
GEELY นับเป็นแบรนด์ที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า GEELY EX5 ที่มีบริษัท ธนบุรีนอยเสติร์น จำกัด เป็นผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จีลี่ (GEELY) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และประสบความสำเร็จทางการตลาดจนนำไปสู่การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศจำนวนทั้งสิ้น 22 สาขา และมีแผนขยายให้ครบ 30 สาขาภายในสิ้นปี 2568 นี้
ล่าสุด! กลุ่มบริษัท จีลี่ โฮลดิ้ง ผู้พัฒนาและคิคค้นนวตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ GEELY ร่วมกับ บริษัท ธนบุรีนอยเสติร์น จำกัด ได้เดินหน้ารุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานใหม่อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมประกาศเปิดตัวนวัตกรรม EM Super Hybrid ระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของเทคโนโลยี GEA (Global Intelligent Electric Architecture) เทคโนโลยีแพลตฟอร์มอัจฉริยะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเอกสิทธิ์เฉพาะของ จีลี่ เพื่อสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของแบรนด์ และเสริมความแข็งแกร่งให้ GEELY ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลก
แพลตฟอร์มอัจฉริยะ GEA มีจุดเด่นตรงที่สามารถรองรับขุมพลังทั้งรถยนต์ไฟฟ้า BEV (
Battery Electric Vehicle) รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด
PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) รถยนต์ไฟฟ้าพร้อมระบบขยายระยะทาง EREV (Extended Range Electric Vehicle) และรถยนต์ไฮบริดเมทานอลไฟฟ้า (e-Methanol) ด้วยเหตุนี้เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม GEA จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการมอบทางเลือกใหม่ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงให้แก่ผู้ขับขี่ทั่วโลก
สำหรับในส่วนของนวัตกรรม EM PHEV Super Hybrid ที่เปิดตัวใหม่นี้ “GEELY” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งยนตรกรรมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริดอย่างแท้จริง โดยมีสองรูปแบบคือ EM-i และ EM-P ที่มีจุดเด่นแตกต่างกันดังนี้
EM-i ความประหยัดที่มอบประสิทธิภาพและสมรรถนะสูงสุด
ระบบขับเคลื่อน EM-i PHEV Super Hybrid เสริมประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ขั้นสูง พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นและยังเพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้ไกลขึ้นกว่าเดิม สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 2,100 กิโลเมตร ต่อการเติมน้ำมันเต็มถังและการชาร์จแบตเตอรี่เต็มหนึ่งครั้ง มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 2.49 ลิตรต่อ 100 กม. ในโหมด Low-SOC (ระดับประจุไฟต่ำ)
มีการจัดการพลังงานที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีระบบ AI ทำให้ขุมพลัง EM-i ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ตามสภาพการขับขี่ สภาพถนน และพฤติกรรมของผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ เพื่อให้เกิดความประหยัดและคุ้มค่าสูงสุดด้านอัตราสิ้นเปลืองทั้งปริมาณน้ำมันและกระแสไฟฟ้า พร้อมรองรับการอัปเดตระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ ผ่าน OTA (Over-the-Air) สะท้อนให้เห็นถึงความมีประสิทธิภาพและความล้ำสมัยของระบบปลั๊กอินไฮบริดแบบ EM-i
EM-P สมรรถนะที่มั่นใจ เร้าใจ และปลอดภัย ในทุกสถานการณ์
ระบบขับเคลื่อน EM-P PHEV Super Hybrid ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ (All-Wheel Drive) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและความปลอดภัยในทุกสภาพถนน ขุมพลัง EM-P สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที เทียบเท่ากับรถยนต์ซุปเปอร์คาร์บางรุ่น
ระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด EM-P โดดเด่นตรงที่มีระบบสำรองพลังงานจาก 5 แหล่ง ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าสองตัว เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลังสองตัวแบบอิสระ โครงสร้างพลังงานสำรองนี้ช่วยเสริมการควบคุมได้อย่างแม่นยำแม้ในสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมาย เช่น ยางระเบิด หรือ สูญเสียแรงยึดเกาะ ทั้งยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานความมั่นใจด้านระบบความปลอดภัยแบบรถอเนกประสงค์ (SUV) เข้ากับความปราดเปรียวที่แรงเร้าใจแบบรถสปอร์ตได้สมบูรณ์แบบ ด้วยการทำงานร่วมกันของระบบกระจายแรงบิดอัจฉริยะที่รองรับทุกสภาพถนน รวมถึงระบบการจัดการเสถียรภาพขับขี่ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำสมัย
อย่างไรก็ตม EM PHEV Super Hybrid ของ GEELY ไม่ได้เป็นเพียงระบบขับเคลื่อนหากแต่เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่มีการผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบครอบคลุมทุกด้าน (Omni-domain AI) ที่รวมเอาการประมวลผลประสิทธิภาพสูง การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ และการประมวลผลอัลกอริธึมขั้นสูงเข้ามาทำงานร่วมกัน ช่วยให้สามารถผสานทุกสมรรถนะ ความปลอดภัย และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่ยุคใหม่
ถอดรหัสความประหยัดของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i
หัวใจของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i คือเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพเชิงความร้อนถึง 47.26% ถือเป็นระดับสูงสุดของระบบไฮบริดในปัจจุบัน เครื่องยนต์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาผ่านการจำลองด้วย AI ที่เป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตรของ GEELY ซึ่งผ่านการจำลองมากกว่าหนึ่งล้านครั้ง เพื่อปรับแต่งอัตราส่วนกำลังอัด ดีไซน์รูปทรงของห้องเผาไหม้ และลักษณะทางพลศาสตร์การไหลเวียนของอากาศที่สมบูรณ์แบบ
ผลลัพธ์ที่ได้คืออัตราการเผาไหม้ที่รวดเร็วขึ้น 10% พร้อมกับความเข้มข้นการไหลเวียนในห้องเผาไหม้ (Turbulence Intensity) ที่เพิ่มขึ้นถึง 42% ส่งผลให้กระบวนการเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างคุ้มค่าในทุกสภาพการขับขี่
อย่างไรก็ตาม การทดสอบจริงโดยสถาบันวิจัยวิศวกรรมยานยนต์แห่งประเทศจีน (CAERI) พบว่า เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 2.67 ลิตรต่อ 100 กม. ในโหมด Low SOC (ระดับประจุไฟต่ำ) แม้ในขณะพลังงานแบตเตอรี่หมด เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i ยังคงให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการขับขี่
GEELY Starray ถูกติดตั้งด้วยระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ ภายใต้ชื่อ “EM PHEV Super Hybrid” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รุ่นใหม่ล่าสุดของ GEELY และได้เปิดตัวต่อสาธารณชนไปแล้วในหลายประเทศทั่วโลก
สมรรถนะที่มาพร้อมความอัจฉริยะ
ความอัจฉริยะของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i ไม่ได้อยู่ที่คุณภาพของชิ้นส่วนเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงระบบซอฟต์แวร์ที่กำหนดการทำงานทั้งหมดด้วยสถาปัตยกรรม AI แบบครอบคลุมทุกด้าน (Omni-domain AI) ของ GEELY ระบบจะเรียนรู้จากพฤติกรรมผู้ขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุกของตัวรถ เพื่อปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสมแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีอัตราประสิทธิภาพการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงถึง 92.8% เป็นผลจากเทคโนโลยีระบบส่งกำลังเอกสิทธิ์เฉพาะของ GEELY สามารถแยกการทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ลดแรงต้านและการสูญเสียพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ EM-i ยังเป็นระบบไฮบริดรุ่นแรกที่ใช้ AI ปรับอัตราทดเกียร์ ระหว่างเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่ โดยระบบจะวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และการใช้พลังงาน เพื่อปรับอัตราทดเกียร์ให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมลดการใช้เชื้อเพลิง แต่ยังคงสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
เทคโนโลยีที่รองรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในคุณสมบัติเด่นที่ตอบโจทย์การใช้งานในอนาคตระยะยาวของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i ได้แก่ ความสามารถในการอัปเกรดผ่าน OTA (Over-the-Air) ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับการปรับปรุงและอัปเกรดระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ จากระยะไกลผ่าน ระบบ AI อัลกอริธึม เพื่อการจัดการพลังงาน และการปรับแต่งระบบต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ชุดระบบขับเคลื่อนคงทันสมัยแม้ผ่านการใช้งานไปอย่างยาวนาน สะท้อนการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการได้อย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการเรียนรู้ ปรับตัว และพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี้ ส่งผลให้เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i มีความโดดเด่นมากกว่าระบบไฮบริดแบบอื่นๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์
การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานระดับโลก
เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i ผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำหลายแห่งในฐานะนวัตกรรมไฮบริดล้ำสมัย อาทิ การรับรองประสิทธิภาพการใช้พลังงานแบบรอบด้าน (Omni-domain Energy Efficiency Certificate) การรับรองอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในโหมดแบตเตอรี่ต่ำ (Low-SOC) จาก CAERI (China Automotive Engineering Research Institute) รวมถึงผลการทดสอบจากองค์กรอิสระอีกหลายแห่งที่ต่างให้การยอมรับเทคโนโลยีดังกล่าวในฐานะหนึ่งในระบบไฮบริดที่ชาญฉลาดในระดับโลก
เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i Super Hybrid คือ บทพิสูจน์ถึงแผนงานและศักยภาพของ GEELY ในการพลิกโฉมระบบไฮบริดแบบดั้งเดิม ให้กลายเป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์มขับเคลื่อนอัจฉริยะที่ประหยัดพลังงาน ตอบสนองได้แบบเรียลไทม์ และสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต สะท้อนวิสัยทัศน์ของ GEELY ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะอย่างแท้จริง
ส่องระบบขับเคลื่อน EM Super Hybrid เอกสิทธิ๋ของ GEELY มีดีอะไร ?
