สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 30
ทำไมเครื่องบินโดยสารถึงไม่มีร่มชูชีพ ?!?!? #ขอเคลียร์ ให้รู้เรื่องหน่อย !
"เครื่องบินขัดข้อง ทำไมไม่ติดตั้งร่มชูชีพให้ผู้โดยสารกระโดดออกล่ะ?"
เป็นประโยคที่บรรดานักบินได้ยินกันบ่อย และหลาย ๆ ท่านมีความเชื่อว่า นักบินเครื่องบินพานิชย์นั้นกระโดดร่มเป็น !
เรามาพูดคุยกันถึงพื้นฐานของการกระโดดร่มกันก่อนครับ การกระโดดร่มอย่างที่เราเห็นกันในภาพยนตร์ จะมีทั้งเป็นแบบที่เรียกว่า
- การกระโดดแบบ Tandem and Accelerated Free Fall (AFF) นั่นคือ
การกระโดดดิ่งพสุธาลงมา ตั้งแต่ความสูง 10,000 ฟุต ถึง 15,000 ฟุต แล้ว
กระตุกร่ม และ
- การกระโดดแบบ Static Jump คือการเอาสายกระตุกร่มไปเกี่ยวไว้กับสายสลิงบนเครื่องบิน
พอเรากระโดดออกมา ร่มมันก็จะกางเอง ซึ่งการกระโดดแบบ Static Jump จะใช้ความสูงไม่มาก แค่ 4,000 ฟุต ก็กระโดดได้แล้ว
การกระโดดร่มทั้งสองแบบนี้ ผู้ที่จะสามารถทำการกระโดดได้ จะต้องผ่านการฝึกภาคพื้น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมร่างกายในอากาศ การควบคุมร่ม สัญญาณมือ ความรู้เกี่ยวกับหลักนิรภัยต่าง ๆ ซึ่งใช้เวลาอย่างต่ำเป็นวัน จึงจะสามารถออกไปกระโดดกับครูได้ ย้ำว่าไปกระโดดกับครูนะครับ !!
เครื่องบินโดยสาร ยกตัวอย่างเช่น Airbus A320 ทำการบินเดินทางที่ความเร็วตั้งแต่ 500-750 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงไม่ต่ำกว่า 30,000 ฟุต
บรรทุกผู้โดยสารได้มากสุด 120 คน...........
ทีนี้เรามาดูกันว่าเพราะเหตุใดเครื่องบินโดยสารจึงไม่มีร่มชูชีพให้ใช้
เหตุผลข้อที่ 1 -- เราจะฝึกผู้โดยสารอย่างไรให้กระโดดร่มเป็นล่ะ?
แน่นอนครับ ไม่มีทางที่เราจะย่นเวลาการฝึกกระโดดร่มเป็นวัน ๆ ให้เหลือแค่ในชั่วระยะเวลาไม่กี่นาที ลำพังแค่การสาธิตความปลอดภัยไม่กี่นาที คนส่วนใหญ่ยังจะไม่ค่อยจะสนใจดูกันเลย ให้มาตั้งหน้าตั้งตาเรียนหลักสูตรกระโดดร่มแบบเร่งรัด คงจะไม่มีใครสนหรอกครับ
ขนาดการใส่หน้ากากออกซิเจนยังจะทำกันไม่ถูกเลย อันนี้ให้ประกอบชุดร่มเข้ากับตัว ประกอบผิด กางไม่ออก ยิ่งจะทำให้เป็นอันตรายหนักกว่าเก่า
เหตุผลข้อที่ 2 -- อุปกรณ์กระโดดร่ม
ตัวอุปกรณ์กระโดดร่มเอง ไม่ว่าจะเป็นร่มหลัก/ร่มสำรอง สายร่ม ชุดกระโดด หมวกนิรภัย แว่นตา เครื่องวัดความสูง มีน้ำหนักร่วม 20 กิโลกรัม ชุดหนึ่งมีราคาหลายหมื่นบาท ถ้าไม่นับเรื่องค่าใช้จ่าย การเอาร่มชูชีพ 100 กว่าชุด
น้ำหนักร่วม 2-3 ตัน มาไว้บเครื่องบินเพื่อมารองรับกับสถานการณ์ที่แทบจะเกิดขึ้นเพียง 1 ในล้าน เป็นอะไรที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเสียเท่าไรนะครับ
เหตุผลข้อที่ 3 -- เครื่องบินโดยสารบินสูงและเร็ว
ความสูงที่เครื่องบินโดยสารใช้ทำการบิน สูงเกือบ 3-4 เท่าของความสูงของการกระโดด Free Fall ปกติ นั่นหมายถึง ผู้โดยสารจะต้องทำการกระโดดร่มแบบที่เรียกว่า HALO Jump (High Altitude Low Opening) ซึ่งเป็นการกระโดดร่มทางยุทธวิธี (Tactical Jump) ฝึกกันเฉพาะในหน่วยรบพิเศษ เช่น SEAL SAS
