-บริษัทที่เราทำเป็นบริษัทที่ประมูลรับงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งและเป็นคู่สัญญากัน สัญญาระยะเวลา10ปี ต่อมาบริษัทมีประเด็นปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายกับคู่สัญญามาตลอด ตามข่าวที่ผู้ใหญ่บอกกับสื่อว่าคู่สัญญานั้นค้างจ่ายร้อยกว่าล้าน มีการทวงถามกันมาตลอด จนในที่สุดรัฐวิสาหกิจแห่งนั้นบอกยกเลิกสัญญากับบริษัทให้มีผลทันทีโดยให้เหตุผลว่าบริษัทกระทำผิดเงื่อนไขในสัญญาหลายข้อ ทำให้เขาเสียหายและไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับให้หยุดทำงานและเก็บข้าวของออกจากพื้นที่ในตอนนั้นเลยและยึดทรัพย์สินพื้นที่คืน(บริษัททำงานในพื้นที่ของรัฐวิสาหกิจ) พนักงานทุกคนตกใจกันมากอยู่ๆก็ฟ้าผ่าเปรี้ยง ตกงานแบบไม่ทันตั้งตัวทั้งๆที่ทำงานคามืออยู่
-ต่อมารัฐวิสาหกิจแห่งนั้นได้เสนอให้พนักงานเก่าประสงค์จะทำงานต่อ ให้สมัครเป็นลูกจ้างชั่วคราว แต่ปรากฏว่าจากพนักงาน500-600คนที่ลงสมัคร กลับได้ทำงานต่อแค่ร้อยกว่าคน ที่เหลือตกงานเคว้งคว้าง
-ประเด็นปัญหาแรกคือ บริษัทถูกรัฐวิสาหกิจยกเลิกสัญญาวันที่25 พอถึงวันสิ้นเดือนเงินเดือนพนักงานออกแค่25วัน โดยบริษัทให้เหตุผลว่าเราทำงานแค่25วันเท่านั้นและถือว่าสิ้นสุดกันวันนั้น(มาบอกเอาวันที่1ที่ผ่านมาเงียบตลอด)โดยอ้างถึงการเบิกจ่ายกับรัฐได้เท่านี้ แล้วเงินเดือนอีก5วันที่เหลือล่ะ? ถึงแม้5วันที่เหลือพนักงานต้องเคว้งไม่ได้ทำงาน แต่ก็ยังถือว่าเป็นพนักงานบริษัทอยู่ บริษัทไม่ได้มีคำสั่งเลิกจ้างและตั้งแต่เกิดเรื่องบริษัทไม่เคยมีอะไรแจ้งหรือSupportพนักงานเลย ดังนั้นแล้วตามกฎหมายเราควรจะได้รับเงินเดือนเต็มเดือนมั้ยครับ? ถ้าเขาไม่ยอมจ่ายส่วนที่ขาดไปเราจะเรียกร้องอย่างไรได้บ้างครับ?ผิด พรบ.ที่เกี่ยวกับแรงงานมาตราไหนบ้างครับ?
-ประเด็นที่สอง บริษัทยังไม่มีคำสั่งเลิกจ้างออกมา แต่บริษัทก็ไม่มีงานให้พนักงานทำ ตอนนี้หลายคนยังไม่รู้อนาคตว่าจะเดินไปทางไหน อีกทั้งบริษัทจะขอให้พนักงานร่วมฟ้องรัฐวิสาหกิจแห่งนั้น ซึ่งเรามองว่าประเด็นปัญหาของพนักงานเกี่ยวข้องกับต้นสังกัดคือบริษัทมากกว่า ถึงแม้ว่าบริษัทจะโดนรัฐยกเลิกสัญญาจนพนักงานไม่มีงานทำ ยังไงบริษัทก็ต้องsupportพนักงานในจุดนี้ การฟ้องร้องมันต้องใช้เวลานานกว่าจะผ่านแต่ละขั้นตอน พนักงานตกงานยังต้องดิ้นรนหางาน ไหนจะภาระที่มันรอเวลาไม่ได้อีก ดังนั้นบริษัทในฐานะคู่สัญญากับรัฐก็ไปฟ้องร้องหรือตกลงกันเองซึ่งมันไม่เกี่ยวกับพนักงานแล้ว อยากทราบว่าเราควรจะดำเนินการในขั้นตอนนี้ต่อไปยังไงครับ?
