พี่โด่ง: “เสาร์นี้จะไปถ่ายรูปปลาวาฬบรูด้า ไปด้วยกันมั้ย”
พี่ปุ่น: “ไปด้วยๆ”
“มีผมกับไผ่ไป 2 คนนะ”
เรื่องมันเริ่มจากกรุ๊ปไลน์ถ่ายรูป ทำให้เราได้รู้ว่า เฮ้ยยย มีปลาวาฬตัวเป็นๆอยู่ใกล้ๆกรุงเทพเรานี่เอง
วันเสาร์เราตื่นกันตั้งแต่ตี 5 เพราะเรานัดพี่ๆไว้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.หน้าทางเข้าคลองโคน 8 โมง คือสมุทรสงครามแงะ ต้องเผื่อเวลาขับรถไว้ 2 ชั่วโมงกำลังดี เราก็ลากตัวเองขึ้นมาสิค้า นี่มันเช้ากว่าตื่นไปทำงานอี๊กกกกก!!!!!
ทริปนี้เราไปกัน 8 คน มีเรา พี่ปุ่น พี่โด่ง และพี่ๆแก๊งค์พี่โด่งอีก 5 คน ซึ่งเราไม่รู้จักเลย ไปรู้จักกันข้างหน้าเอา 555
เรามาถึงปั๊มน้ำมันตอนประมาณ 7 โมงครึ่ง เง้อออ ยังไม่เจอใครเลย พี่ปุ่นพยายามโทรหาพี่โด่ง ละก็ได้เบอร์พี่ในคณะวันนี้มา 1 คน พอโทรไป อ้าว พี่เค้าก็อยู่ที่ปั๊มแล้วเหมือนกัน ตอนแรกที่เจอแอบแปลกใจเล็ก นึกว่าจะเป็นกลุ่มพี่ตากล้องผู้ชาย แบกอุปกรณ์กล้องเยอะๆ แต่ไม่ใช่จ้า นี่มันแก๊งค์พี่ผู้หญิง!
ทุกคนในทริปนี้ ยกเว้นเรากับพี่ปุ่นมาล่าปลาวาฬกันเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
พี่โด่งคราวที่แล้วมา แต่ไม่เจอ เลยมาขอแก้มืออีกรอบ
ส่วนแก๊งค์พี่ๆคราวก่อนมา เจอเยอะมาก เจอแบบเข้ามาหาใกล้ๆเลย เลยอยากมาดูกันอีก
ส่วนเราวันนี้ ก็ต้องไปลุ้นกัน!
ก่อนออกเดินทาง พี่ๆบอกว่า เตรียมอาหารไปให้พร้อม วันนี้เราอยู่บนเรือยาวนะ กว่าจะกลับก็เกือบเย็นแล้ว
เข้าห้องน้ง ห้องน้ำกันให้เรียบร้อยด้วย บนเรือน่ะมีห้องน้ำ แต่....เอ่อม....เข้าไปให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะ 555 โอเค!
และที่ขาดไม่ได้อีกอย่าง พี่ๆเค้าเอายาแก้เมาเรือมาให้ทานก่อนไปด้วย กันไว้ก่อนๆ
พอทุกคนมากันครบแล้ว ก็ออกเดินทางกัน!
