have a minute, can you look this over?” = ถ้าคุณมีเวลาช่วยตรวจสอบตรงนี้ให้หน่อยได้ไหม)
_______________
ลองมาดูบทสนทนาที่จะได้ใช้วลีเหล่านี้กันครับ
บริบทที่ 1: ช่วย Feedback การพรีเซนต์งาน
A: “Hey, quick thing — I’ve got a presentation coming up, and I’m honestly kind of nervous about it.” 😥
(ถามหน่อยสิ พรุ่งนี้ฉันมีพรีเซนต์งาน และฉันรู้สึกประหม่านิดหน่อย)
B: “Yeah? What’s it on?” 😦
(อาหะ พรีเซนต์เรื่องอะไร)
A: “Some legal case analysis for class. If you don’t mind, could I run through it with you later tonight? I just need to practice it out loud in front of someone.” 😭
(ต้องวิเคราะห์คดีให้เพื่อนในชั้นฟังน่ะ ถ้าไม่รบกวนเธอเกินไป ขอซ้อมพรีเซนต์กับเธอคืนนี้ก่อนได้ไหม อยากลองฝึกพูดต่อหน้าใครสักคนดูก่อน)
B: “Yeah, sure. Happy to help.” 🙂
(ได้สิ ยินดีช่วยเลย)
A: “And if it’s not too much to ask, maybe let me know if I’m going too fast or rambling? I won’t take it personally, promise.” 😬
(และก็ถ้ามันไม่ลำบากเธอเกิน อยากให้ช่วยเตือนหน่อยถ้าฉันพูดเร็วหรือพูดไม่รู้เรื่อง แนะนำได้เต็มที่เลยฉันไม่โกรธ)
B: “Of course. I’ll give you honest feedback.” 😁
(ได้ ๆ เดี๋ยวจะแนะนำตามที่รู้สึกเลย)
บริบทที่ 2: ขอโดยสารไปด้วย (จะลงระหว่างทาง)
A: “What time are you heading to the airport tomorrow?” 🤔
(พรุ่งนี้คุณจะไปสนามบินประมาณกี่โมง)
B: “Around 7 AM. Why?” 🙂
(7 โมงเช้า ทำไมเหรอ)
A: “If you’re cool with it… would you mind dropping me at the train station on the way? It’s just a few blocks off.” 🙏🏻
(ถ้าไม่รบกวนคุณมากไป ช่วยส่งผมที่สถานีรถไฟระหว่างทางได้ไหม อยู่ไม่ไกลกันเลย)
B: “Yeah, I think I can swing that.” 👌🏻
(ได้สิ ไม่น่ามีปัญหานะ)
A: “I mean, no pressure, but it’d save me from dealing with rush-hour Grab prices.” 😥
(เอาที่คุณสะดวกเลยนะ แต่มันจะช่วยผมได้มากเลยเพราะแกร็บช่วงเช้าราคาแรงมาก)
B: “Say no more. I got you.” 🤗
(ไม่ลำบากเลย ผมช่วยได้)
บริบทที่ 3: ช่วยตรวจการบ้าน
A: “Hey, if you have a minute later, could you take a quick look at something I’ve been working on?” 🧐
(เฮ้ ถ้านายพอมีเวลา ช่วยตรวจงานที่ฉันทำหน่อยได้ไหม)
B: “Sure — what kind of thing?” 🤔
(ได้สิ งานไรเหรอ)
A: “Just a rough draft of an outline for my essay. Totally up to you, though — no pressure at all.” 😬
(ฉันทำร่างบทความแบบคร่าว ๆ ไว้ แต่เอาจริงถ้าไม่ว่างไม่เป็นไรนะ)
B: “Yeah, happy to take a look. Send it over when you’re ready.” 🙂
(ดูให้ได้ ส่งมาได้เลยถ้าพร้อมให้ตรวจ)
A: “Thanks, I really appreciate it.” 🙏🏻
(แต้งกิ้ว ช่วยฉันได้เยอะเลย)
“รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน”
JGC. ✌🏻🇬🇧