[CR] วันเพ็ญเดือนสิบสองหิมะนองเต็มสตรีท



ไปเที่ยวไหน ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าไปแล้วมีความสุขหรือเปล่า
การไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ทำให้กับข้าวที่ไทยอร่อยขึ้น ลมเย็นๆในภาคเหนือก็ดูสบายไปเลย

เริ่มจากการที่เราวางแผนจะเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสี ตัดสินใจกันอย่างไร้สติและสตางค์
เข็มหมุดปักลงตรงสิ้นเดือนพฤศจิกายน กลับจากเที่ยวก็จะโดนไฟนอลตบหน้า แต่เป็นคนซ่าๆ ก็ตัดสินใจว่า ไปค่ะ ลุย !


Plan
วันที่1 ueno , สวนสาธารณะ / ตึกม่วง
วันที่2 ศาลเจ้าเมจิ / ฮาราจูกุ / tokyo station / shibuya
วันที่3 Kawaguchiko
วันที่4 Fujikyu Highland
วันที่5 Kyoto
วันที่6 Osaka / Rinku Town outlet / Shinsaibashi-Dontoburi
วันที่7 Universal studio Japan (no express pass)
วันที่8 นั่งรถกลับโตเกียว / Shinjuku
วันที่9 กลับไทย


Pass = 6150 บาทโดยประมาณ เพราะเราปัดขึ้นเป็นเลขกลมๆ

1080 B -- Keisei skyliner+48 hrs. subway ticket
570   B -- Shinjuku to Kawaguchiko bus (จองจากไทย จ่ายเงินที่ญี่ปุ่น)
2500 B -- Kawaguchiko to Osaka night bus (จองออนไลน์ จ่ายที่ lawson)
1400 B -- Kansai thru pass 2days (จากเพจ JAP ที่ไทย)
+ใช้บริการ Taxi (ทั้งที่ kawa,osaka) หมดค่า taxi เป็นเงินไทยคนละประมาณ 300 B (3คน)
+ตอนที่ตั๋ว Day หมด มีใช้จ่ายค่ารถประมาณ 1000Y ขึ้นทั้งรถไฟ JR / subway ราคานี้รวมทั้ง Tokyo และ Osaka


___________________________________________


วันที่1 Ueno / สวนสาธารณะ / ตึกม่วง



นาริตะต้อนรับกันด้วยฟ้าหลังฝนขาวๆ
นั่งรถ Keisei skyliner มุ่งตรงสู่ ueno แล้วก็เดินวนๆเป็นคนมึนๆ กว่าจะหาจุดมุ่งหมายเจอ



   
แผนเริ่มพังตั้งแต่แลนมาร์คแรก เพราะเราไม่สนุกกันเลย ไม่มีอะไรทำ ของไม่ซื้อ เครปไม่กิน กาชาปองไม่เล่น
ตัดสินใจเดินข้ามถนนไปเพราะเห็นพื้นถนนสะอาด สีดำสนิท สวยกระชากจิตวิญญาณมาก
เราค้นพบสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมือง มีใบไม้เปลี่ยนสีและดอกบัวแห้ง ซึ่งดูตายตัดกันอย่างสิ้นเชิง



ต่อกันที่ตึกม่วง เป็นแหล่งช้อปที่โด่งดังมาก
ในส่วนนี้ไม่ขอลงรายละเอียดเยอะนะคะ คาดว่ามีหลายคนที่รีวิวไว้แล้ว
โดยส่วนตัวคิดว่าชั้น food and beverage น่าสนใจ เพราะซื้อขนมไปกินก็ถูกกว่า lawson , family อยู่หลายเยน

จากนั้นเราก็ใช้บัตร Tokyo subway ticket 48 hrs. กลับที่พัก
เราพักห่างจากชิบูย่า2สถานี เป็นที่พักของ airbnb
ด้วยความที่เหนื่อยจากการนั่งเครื่องมาทั้งคืน ต่อด้วยการเดินเล่นทั้งวัน
ทุกคนตกลงกันว่าจะขอไปเจอหน้า shibuya crossing street กันวันพรุ่งนี้ คืนนี้จึงจบลงที่ family mart