เราขับรถตามกันไปเป็นขบวนเพื่อเข้าไปที่บางตะบูน ทางที่เข้าไปเป็นทาง 2 เลน ทางดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เวลาขับต้องระวังหน่อย เพราะถนนโล่ง รถเลยขับกันเร็ว วิวสองข้างทาง สวยมากกกก ขาเข้าไปอากาศดีมาก ไม่มีแดดเลย
ก็เพราะไม่มีแดดแงะ ก็เลยมีฝนแทนจ้า อยู่ๆฝนก็ตกลงมาหนักมาก จนเรากลัวกันว่าจะเอาเรือออกไม่ได้
แต่พอใกล้ๆถึง ฝนหยุดซะงั้น ถือว่าเรามีโชคใน step แรก 555
เรามาถึงท่าเรือชาวประมงกันประมาณ 9 โมง
ที่นี่เป็นท่าเรือชาวประมงแท้ๆเลย แบบชาวบ้านๆกันเลยทีเดียว ค่าเหมาเรือออกไปดูปลาวาฬเที่ยวละ 4,500 บาท
เราเริ่มทยอยเอาของลงเรือกัน อย่าเรียกว่าเราดีกว่า เพราะเรา พี่ปุ่น พี่โด่งนี่เรียกได้ว่าไปตัวเปล่ากับกระเป๋ากล้องอีกคนละใบมากกว่า แต่พี่ๆพร้อมกันมาก เสบียงแน่น มีแม้กระทั่งถังน้ำแข็ง 555
พร้อมแล้วเราก็เริ่มออกเรือกันประมาณ 9 โมงกว่าๆ
สองข้างทางจะเป็นต้นไม้ อารมณ์ประมาณพวกต้นโกงกางไรงี้ (ต้นอะไรแน่ เราก็ไม่แน่ใจ 555 ถ้าผิดขออภัยด้วยนะฮ้า)
ล่องกันไปได้นิดนึงเราก็เริ่มเห็นปากทางออกสู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้นนนนน เย้ยยย ไม่ใช่บัสไรเยียร์! (ตัวละครใน Toy Story น่ะ ไม่ต้องงง)
อ๊า ฟ้าบนทะเลวันนี้สวยมากกก ช่วงเช้านี้แทบจะไม่มีแดดเลย อากาศดีมาก พลังตอนนี้ยังอยู่เต็ม 555
นั่งให้ลมกระทบหน้าไปเรื่อยๆ ผ่านประภาคารมั่ง เห็นแท่นขุดเจาะไกลลิบๆมั่ง
ไปได้ซักพัก เริ่มเห็นฟ้ามืดๆใกล้เข้ามา เฮ้ยยยย ฝนมันจะตกมั้ยเนี่ย คือแบบถ้าตกนี่คือเปียกอ่ะ เรือไม่มีหลังคากันฝนให้นะค้า
ซักพัก มีพี่สะกิดข้างหลัง แล้วยื่นเสื้อกันฝนแจกๆมาให้ เฮ้ยยย พี่เค้าพร้อมกันมากจริงๆ
แล้วเราก็แล่นเรือต่อไปเรื่อยๆ จนผ่านเมฆดำก้อนใหญ่ก้อนนั้นไป
แล้วเราก็เจอฟ้าสวย มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านมาเป็นลำอีกครั้ง มันสวยจริงๆ
นี่เราแล่นเรือกันมาเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของวาฬบรูด้า
ถามว่าทะเลกว้างมาก เราจะรู้ได้ไงว่าวาฬอยู่ตรงไหน คือ แล่นไปเรื่อยๆ ไร้ทิศทาง แล้วแต่บุญแต่กรรมและโชคที่มีเหรอ
แหมะ ก็ไม่ถึงขนาดน๊านนน
คนที่ออกไปดูวาฬเนี่ย วันนึงๆ ไม่ได้มีเราแค่ลำเดียว ยังมีเรืออีกหลายลำเลยที่เค้าออกไปดูกัน เพราะฉะนั้นเค้าก็จะวิทยุวอหากันเรื่อยๆ ใครเจอก็จะรีบวอมาบอกว่าถึงไหน เราได้ยินเสียงวิทยุแว่วๆมาเป็นระยะๆ
“เจอ 2 ตัวๆๆๆ”
“มันอ้าปากแล้วๆ”
“โหหห อ้านานด้วย”
ได้ยินที พี่ชาวประมงเค้าก็เร่งเรือที เราก็ลุกหือ ชะเง้อมองไปข้างหน้า ด้วยความตื่นเต้นกันที ไหนว้า วาฬบรูด้า!
ระหว่างแล่นเรือ ยังไม่เจอวาฬ เราก็ถ่ายวิวข้างๆกันไป ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากหรอก ทะเล ท้องฟ้า ประภาคาร นก และเรือที่ออกไปหาวาฬเหมือนกันเนี่ยแหละ 555
และแล้วตอนอีก 15 นาทีจะเที่ยง เราก็มาถึงจุดที่เจอวาฬแล้ว!