แม้ว่าผู้โดยสารสามารถกระโดด HALO ได้ ก็จะต้องมีถังออกซิเจน กับชุดเครื่องช่วยหายใจ เพราะอากาศที่เบาบาง ณ ระดับความสูงนั้น ส่งผลให้หมดสติจากสภาวะพร่องออกซิเจน (Hypoxia) ได้ภายใน 1-2 นาที
ต่อให้มีอุปกรณ์ครบพร้อมโดด ที่ความเร็ว 500-750 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของเครื่องบินโดยสารขณะทำการบิน และด้วยขนาดของเครื่องบินโดยสาร ไม่มีทางที่ผู้โดยสารจะสามารถกระโดดออกมาได้โดยไม่เสี่ยงที่จะไปชนเข้ากับส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องบิน
เหตุผลข้อที่ 4 -- อุบัติเหตุส่วนมากไม่ได้เกิดขณะที่เครื่องบินกำลังบินเดินทางอยู่
ร่มชูชีพจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินกำลังบินเดินทาง (Cruise) นั่นก็คือบินนิ่ง ๆ ไม่ไต่/ลดระดับ
แต่ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่า อัตราการเกิดอุบัติเหตุในช่วงที่เครื่องบินบินเดินทางอยู่นั้น คิดเป็นร้อยละ 15 จากระยะเวลาทั้งหมดในการทำการบิน
อุบัติเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินกำลังวิ่งขึ้น และร่อนลงจอด แน่นอนว่า ขณะที่กำลังร่อนลงจอดที่ระดับความสูง 1,000-2,000 ฟุต ต่อให้
มีร่มพร้อมกระโดด ก็ไม่มีเวลากระโดดอยู่ดีครับ
เหตุผลข้อที่ 5 -- มนุษย์ !
การกระโดดร่มของทหารนั้น เป็นไปอย่างมีระเบียบ นั้นก็คือ มีการตรวจร่ม ตรวจอุปกรณ์ การยืนขึ้นเรียงแถว เดินไปยังจุดยืนประตู แล้วก็กระโดดออกมาเป็นเป็นชุด ๆ
ทีนี้ คิดภาพคนไม่ต่ำกว่า 100 คน อยู่ในภาวะตื่นตระหนกตกใจ ถ้าไม่เหยียบกันตายเพื่อแย่งกันไปที่ประตูเครื่องบิน หลายคนจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ประกอบชุดกระโดดยังไง? ประกอบได้แล้วต้องยืนรอกระโดดออกไปทีละคน
กระโดดออกมาแล้วดึงสายร่มตรงไหน? ร่มหลักไม่กางร่มสำรองดึงยังไง?
แค่การอพยพออกจากเครื่องบินบนพื้นดินด้วย Slide หลาย ๆ คนยังไม่ปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยเลย เช่น ให้ถอดรองเท้า ห้ามไม่ให้นำส่งของติดตัวออกมา
ในเหตุการณ์ปกติ แค่ตอนเครื่องบินเข้าจอดที่สนามบินแล้วต้องรอให้ผู้โดยสารออกจากเครื่องบิน ยังจะรอกันไม่ได้เลย แล้วถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้น ใครมันจะไปรอล่ะครับ? ตัวใครตัวมัน ใครแกร่งคนนั้นรอด ตามสัณชาตญาณ Survival of the Fittest ถูกไหมล่ะครับ ??
อย่างไรก็ดี อาจจะมีการคิดค้นเทคโนโลยีร่มเพื่อความปลอดภัยที่ติดกับ
เครื่องบินขึ้นมาในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้งานในเครื่องบินขนาดเล็ก
เช่น Cirrus SR-22 (ในภาพ) แต่สำหรับเครื่องบินพานิชย์ใหญ่ ๆ ยังไม่มีความเป็นไปได้ในปัจจุบัน
"เครื่องบินขัดข้อง ทำไมไม่ติดตั้งร่มชูชีพให้ผู้โดยสารกระโดดออกล่ะ?"
เป็นประโยคที่บรรดานักบินได้ยินกันบ่อย และหลาย ๆ ท่านมีความเชื่อว่า นักบินเครื่องบินพานิชย์นั้นกระโดดร่มเป็น !