___________________________________________

วันที่ 2 ศาลเจ้าเมจิ / ฮาราจูกุ / tokyo station / shibuya

ช่วงสายๆของวันที่ 2 เราเริ่มกันที่ศาลเจ้าเมจิ ไม่ไกลจากชิบูย่ามากนัก นั่งรถไฟไปไม่ทันได้สติก็ถึงแล้ว




ยังจำความรู้สึกของวันนั้นได้ดีถึงตอนนี้ อากาศหนาวที่ลมพัดบางๆ ต้นไม้สีเขียว ตัดกับสีเหลือง
เป็นวันที่รู้สึกชอบอย่างบอกไม่ถูก เราเดินเข้าศาลเจ้าไปได้สักพัก รู้สึกว่าคนเยอะมาก เริ่มเสียงดัง
คิดว่าพอดีกว่า เดินออกมาตรงข้ามกับทางเข้าเมจิจิงกุ จะเป็นสะพานลอยพาไปอีกฝั่ง




คนน้อยมาก ถ่ายรูปกันสนุกเลย ไม่มีคนอื่นๆเป็นฉากหลัง
จุดนี้แวะถ่ายรูปกันเกือบชั่วโมง รู้สึกหนาวไม่ไหวแล้วจึงเดินกลับสถานี
แวะช้อปที่ร้านเสื้อผ้า WE GO สินค้าวัยรุ่นแนวสตรีท ของแบรนด์อเมริกาค่อนข้างถูกกว่าที่อื่น

จริงแล้ว เราไปแวะลง asakusa ก่อนจะต่อที่ tokyo station
ที่ asakusa คนเยอะมาก มากจนทำอะไรไม่สนุกแล้ว เลยแค่แวะทานข้าวแล้วต่อกันที่ tokyo station ทันทีแบบไม่คิดเสียดาย
ตัววัดสีแดงสวยน่าสนใจ แต่ความที่การค้าล้อมรอบ ทั้งร้านขนม ทั้งร้านเช่าชุดกิโมโน แย่งลูกค้ากัน
นักท่องเที่ยวเบียดเสียดเสียงดัง รู้สึกกดดันจนต้องขอลาไว้แค่ครึ่งชั่วโมงสั้นๆ

ที่ tokyo station มีการปรับปรุงหรือสร้างตึกเราไม่แน่ใจ
จึงได้แต่เดินเล่นบริเวณรอบๆซึ่งบรรยากาศโรแมนติคมาก





ใช้เวลาไปกับการเดินเล่น ซึมซับบรรยากาศ ความสะอาดและสงบท่ามกลางบ้านเมืองที่เจริญมากๆ
อากาศหนาว ท้องฟ้าสีขาวอย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่เวลาตอนนั้นควรจะมืดแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ shibuya




หาอะไรร้อนๆกินกันและกลับที่พัก เพราะตอนนั้นฟ้าสีขาวขึ้นเรื่อยๆ มีฝนตกบางๆ
ก่อนที่ตื่นเช้ามาโตเกียวจะเต็มไปด้วยหิมะ สถานีต่อไปของเราคือ Kawaguchiko station
ถ้าโตเกียวหิมะตกก็ไม่หวังเลยว่าที่คาวากูจิโกะจะฟ้าแจ่มใส
ความฝันที่จะไปเล่นฟูจิคิวไฮแลนด์ดูบางลงเหลือเกิน