พี่ชาวประมงก็เร่งเรือเต็มกำลัง เราเริ่มเห็นฝูงนกสีขาวอยู่ข้างหน้าลิบ ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป แล้วพี่เค้าก็จอดเรือ
พอจอดเรือเท่านั้นแหละ เธอเอ้ยยยย เรือมันโคลงมาก! โคลงแบบ เฮ้ย นี่เรานั่งอยู่บนเรือหรือบนคลื่นเพียวๆวะเนี่ย!
ทุกคนบนเรือกรูกันเข้าไปที่ข้างเรือฝั่งที่ฝูงนกบินวนกันบนผิวน้ำ และแล้ว วาฬบรูด้าก็โผล่มาอ้าปากกินปลากระตักให้เราเห็น!
เฮ้ยยย ปลาวาฬตัวเป็นๆในทะเลจริงๆ ครั้งแรกของเรา!
ถึงจะเป็นระยะที่ไม่ได้ใกล้มากนัก แต่ก็พอรู้ว่ามันตัวใหญ่มาก!
คือกล้องที่อยู่บนเรือทุกตัว ไม่นับกล้องมือถือนะ ของทุกคนนี่ติดเลนส์ Tele Zoom กันทั้งน้านนน มีของเราเป็นเลนส์ kit 16-50 mm. อยู่คนเดียว ได้รูปนี้มาแล้วพอค่า เก็บกล้อง พี่คงสู้กล้องตัวอื่นมิไหวจริงๆ ดูตาเปล่าดีกว่า 555
ในขณะที่ทุกคนยังคงจ่อกล้องรอปลาวาฬ มวลสารในท้องเราก็เริ่มมาละ น้ำย่อยเริ่มตีขึ้นมา เมาเรือสิค้า!
ปกติเราเป็นคนไม่มีปัญหาเวลานั่งเรือนะ ยกเว้นเวลาเรือจอด เพราะมันจะโคลงมากกกก ถึงมากที่สุด
ณ.จุดนี้ ตามสบายเลยค่าทุกคน เราขอไปนั่งอย่างสงบ รับลมอีกฝั่งนึงของลำเรือ
พี่เค้าจอดให้ดูอยู่เกือบชั่วโมง จนพี่วาฬเค้าว่ายหนีไปไกลจนเราไม่น่าจะตามไปได้แล้ว
ตอนนั้นบ่ายโมงกว่าๆ พี่ชาวประมงก็เริ่มออกเรือ หันหัวพาเรากลับเข้าฝั่ง หลังจากเราจะไม่มีรูปบรรยากาศขาล่องเรือกลับใดๆทั้งสิ้น เราขอยาแก้เมาพี่เค้าอีกเม็ด แล้วล้มนอนเลยค่า
คือขากลับเป็นอะไรที่โหดมาก ทุกคนเมาเรือ ย้ำว่าทุกคน!