ที่มาตั้งกระทู้ไม่ได้เห็นแก่ได้ในฐานะพนักงานนะครับ ก็เห็นใจบริษัทนะที่โดนแบบนี้ แต่พนักงานยังต้องดำเนินชีวิตต่อไปมันหยุดไม่ได้ทั้งภาระต่างๆอีก แต่ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยแถลงการณ์ทางการให้พนักงานทราบเลย ต้องสืบข่าวกันเอง อ้างแต่ผู้บริหารประชุมอยู่ เรามาเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายแรงงานที่เราควรจะได้ มันคงไม่มากไปใช่มั้ยครับ
บริษัทจ่ายเงินเดือนไม่ครบตามจำนวน เราจะเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายอย่างไรได้บ้างครับ
-ต่อมารัฐวิสาหกิจแห่งนั้นได้เสนอให้พนักงานเก่าประสงค์จะทำงานต่อ ให้สมัครเป็นลูกจ้างชั่วคราว แต่ปรากฏว่าจากพนักงาน500-600คนที่ลงสมัคร กลับได้ทำงานต่อแค่ร้อยกว่าคน ที่เหลือตกงานเคว้งคว้าง
-ประเด็นปัญหาแรกคือ บริษัทถูกรัฐวิสาหกิจยกเลิกสัญญาวันที่25 พอถึงวันสิ้นเดือนเงินเดือนพนักงานออกแค่25วัน โดยบริษัทให้เหตุผลว่าเราทำงานแค่25วันเท่านั้นและถือว่าสิ้นสุดกันวันนั้น(มาบอกเอาวันที่1ที่ผ่านมาเงียบตลอด)โดยอ้างถึงการเบิกจ่ายกับรัฐได้เท่านี้ แล้วเงินเดือนอีก5วันที่เหลือล่ะ? ถึงแม้5วันที่เหลือพนักงานต้องเคว้งไม่ได้ทำงาน แต่ก็ยังถือว่าเป็นพนักงานบริษัทอยู่ บริษัทไม่ได้มีคำสั่งเลิกจ้างและตั้งแต่เกิดเรื่องบริษัทไม่เคยมีอะไรแจ้งหรือSupportพนักงานเลย ดังนั้นแล้วตามกฎหมายเราควรจะได้รับเงินเดือนเต็มเดือนมั้ยครับ? ถ้าเขาไม่ยอมจ่ายส่วนที่ขาดไปเราจะเรียกร้องอย่างไรได้บ้างครับ?ผิด พรบ.ที่เกี่ยวกับแรงงานมาตราไหนบ้างครับ?
-ประเด็นที่สอง บริษัทยังไม่มีคำสั่งเลิกจ้างออกมา แต่บริษัทก็ไม่มีงานให้พนักงานทำ ตอนนี้หลายคนยังไม่รู้อนาคตว่าจะเดินไปทางไหน อีกทั้งบริษัทจะขอให้พนักงานร่วมฟ้องรัฐวิสาหกิจแห่งนั้น ซึ่งเรามองว่าประเด็นปัญหาของพนักงานเกี่ยวข้องกับต้นสังกัดคือบริษัทมากกว่า ถึงแม้ว่าบริษัทจะโดนรัฐยกเลิกสัญญาจนพนักงานไม่มีงานทำ ยังไงบริษัทก็ต้องsupportพนักงานในจุดนี้ การฟ้องร้องมันต้องใช้เวลานานกว่าจะผ่านแต่ละขั้นตอน พนักงานตกงานยังต้องดิ้นรนหางาน ไหนจะภาระที่มันรอเวลาไม่ได้อีก ดังนั้นบริษัทในฐานะคู่สัญญากับรัฐก็ไปฟ้องร้องหรือตกลงกันเองซึ่งมันไม่เกี่ยวกับพนักงานแล้ว อยากทราบว่าเราควรจะดำเนินการในขั้นตอนนี้ต่อไปยังไงครับ?
ที่มาตั้งกระทู้ไม่ได้เห็นแก่ได้ในฐานะพนักงานนะครับ ก็เห็นใจบริษัทนะที่โดนแบบนี้ แต่พนักงานยังต้องดำเนินชีวิตต่อไปมันหยุดไม่ได้ทั้งภาระต่างๆอีก แต่ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยแถลงการณ์ทางการให้พนักงานทราบเลย ต้องสืบข่าวกันเอง อ้างแต่ผู้บริหารประชุมอยู่ เรามาเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายแรงงานที่เราควรจะได้ มันคงไม่มากไปใช่มั้ยครับ