GEELY นับเป็นแบรนด์ที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า GEELY EX5 ที่มีบริษัท ธนบุรีนอยเสติร์น จำกัด เป็นผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จีลี่ (GEELY) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และประสบความสำเร็จทางการตลาดจนนำไปสู่การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศจำนวนทั้งสิ้น 22 สาขา และมีแผนขยายให้ครบ 30 สาขาภายในสิ้นปี 2568 นี้
ล่าสุด! กลุ่มบริษัท จีลี่ โฮลดิ้ง ผู้พัฒนาและคิคค้นนวตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ GEELY ร่วมกับ บริษัท ธนบุรีนอยเสติร์น จำกัด ได้เดินหน้ารุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานใหม่อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมประกาศเปิดตัวนวัตกรรม EM Super Hybrid ระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของเทคโนโลยี GEA (Global Intelligent Electric Architecture) เทคโนโลยีแพลตฟอร์มอัจฉริยะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเอกสิทธิ์เฉพาะของ จีลี่ เพื่อสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของแบรนด์ และเสริมความแข็งแกร่งให้ GEELY ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลก
แพลตฟอร์มอัจฉริยะ GEA มีจุดเด่นตรงที่สามารถรองรับขุมพลังทั้งรถยนต์ไฟฟ้า BEV ( Battery Electric Vehicle) รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) รถยนต์ไฟฟ้าพร้อมระบบขยายระยะทาง EREV (Extended Range Electric Vehicle) และรถยนต์ไฮบริดเมทานอลไฟฟ้า (e-Methanol) ด้วยเหตุนี้เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม GEA จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการมอบทางเลือกใหม่ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงให้แก่ผู้ขับขี่ทั่วโลก
สำหรับในส่วนของนวัตกรรม EM PHEV Super Hybrid ที่เปิดตัวใหม่นี้ “GEELY” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งยนตรกรรมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริดอย่างแท้จริง โดยมีสองรูปแบบคือ EM-i และ EM-P ที่มีจุดเด่นแตกต่างกันดังนี้
ระบบขับเคลื่อน EM-i PHEV Super Hybrid เสริมประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ขั้นสูง พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นและยังเพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้ไกลขึ้นกว่าเดิม สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 2,100 กิโลเมตร ต่อการเติมน้ำมันเต็มถังและการชาร์จแบตเตอรี่เต็มหนึ่งครั้ง มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 2.49 ลิตรต่อ 100 กม. ในโหมด Low-SOC (ระดับประจุไฟต่ำ)
มีการจัดการพลังงานที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีระบบ AI ทำให้ขุมพลัง EM-i ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ตามสภาพการขับขี่ สภาพถนน และพฤติกรรมของผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ เพื่อให้เกิดความประหยัดและคุ้มค่าสูงสุดด้านอัตราสิ้นเปลืองทั้งปริมาณน้ำมันและกระแสไฟฟ้า พร้อมรองรับการอัปเดตระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ ผ่าน OTA (Over-the-Air) สะท้อนให้เห็นถึงความมีประสิทธิภาพและความล้ำสมัยของระบบปลั๊กอินไฮบริดแบบ EM-i
ระบบขับเคลื่อน EM-P PHEV Super Hybrid ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ (All-Wheel Drive) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและความปลอดภัยในทุกสภาพถนน ขุมพลัง EM-P สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที เทียบเท่ากับรถยนต์ซุปเปอร์คาร์บางรุ่น
ระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด EM-P โดดเด่นตรงที่มีระบบสำรองพลังงานจาก 5 แหล่ง ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าสองตัว เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลังสองตัวแบบอิสระ โครงสร้างพลังงานสำรองนี้ช่วยเสริมการควบคุมได้อย่างแม่นยำแม้ในสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมาย เช่น ยางระเบิด หรือ สูญเสียแรงยึดเกาะ ทั้งยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานความมั่นใจด้านระบบความปลอดภัยแบบรถอเนกประสงค์ (SUV) เข้ากับความปราดเปรียวที่แรงเร้าใจแบบรถสปอร์ตได้สมบูรณ์แบบ ด้วยการทำงานร่วมกันของระบบกระจายแรงบิดอัจฉริยะที่รองรับทุกสภาพถนน รวมถึงระบบการจัดการเสถียรภาพขับขี่ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำสมัย
อย่างไรก็ตม EM PHEV Super Hybrid ของ GEELY ไม่ได้เป็นเพียงระบบขับเคลื่อนหากแต่เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่มีการผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบครอบคลุมทุกด้าน (Omni-domain AI) ที่รวมเอาการประมวลผลประสิทธิภาพสูง การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ และการประมวลผลอัลกอริธึมขั้นสูงเข้ามาทำงานร่วมกัน ช่วยให้สามารถผสานทุกสมรรถนะ ความปลอดภัย และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่ยุคใหม่
หัวใจของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i คือเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพเชิงความร้อนถึง 47.26% ถือเป็นระดับสูงสุดของระบบไฮบริดในปัจจุบัน เครื่องยนต์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาผ่านการจำลองด้วย AI ที่เป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตรของ GEELY ซึ่งผ่านการจำลองมากกว่าหนึ่งล้านครั้ง เพื่อปรับแต่งอัตราส่วนกำลังอัด ดีไซน์รูปทรงของห้องเผาไหม้ และลักษณะทางพลศาสตร์การไหลเวียนของอากาศที่สมบูรณ์แบบ
ผลลัพธ์ที่ได้คืออัตราการเผาไหม้ที่รวดเร็วขึ้น 10% พร้อมกับความเข้มข้นการไหลเวียนในห้องเผาไหม้ (Turbulence Intensity) ที่เพิ่มขึ้นถึง 42% ส่งผลให้กระบวนการเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างคุ้มค่าในทุกสภาพการขับขี่
อย่างไรก็ตาม การทดสอบจริงโดยสถาบันวิจัยวิศวกรรมยานยนต์แห่งประเทศจีน (CAERI) พบว่า เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 2.67 ลิตรต่อ 100 กม. ในโหมด Low SOC (ระดับประจุไฟต่ำ) แม้ในขณะพลังงานแบตเตอรี่หมด เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i ยังคงให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการขับขี่
สมรรถนะที่มาพร้อมความอัจฉริยะ
ความอัจฉริยะของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i ไม่ได้อยู่ที่คุณภาพของชิ้นส่วนเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงระบบซอฟต์แวร์ที่กำหนดการทำงานทั้งหมดด้วยสถาปัตยกรรม AI แบบครอบคลุมทุกด้าน (Omni-domain AI) ของ GEELY ระบบจะเรียนรู้จากพฤติกรรมผู้ขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุกของตัวรถ เพื่อปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสมแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีอัตราประสิทธิภาพการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงถึง 92.8% เป็นผลจากเทคโนโลยีระบบส่งกำลังเอกสิทธิ์เฉพาะของ GEELY สามารถแยกการทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ลดแรงต้านและการสูญเสียพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ EM-i ยังเป็นระบบไฮบริดรุ่นแรกที่ใช้ AI ปรับอัตราทดเกียร์ ระหว่างเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่ โดยระบบจะวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และการใช้พลังงาน เพื่อปรับอัตราทดเกียร์ให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมลดการใช้เชื้อเพลิง แต่ยังคงสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
เทคโนโลยีที่รองรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในคุณสมบัติเด่นที่ตอบโจทย์การใช้งานในอนาคตระยะยาวของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i ได้แก่ ความสามารถในการอัปเกรดผ่าน OTA (Over-the-Air) ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับการปรับปรุงและอัปเกรดระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ จากระยะไกลผ่าน ระบบ AI อัลกอริธึม เพื่อการจัดการพลังงาน และการปรับแต่งระบบต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ชุดระบบขับเคลื่อนคงทันสมัยแม้ผ่านการใช้งานไปอย่างยาวนาน สะท้อนการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการได้อย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการเรียนรู้ ปรับตัว และพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี้ ส่งผลให้เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i มีความโดดเด่นมากกว่าระบบไฮบริดแบบอื่นๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์
การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานระดับโลก
เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i ผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำหลายแห่งในฐานะนวัตกรรมไฮบริดล้ำสมัย อาทิ การรับรองประสิทธิภาพการใช้พลังงานแบบรอบด้าน (Omni-domain Energy Efficiency Certificate) การรับรองอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในโหมดแบตเตอรี่ต่ำ (Low-SOC) จาก CAERI (China Automotive Engineering Research Institute) รวมถึงผลการทดสอบจากองค์กรอิสระอีกหลายแห่งที่ต่างให้การยอมรับเทคโนโลยีดังกล่าวในฐานะหนึ่งในระบบไฮบริดที่ชาญฉลาดในระดับโลก
เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน EM-i Super Hybrid คือ บทพิสูจน์ถึงแผนงานและศักยภาพของ GEELY ในการพลิกโฉมระบบไฮบริดแบบดั้งเดิม ให้กลายเป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์มขับเคลื่อนอัจฉริยะที่ประหยัดพลังงาน ตอบสนองได้แบบเรียลไทม์ และสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต สะท้อนวิสัยทัศน์ของ GEELY ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะอย่างแท้จริง