อากาศดีๆตอนเช้าหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ กลายเป็นแดดเปรี้ยงแบบเผาเราเกรียมได้เลย
และเราที่ลุกขึ้นมานั่งไม่ได้เลย ต้องนอนหลับบนเรือไม้แข็งๆโคลงๆ โดยที่มีผ้าแบบใช้ทำถุงหอบของสำเพ็งคลุมตัวบังแดด ซึ่งมันอบมาก
ภาพตัดมาก เราได้ยินเสียง
พี่ปุ่น: “ไผ่ ไผ่ ถึงแล้ว”
เราสะลึม สะลือเปิดผ้าขึ้นมา ยังอุตส่าห์พูดกับพี่ปุ่นได้อยู่ว่า “สุก ทานได้พอดีเลยค่าพี่ปุ่น” 555
พี่บนเรือบอกว่า “นี่หนูหลับเหรอ พี่นึกว่าหนูสลบไปแล้ว”
555 จุดนี้เรียกว่านอนตายเลยดีกว่าค่ะพี่
เราถึงฝั่งบ่ายสามโมงกว่า นี่เรานอนในสภาพนั้นมา 2 ชั่วโมงได้ เป็น 2 ชั่วโมงที่ทรมานมาก
สภาพทุกคนแย่พอกัน ทุกคนเกรียมแดด และเมาเรือ เราถือว่าเราโชคดีมากที่มาครั้งนี้แล้วเราได้เจอวาฬบรูด้า ไม่งั้น เราคงไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะเราคงไม่มาอีกแล้ว ป้าไม่ไหวแล้วค่า ป้าแก่แล้ว 5555
พอตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งได้แล้ว เราไปสวัสดีพี่ๆ แล้วก็แยกย้ายกันกลับ รวมรวบพลังเฮือกสุดท้ายที่จะต้องขับรถอีกเกือบ 2 ชั่วโมงกลับกรุงเทพ
พอได้ขึ้นฝั่ง ได้มานั่งตากแอร์ในรถ อาการเราเริ่มดีขึ้น เราขับผ่านเส้นทางเดิมเมื่อตอนเช้า ที่เราต้องขับตามกันเป็นขบวน และต้องเร่งทำเวลามาลงเรือ พอขากลับ เราแยกย้ายกันกลับแล้ว
ลูกไผ่: “พี่ปุ่น แวะจอดลงไปถ่ายรูปหน่อยมั้ยคะ ไหนๆก็มาแล้ว”
พี่ปุ่น: “ได้ซี่”
เราวกรถเข้าจอดข้างทางที่เป็นจุดชมวิวพอดี พากันสะพายกล้องฝ่าเดินเปรี้ยงมาถ่ายรูปข้างทาง
ข้างทางเป็นนาเกลือโล่งๆ มีบ้านหลังเล็กๆ รู้สึกว่าจะเป็นที่ที่เค้าเอาไว้เก็บเกลือสร้างไว้เป็นจุดๆ น่ารักดี
เอาน่า อย่างน้อยเราก็ได้วิวข้างทางสวยๆกลับบ้าน ^^
ดูรูปทริปเพิ่มเติมได้ที่
http://www.facebook.com/wherewegopage
[CR] เมื่อฉันออกเรือไปตามล่า 'วาฬบรูด้า'
พี่ปุ่น: “ไปด้วยๆ”
“มีผมกับไผ่ไป 2 คนนะ”
เรื่องมันเริ่มจากกรุ๊ปไลน์ถ่ายรูป ทำให้เราได้รู้ว่า เฮ้ยยย มีปลาวาฬตัวเป็นๆอยู่ใกล้ๆกรุงเทพเรานี่เอง
วันเสาร์เราตื่นกันตั้งแต่ตี 5 เพราะเรานัดพี่ๆไว้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.หน้าทางเข้าคลองโคน 8 โมง คือสมุทรสงครามแงะ ต้องเผื่อเวลาขับรถไว้ 2 ชั่วโมงกำลังดี เราก็ลากตัวเองขึ้นมาสิค้า นี่มันเช้ากว่าตื่นไปทำงานอี๊กกกกก!!!!!
ทริปนี้เราไปกัน 8 คน มีเรา พี่ปุ่น พี่โด่ง และพี่ๆแก๊งค์พี่โด่งอีก 5 คน ซึ่งเราไม่รู้จักเลย ไปรู้จักกันข้างหน้าเอา 555
เรามาถึงปั๊มน้ำมันตอนประมาณ 7 โมงครึ่ง เง้อออ ยังไม่เจอใครเลย พี่ปุ่นพยายามโทรหาพี่โด่ง ละก็ได้เบอร์พี่ในคณะวันนี้มา 1 คน พอโทรไป อ้าว พี่เค้าก็อยู่ที่ปั๊มแล้วเหมือนกัน ตอนแรกที่เจอแอบแปลกใจเล็ก นึกว่าจะเป็นกลุ่มพี่ตากล้องผู้ชาย แบกอุปกรณ์กล้องเยอะๆ แต่ไม่ใช่จ้า นี่มันแก๊งค์พี่ผู้หญิง!
