แม่บอล กฤษณะ ออกโรงยืนยัน ลูกชายไม่ได้สั่งทำร้ายลูกนายพล บอกลูกไม่ได้มีนิสัยตามที่สื่อตีข่าว เผยตอนนี้โดนคุกคาม แถมถูกดักฟังโทรศัพท์ หวั่นถูกอุ้มฆ่า
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้นำเสนอความคืบหน้าคดีทำร้ายร่างกายลูกชายนายพล ที่ร้านมาลินสกาย จ.เชียงใหม่ ว่า ได้รับการติดต่อจากคุณแม่ของ บอล กฤษณะ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม เพราะลูกชายถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว อีกทั้งตอนนี้ยังถูกคุกคามด้วย
โดยนางสาวิกา ณ ตะกั่วทุ่ง แม่ของบอล กฤษณะ เปิดใจทางโทรศัพท์กับเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสให้ความเป็นจริงกับสังคมได้รู้เรื่อง เพราะทนายบอกเสมอว่าห้ามออกข่าว เกรงจะเสียรูปคดี ทีนี้เลยกลายเป็นว่าลูกชายดิฉันกลัวมาก เก็บตัวอยู่ในคอนโดตลอด แต่ในช่วงที่เก็บตัวจะมีรถมาซุ่มดูอยู่ตลอด ส่วนตัวดิฉันที่บ้านก็มีรถมาเวียนดูอยู่ตลอดเลย เราถูกจับตามอง อีกทั้งโทรศัพท์มือถือถูกดักฟังและถูกตัดสัญญาณบ่อยมาก ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ปกติ ต้องเปลี่ยนเบอร์ใหม่อยู่ตลอดเวลา ดิฉันไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวดิฉัน...
"ลูกชายดิฉันเขาจบวิศวะมานะคะ เขาก็เข้ามาทำงานในฐานะผู้บริหารแล้วเขาก็รับช่วยดูแลโครงการบ้านจัดสรรที่ระยอง ประมาณ 40-50 หลัง ยังมีคอนโดที่ภูเก็ตอีก หลักร้อยล้านที่เขาทำให้กับโครงการนี้อยู่ ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า ทำไมเขาต้องคาดคั้นว่าลูกชายเป็นเจ้าของร้าน แต่จริง ๆ มันไม่ใช่ มันเป็นหลักการบริหารของน้องบอลเขา หลักการที่ว่าอยากให้ทุกคนเป็นเจ้าของ โดยที่ว่าแบ่งส่วนแต่ละอย่างให้แต่ละคนบริหารเอง ให้ดำเนินงานเหมือนกับเป็นเจ้าของเอง ร่วมกันเป็นเจ้าของ แต่ลูกชายดิฉันเป็นผู้บริหารอยู่นะคะ
ทีนี้อีกเรื่องหนึ่งก็คือในวันที่เกิดเหตุ จังหวะที่เกิดเหตุ น้องเขาไม่ค่อยพอใจที่เข้าห้องน้ำไม่ได้ ก็เลยไปเข้าห้องน้ำหญิงก็เลยไม่ค่อยมีความสุข ไม่พอใจ มีการปิดประตูห้องน้ำหญิงเสียงดัง เมื่อขึ้นมาข้างบนก็พูดจาเสียงดังโวยวาย พูดทำนองว่า ผมหรือกูไม่ทราบนะคะ เป็นลูกของนายพล เดี๋ยวจะสั่งให้ สห. มาปิดร้าน ลูกชายดิฉันได้ยินก็เข้าไป คือเขาก็มีอารมณ์โกรธ ก็พูดไปว่า มาปิดสิ ที่ร้านเนี่ยมันผิดอะไร ระหว่างนั้นก็มีคนมาดึงเขาออกไป บอกว่าดาราจะกลับ เขาก็หันหลังเดินออกมา พอเดินมาส่งดาราปั๊บ ด้านหลังเกิดเหตุตุ้บตั้บ ๆ ขึ้นมา มันเป็นเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้อยากให้เกิด แล้วไม่ได้สั่ง ไม่ทันที่จะสั่งใคร เพราะว่าจริง ๆ เขาโวยวายต่อ ระหว่างที่หันหลังมาแป๊บเดียวอะค่ะ มันเป็นเหตุการณ์ที่ห้ามไม่ทัน มันเป็นเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เลย คือน้องเขาเจ็บสาหัส