เรามาพูดคุยกันถึงพื้นฐานของการกระโดดร่มกันก่อนครับ การกระโดดร่มอย่างที่เราเห็นกันในภาพยนตร์ จะมีทั้งเป็นแบบที่เรียกว่า
- การกระโดดแบบ Tandem and Accelerated Free Fall (AFF) นั่นคือ
การกระโดดดิ่งพสุธาลงมา ตั้งแต่ความสูง 10,000 ฟุต ถึง 15,000 ฟุต แล้ว
กระตุกร่ม และ
- การกระโดดแบบ Static Jump คือการเอาสายกระตุกร่มไปเกี่ยวไว้กับสายสลิงบนเครื่องบิน
พอเรากระโดดออกมา ร่มมันก็จะกางเอง ซึ่งการกระโดดแบบ Static Jump จะใช้ความสูงไม่มาก แค่ 4,000 ฟุต ก็กระโดดได้แล้ว
การกระโดดร่มทั้งสองแบบนี้ ผู้ที่จะสามารถทำการกระโดดได้ จะต้องผ่านการฝึกภาคพื้น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมร่างกายในอากาศ การควบคุมร่ม สัญญาณมือ ความรู้เกี่ยวกับหลักนิรภัยต่าง ๆ ซึ่งใช้เวลาอย่างต่ำเป็นวัน จึงจะสามารถออกไปกระโดดกับครูได้ ย้ำว่าไปกระโดดกับครูนะครับ !!
เครื่องบินโดยสาร ยกตัวอย่างเช่น Airbus A320 ทำการบินเดินทางที่ความเร็วตั้งแต่ 500-750 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงไม่ต่ำกว่า 30,000 ฟุต
บรรทุกผู้โดยสารได้มากสุด 120 คน...........
ทีนี้เรามาดูกันว่าเพราะเหตุใดเครื่องบินโดยสารจึงไม่มีร่มชูชีพให้ใช้
เหตุผลข้อที่ 1 -- เราจะฝึกผู้โดยสารอย่างไรให้กระโดดร่มเป็นล่ะ?
แน่นอนครับ ไม่มีทางที่เราจะย่นเวลาการฝึกกระโดดร่มเป็นวัน ๆ ให้เหลือแค่ในชั่วระยะเวลาไม่กี่นาที ลำพังแค่การสาธิตความปลอดภัยไม่กี่นาที คนส่วนใหญ่ยังจะไม่ค่อยจะสนใจดูกันเลย ให้มาตั้งหน้าตั้งตาเรียนหลักสูตรกระโดดร่มแบบเร่งรัด คงจะไม่มีใครสนหรอกครับ
ขนาดการใส่หน้ากากออกซิเจนยังจะทำกันไม่ถูกเลย อันนี้ให้ประกอบชุดร่มเข้ากับตัว ประกอบผิด กางไม่ออก ยิ่งจะทำให้เป็นอันตรายหนักกว่าเก่า
เหตุผลข้อที่ 2 -- อุปกรณ์กระโดดร่ม
ตัวอุปกรณ์กระโดดร่มเอง ไม่ว่าจะเป็นร่มหลัก/ร่มสำรอง สายร่ม ชุดกระโดด หมวกนิรภัย แว่นตา เครื่องวัดความสูง มีน้ำหนักร่วม 20 กิโลกรัม ชุดหนึ่งมีราคาหลายหมื่นบาท ถ้าไม่นับเรื่องค่าใช้จ่าย การเอาร่มชูชีพ 100 กว่าชุด
น้ำหนักร่วม 2-3 ตัน มาไว้บเครื่องบินเพื่อมารองรับกับสถานการณ์ที่แทบจะเกิดขึ้นเพียง 1 ในล้าน เป็นอะไรที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเสียเท่าไรนะครับ
เหตุผลข้อที่ 3 -- เครื่องบินโดยสารบินสูงและเร็ว
ความสูงที่เครื่องบินโดยสารใช้ทำการบิน สูงเกือบ 3-4 เท่าของความสูงของการกระโดด Free Fall ปกติ นั่นหมายถึง ผู้โดยสารจะต้องทำการกระโดดร่มแบบที่เรียกว่า HALO Jump (High Altitude Low Opening) ซึ่งเป็นการกระโดดร่มทางยุทธวิธี (Tactical Jump) ฝึกกันเฉพาะในหน่วยรบพิเศษ เช่น SEAL SAS
แม้ว่าผู้โดยสารสามารถกระโดด HALO ได้ ก็จะต้องมีถังออกซิเจน กับชุดเครื่องช่วยหายใจ เพราะอากาศที่เบาบาง ณ ระดับความสูงนั้น ส่งผลให้หมดสติจากสภาวะพร่องออกซิเจน (Hypoxia) ได้ภายใน 1-2 นาที
ต่อให้มีอุปกรณ์ครบพร้อมโดด ที่ความเร็ว 500-750 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของเครื่องบินโดยสารขณะทำการบิน และด้วยขนาดของเครื่องบินโดยสาร ไม่มีทางที่ผู้โดยสารจะสามารถกระโดดออกมาได้โดยไม่เสี่ยงที่จะไปชนเข้ากับส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องบิน
เหตุผลข้อที่ 4 -- อุบัติเหตุส่วนมากไม่ได้เกิดขณะที่เครื่องบินกำลังบินเดินทางอยู่
ร่มชูชีพจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินกำลังบินเดินทาง (Cruise) นั่นก็คือบินนิ่ง ๆ ไม่ไต่/ลดระดับ
แต่ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่า อัตราการเกิดอุบัติเหตุในช่วงที่เครื่องบินบินเดินทางอยู่นั้น คิดเป็นร้อยละ 15 จากระยะเวลาทั้งหมดในการทำการบิน
อุบัติเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินกำลังวิ่งขึ้น และร่อนลงจอด แน่นอนว่า ขณะที่กำลังร่อนลงจอดที่ระดับความสูง 1,000-2,000 ฟุต ต่อให้
มีร่มพร้อมกระโดด ก็ไม่มีเวลากระโดดอยู่ดีครับ
เหตุผลข้อที่ 5 -- มนุษย์ !