ทุกคนในทริปนี้ ยกเว้นเรากับพี่ปุ่นมาล่าปลาวาฬกันเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
พี่โด่งคราวที่แล้วมา แต่ไม่เจอ เลยมาขอแก้มืออีกรอบ
ส่วนแก๊งค์พี่ๆคราวก่อนมา เจอเยอะมาก เจอแบบเข้ามาหาใกล้ๆเลย เลยอยากมาดูกันอีก
ส่วนเราวันนี้ ก็ต้องไปลุ้นกัน!
ก่อนออกเดินทาง พี่ๆบอกว่า เตรียมอาหารไปให้พร้อม วันนี้เราอยู่บนเรือยาวนะ กว่าจะกลับก็เกือบเย็นแล้ว
เข้าห้องน้ง ห้องน้ำกันให้เรียบร้อยด้วย บนเรือน่ะมีห้องน้ำ แต่....เอ่อม....เข้าไปให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะ 555 โอเค!
และที่ขาดไม่ได้อีกอย่าง พี่ๆเค้าเอายาแก้เมาเรือมาให้ทานก่อนไปด้วย กันไว้ก่อนๆ
พอทุกคนมากันครบแล้ว ก็ออกเดินทางกัน!
เราขับรถตามกันไปเป็นขบวนเพื่อเข้าไปที่บางตะบูน ทางที่เข้าไปเป็นทาง 2 เลน ทางดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เวลาขับต้องระวังหน่อย เพราะถนนโล่ง รถเลยขับกันเร็ว วิวสองข้างทาง สวยมากกกก ขาเข้าไปอากาศดีมาก ไม่มีแดดเลย
ก็เพราะไม่มีแดดแงะ ก็เลยมีฝนแทนจ้า อยู่ๆฝนก็ตกลงมาหนักมาก จนเรากลัวกันว่าจะเอาเรือออกไม่ได้
แต่พอใกล้ๆถึง ฝนหยุดซะงั้น ถือว่าเรามีโชคใน step แรก 555
เรามาถึงท่าเรือชาวประมงกันประมาณ 9 โมง
ที่นี่เป็นท่าเรือชาวประมงแท้ๆเลย แบบชาวบ้านๆกันเลยทีเดียว ค่าเหมาเรือออกไปดูปลาวาฬเที่ยวละ 4,500 บาท
เราเริ่มทยอยเอาของลงเรือกัน อย่าเรียกว่าเราดีกว่า เพราะเรา พี่ปุ่น พี่โด่งนี่เรียกได้ว่าไปตัวเปล่ากับกระเป๋ากล้องอีกคนละใบมากกว่า แต่พี่ๆพร้อมกันมาก เสบียงแน่น มีแม้กระทั่งถังน้ำแข็ง 555
พร้อมแล้วเราก็เริ่มออกเรือกันประมาณ 9 โมงกว่าๆ
สองข้างทางจะเป็นต้นไม้ อารมณ์ประมาณพวกต้นโกงกางไรงี้ (ต้นอะไรแน่ เราก็ไม่แน่ใจ 555 ถ้าผิดขออภัยด้วยนะฮ้า)
ล่องกันไปได้นิดนึงเราก็เริ่มเห็นปากทางออกสู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้นนนนน เย้ยยย ไม่ใช่บัสไรเยียร์! (ตัวละครใน Toy Story น่ะ ไม่ต้องงง)
อ๊า ฟ้าบนทะเลวันนี้สวยมากกก ช่วงเช้านี้แทบจะไม่มีแดดเลย อากาศดีมาก พลังตอนนี้ยังอยู่เต็ม 555
นั่งให้ลมกระทบหน้าไปเรื่อยๆ ผ่านประภาคารมั่ง เห็นแท่นขุดเจาะไกลลิบๆมั่ง
ไปได้ซักพัก เริ่มเห็นฟ้ามืดๆใกล้เข้ามา เฮ้ยยยย ฝนมันจะตกมั้ยเนี่ย คือแบบถ้าตกนี่คือเปียกอ่ะ เรือไม่มีหลังคากันฝนให้นะค้า