เราใช้บริการรถบัสจากโตเกียวไปที่สถานีคาวากูจิโกะ
หลับๆตื่นๆตลอดทาง ไม่ไกลมากนัก รู้สึกถึงความหนาวขึ้นเรื่อยๆก่อนที่ลืมตามาพร้อมกับหัวใจเต้นแรง
เป็นหิมะแรกในชีวิต สีขาวสะอาด ดูนุ่มละมุน น่ารักเหลือเกิน
ในทางกลับกันนั้น ผลของความน่ารักทำให้เรายืนตัวสั่นหงึกๆ รอรถแทกซี่อยู่หน้าสถานี นานเกินครึ่งชั่วโมงท่ามกลางหิมะ
แค่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปยังเกรงใจสุขภาพตัวเอง การขยับตัวสักนิดช่างยากเย็น
รูปหิมะของเราจึงเริ่มต้นที่โรงแรม หลังจากที่ได้ฮีทเตอร์ช่วยไว้ ก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง






วันนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่โรงแรม ก่อนจะรวบรวมความกล้าและความพยายามออกไปเดินเล่น
เป็นประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต ใบไม้เปลี่ยนสีที่ถูกคลุมไปด้วยหิมะ จริงๆแล้วมันสวยมาก แต่ก็หนาวมากเหมือนกัน
ตามแผนแล้วเราจะนั่ง retro bus ไปท่องเที่ยวจุดต่างๆรอบคาวากจิโกะ แต่อุณหภูมิติดลบ 2 ทำให้เราไม่เสี่ยง
ขออยู่ดื่มนมร้อนๆที่โรงแรมจะสบายใจและกายมากกว่า

หิมะโปรยจนช่วงบ่ายของวันแดดออก หิมะเบาลง ทำให้เรากล้าออกไปเดินเล่นและถ่ายรูปอีกครั้ง
เดินไปจนถึง Supermarket ขนาดใหญ่ และก็ได้มื้อกลางวันร้อนๆเป็นยากิโซบะ+ปลาย่างซีอิ้ว



มื้อเย็นเป็นอาหารที่บาร์ของโรงแรม ก่อนที่เราจะตัดสินใจไป Fujikyu ในวันรุ่งขึ้น

___________________________________________

วันที่3 Fujikyu Highland

เป็นโชคดีของชีวิตมากจริงๆค่ะ หิมะหยุดตกแดดออกนกกระจอกออกจากรัง
มุ่งตรงสู่ Fujikyu highland พร้อมกับก้อนหิมะระหว่างทางที่หลงเหลืออยู่ สวยมากจริงๆ
วันนี้ฟ้าแจ่มใสเป็นใจให้เห็นฟูจิอย่างชัดเจน





ขึ้นรถไฟ1ป้าย ไปลงที่ Fujikyu Highland



มาถึงที่หมาย พร้อมกับข่าวร้ายในข่าวดีคือ สวนสนุกเปิด แต่เครื่องเล่นที่ตั้งใจจะมาฟาดฟันกันสักครั้ง
ทั้ง Eajanaika,Dodonpa,Fujiyama,Takabashi นั้น ปิดทั้งหมด
เลยซื้อบัตรเข้าสวนสนุก ไปเล่นเครื่องเล่นน้องๆ อย่าง Pizzala ระหว่างเดินได้ยินเสียงประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่น
ฟังออกคำเดียวคือ Takabisha วิ่งค่ะ วิ่งแบบไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น แต่วิ่งจนไปถึงเครื่องเล่น เซอไพรส์มาก takabisha เปิด

การรีวิวของ takabisha : ควรมาเล่นสักครั้งในชีวิต และแค่ครั้งเดียวพอค่ะ ไม่เอาอีกแล้ว เหมือนตายทั้งเป็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

วันนั้นเราก็วนเวียนที่สวนสนุก เดินถ่ายรูปกินเครป
และเล่นอีกเครื่องเล่นคือ pizzala ที่ว่าเบาๆก็เอาเรื่อง แกว่งจนเห็นฟูจิแนวนอน
จบจากฟูจิคิว เราก็ไปขึ้นไนท์บัสมุ่งตรงสู่ osaka กันค่าา
ชื่อสินค้า:   หิมะแรก
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่