การกระโดดร่มของทหารนั้น เป็นไปอย่างมีระเบียบ นั้นก็คือ มีการตรวจร่ม ตรวจอุปกรณ์ การยืนขึ้นเรียงแถว เดินไปยังจุดยืนประตู แล้วก็กระโดดออกมาเป็นเป็นชุด ๆ
ทีนี้ คิดภาพคนไม่ต่ำกว่า 100 คน อยู่ในภาวะตื่นตระหนกตกใจ ถ้าไม่เหยียบกันตายเพื่อแย่งกันไปที่ประตูเครื่องบิน หลายคนจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ประกอบชุดกระโดดยังไง? ประกอบได้แล้วต้องยืนรอกระโดดออกไปทีละคน
กระโดดออกมาแล้วดึงสายร่มตรงไหน? ร่มหลักไม่กางร่มสำรองดึงยังไง?
แค่การอพยพออกจากเครื่องบินบนพื้นดินด้วย Slide หลาย ๆ คนยังไม่ปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยเลย เช่น ให้ถอดรองเท้า ห้ามไม่ให้นำส่งของติดตัวออกมา
ในเหตุการณ์ปกติ แค่ตอนเครื่องบินเข้าจอดที่สนามบินแล้วต้องรอให้ผู้โดยสารออกจากเครื่องบิน ยังจะรอกันไม่ได้เลย แล้วถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้น ใครมันจะไปรอล่ะครับ? ตัวใครตัวมัน ใครแกร่งคนนั้นรอด ตามสัณชาตญาณ Survival of the Fittest ถูกไหมล่ะครับ ??
อย่างไรก็ดี อาจจะมีการคิดค้นเทคโนโลยีร่มเพื่อความปลอดภัยที่ติดกับ
เครื่องบินขึ้นมาในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้งานในเครื่องบินขนาดเล็ก
เช่น Cirrus SR-22 (ในภาพ) แต่สำหรับเครื่องบินพานิชย์ใหญ่ ๆ ยังไม่มีความเป็นไปได้ในปัจจุบัน
ความคิดเห็นที่ 3
มีใช้งานมาพักใหญ่แล้วครับ แต่ได้กับเครื่องบินขนาดเล็กเท่านั้น
อันนี้เป็นการใช้งานจริง ที่ยามฝั่งถ่ายวิดีโอไว้ได้

สังเกตขนาดของร่มชูชีพกับขนาดของเครื่องบินนะครับ แล้วลองขยายเครื่องบินเป็น
Boeing 747 หรือ Airbus 380 ขนาดของร่มชูชีพจะต้องใหญ่แค่ไหน (ยังไม่ต้อง
คิดประเด็นอื่น เช่น ความเร็วของเครื่องบิน)
อันนี้เป็นการใช้งานจริง ที่ยามฝั่งถ่ายวิดีโอไว้ได้

สังเกตขนาดของร่มชูชีพกับขนาดของเครื่องบินนะครับ แล้วลองขยายเครื่องบินเป็น
Boeing 747 หรือ Airbus 380 ขนาดของร่มชูชีพจะต้องใหญ่แค่ไหน (ยังไม่ต้อง
คิดประเด็นอื่น เช่น ความเร็วของเครื่องบิน)
แสดงความคิดเห็น
ทำไมเครื่องบินถึงไม่คิดร่มชูชีพขนาดใหญ่ไว้สำหรับเวลาเครื่องตกครับ