ซักพัก มีพี่สะกิดข้างหลัง แล้วยื่นเสื้อกันฝนแจกๆมาให้ เฮ้ยยย พี่เค้าพร้อมกันมากจริงๆ
แล้วเราก็แล่นเรือต่อไปเรื่อยๆ จนผ่านเมฆดำก้อนใหญ่ก้อนนั้นไป
แล้วเราก็เจอฟ้าสวย มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านมาเป็นลำอีกครั้ง มันสวยจริงๆ
นี่เราแล่นเรือกันมาเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของวาฬบรูด้า
ถามว่าทะเลกว้างมาก เราจะรู้ได้ไงว่าวาฬอยู่ตรงไหน คือ แล่นไปเรื่อยๆ ไร้ทิศทาง แล้วแต่บุญแต่กรรมและโชคที่มีเหรอ
แหมะ ก็ไม่ถึงขนาดน๊านนน
คนที่ออกไปดูวาฬเนี่ย วันนึงๆ ไม่ได้มีเราแค่ลำเดียว ยังมีเรืออีกหลายลำเลยที่เค้าออกไปดูกัน เพราะฉะนั้นเค้าก็จะวิทยุวอหากันเรื่อยๆ ใครเจอก็จะรีบวอมาบอกว่าถึงไหน เราได้ยินเสียงวิทยุแว่วๆมาเป็นระยะๆ
“เจอ 2 ตัวๆๆๆ”
“มันอ้าปากแล้วๆ”
“โหหห อ้านานด้วย”
ได้ยินที พี่ชาวประมงเค้าก็เร่งเรือที เราก็ลุกหือ ชะเง้อมองไปข้างหน้า ด้วยความตื่นเต้นกันที ไหนว้า วาฬบรูด้า!
ระหว่างแล่นเรือ ยังไม่เจอวาฬ เราก็ถ่ายวิวข้างๆกันไป ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากหรอก ทะเล ท้องฟ้า ประภาคาร นก และเรือที่ออกไปหาวาฬเหมือนกันเนี่ยแหละ 555
และแล้วตอนอีก 15 นาทีจะเที่ยง เราก็มาถึงจุดที่เจอวาฬแล้ว!
พี่ชาวประมงก็เร่งเรือเต็มกำลัง เราเริ่มเห็นฝูงนกสีขาวอยู่ข้างหน้าลิบ ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป แล้วพี่เค้าก็จอดเรือ
พอจอดเรือเท่านั้นแหละ เธอเอ้ยยยย เรือมันโคลงมาก! โคลงแบบ เฮ้ย นี่เรานั่งอยู่บนเรือหรือบนคลื่นเพียวๆวะเนี่ย!
ทุกคนบนเรือกรูกันเข้าไปที่ข้างเรือฝั่งที่ฝูงนกบินวนกันบนผิวน้ำ และแล้ว วาฬบรูด้าก็โผล่มาอ้าปากกินปลากระตักให้เราเห็น!
เฮ้ยยย ปลาวาฬตัวเป็นๆในทะเลจริงๆ ครั้งแรกของเรา!
ถึงจะเป็นระยะที่ไม่ได้ใกล้มากนัก แต่ก็พอรู้ว่ามันตัวใหญ่มาก!
คือกล้องที่อยู่บนเรือทุกตัว ไม่นับกล้องมือถือนะ ของทุกคนนี่ติดเลนส์ Tele Zoom กันทั้งน้านนน มีของเราเป็นเลนส์ kit 16-50 mm. อยู่คนเดียว ได้รูปนี้มาแล้วพอค่า เก็บกล้อง พี่คงสู้กล้องตัวอื่นมิไหวจริงๆ ดูตาเปล่าดีกว่า 555
ในขณะที่ทุกคนยังคงจ่อกล้องรอปลาวาฬ มวลสารในท้องเราก็เริ่มมาละ น้ำย่อยเริ่มตีขึ้นมา เมาเรือสิค้า!
ปกติเราเป็นคนไม่มีปัญหาเวลานั่งเรือนะ ยกเว้นเวลาเรือจอด เพราะมันจะโคลงมากกกก ถึงมากที่สุด
ณ.จุดนี้ ตามสบายเลยค่าทุกคน เราขอไปนั่งอย่างสงบ รับลมอีกฝั่งนึงของลำเรือ
พี่เค้าจอดให้ดูอยู่เกือบชั่วโมง จนพี่วาฬเค้าว่ายหนีไปไกลจนเราไม่น่าจะตามไปได้แล้ว
ตอนนั้นบ่ายโมงกว่าๆ พี่ชาวประมงก็เริ่มออกเรือ หันหัวพาเรากลับเข้าฝั่ง หลังจากเราจะไม่มีรูปบรรยากาศขาล่องเรือกลับใดๆทั้งสิ้น เราขอยาแก้เมาพี่เค้าอีกเม็ด แล้วล้มนอนเลยค่า
คือขากลับเป็นอะไรที่โหดมาก ทุกคนเมาเรือ ย้ำว่าทุกคน!
อากาศดีๆตอนเช้าหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ กลายเป็นแดดเปรี้ยงแบบเผาเราเกรียมได้เลย
และเราที่ลุกขึ้นมานั่งไม่ได้เลย ต้องนอนหลับบนเรือไม้แข็งๆโคลงๆ โดยที่มีผ้าแบบใช้ทำถุงหอบของสำเพ็งคลุมตัวบังแดด ซึ่งมันอบมาก
ภาพตัดมาก เราได้ยินเสียง
พี่ปุ่น: “ไผ่ ไผ่ ถึงแล้ว”
เราสะลึม สะลือเปิดผ้าขึ้นมา ยังอุตส่าห์พูดกับพี่ปุ่นได้อยู่ว่า “สุก ทานได้พอดีเลยค่าพี่ปุ่น” 555
พี่บนเรือบอกว่า “นี่หนูหลับเหรอ พี่นึกว่าหนูสลบไปแล้ว”
555 จุดนี้เรียกว่านอนตายเลยดีกว่าค่ะพี่
เราถึงฝั่งบ่ายสามโมงกว่า นี่เรานอนในสภาพนั้นมา 2 ชั่วโมงได้ เป็น 2 ชั่วโมงที่ทรมานมาก
สภาพทุกคนแย่พอกัน ทุกคนเกรียมแดด และเมาเรือ เราถือว่าเราโชคดีมากที่มาครั้งนี้แล้วเราได้เจอวาฬบรูด้า ไม่งั้น เราคงไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะเราคงไม่มาอีกแล้ว ป้าไม่ไหวแล้วค่า ป้าแก่แล้ว 5555
พอตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งได้แล้ว เราไปสวัสดีพี่ๆ แล้วก็แยกย้ายกันกลับ รวมรวบพลังเฮือกสุดท้ายที่จะต้องขับรถอีกเกือบ 2 ชั่วโมงกลับกรุงเทพ
พอได้ขึ้นฝั่ง ได้มานั่งตากแอร์ในรถ อาการเราเริ่มดีขึ้น เราขับผ่านเส้นทางเดิมเมื่อตอนเช้า ที่เราต้องขับตามกันเป็นขบวน และต้องเร่งทำเวลามาลงเรือ พอขากลับ เราแยกย้ายกันกลับแล้ว
ลูกไผ่: “พี่ปุ่น แวะจอดลงไปถ่ายรูปหน่อยมั้ยคะ ไหนๆก็มาแล้ว”
พี่ปุ่น: “ได้ซี่”
เราวกรถเข้าจอดข้างทางที่เป็นจุดชมวิวพอดี พากันสะพายกล้องฝ่าเดินเปรี้ยงมาถ่ายรูปข้างทาง
ข้างทางเป็นนาเกลือโล่งๆ มีบ้านหลังเล็กๆ รู้สึกว่าจะเป็นที่ที่เค้าเอาไว้เก็บเกลือสร้างไว้เป็นจุดๆ น่ารักดี
เอาน่า อย่างน้อยเราก็ได้วิวข้างทางสวยๆกลับบ้าน ^^
ดูรูปทริปเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/wherewegopage