แต่ดิฉันมีความรู้สึกว่า ลูกของดิฉัน จะต้องถูกข้อกล่าวหาว่า เป็นผู้สั่งการให้กระทำ โดยพยายามหาว่า 1. คุณเป็นเจ้าของร้าน 2. เด็กคนนี้ (การ์ด) เป็นคนของคุณ" คุณแม่ เล่าพร้อมบอกว่า ได้สอบถามจากหลาย ๆ ฝ่ายที่เห็นเหตุการณ์ ไม่ได้ถามจากลูกชายเพียงคนเดียว ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนสั่งให้การ์ดไปทำร้ายลูกชายนายพล
ส่วนประเด็นที่มีรถมาซุ่มดูนั้น คุณแม่บอกว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้ง บอล กฤษณะ ว่ามีรถแปลก ๆ มาซุ่มดู ทำให้น้องบอลเขากลัวมาก ทำให้ต้องจ้างคนเฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง คือเขาประสาทเสียมาก ไม่ที่จะออกไปไหนเลย ไม่กล้าแม้แต่จะออกมาชี้แจงอะไรทั้งสิ้น เพราะมีความรู้สึกว่า กลัวจะถูกอุ้มไปฆ่า
สำหรับเรื่องการดักฟังโทรศัพท์มือถือ คุณแม่สาวิกา บอกว่า โดยเฉพาะเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืน ลูกชายดิฉันถูกสอบสวนนาน 10 กว่าชั่วโมง ถูกปล่อยออกมาตี 1 แล้วช่วงนั้นเราก็พยายามสื่อสารกันทางโทรศัพท์ แต่ก็ติดต่อกันไม่ได้เลย ทำให้เข้าใจว่าอาจจะถูกดักฟังอยู่
นอกจากนี้คุณแม่ของบอล กฤษณะ ยังบอกด้วยว่า ในช่วงที่ถูกสอบสวนอยู่นั้น น้องบอลเขาเอนศีรษะไปพิงที่ผนังห้อง บังเอิญได้ยินเสียงห้องข้าง ๆ ที่เขาสัมภาษณ์เจ้าของร้านชื่อว่าออดี้ค่ะ ปรากฏว่าตำรวจตรวจฉี่แล้วเป็นสีม่วง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยออกมาแถลงข่าวยืนยันว่าเป็นเจ้าของร้าน ลูกชายตนได้ยินว่า ออดี้พูดว่าจะให้ผมทำอย่างไรก็ได้ อย่าเอาเรื่องกับผมเลย ทีนี้ดิฉันรู้สึกว่าลูกชายดิฉันจะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เพราะไม่ทราบออดี้ไปให้การอย่างไร ดิฉันมั่นใจว่าบอลอาจจะโดนคดีนี้ด้วย ซึ่งบอลอาจจะต้องโดนเป็นผู้บงการเรื่องสารเสพติด ซึ่ง 10.30 น. วันนี้แหละค่ะ ที่จะมีการออกหมายจับบอลอีกครั้งหนึ่งค่ะ
"เรื่องที่ทางฝ่ายนู้น (เจมส์บอนด์) อยากเจอตัวดิฉัน ดิฉันเข้าไปประมาณ 2 ครั้ง และติดต่อไปอีกประมาณ 2-3 ครั้ง เมื่อวานนี้ก็ไปรอครึ่งวันไม่ยอมให้เจอ จะไปเยี่ยมทางฝั่งคนเจ็บ และพยายามให้คนติดต่อ และตัวดิฉันเองก็ไปนั่งรอหน้าห้อง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้เข้าพบ ดิฉันก็พาลูกชายเข้าไปพบเพื่อขอขมา เขาผิดตรงที่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นในฐานะผู้บริหาร แต่เขาไม่ได้ผิดในเรื่องของการสั่งการค่ะ"
และที่เขาให้ข่าวว่าลูกชายดิฉันตะโกนออกมาว่า กูรวย กูมีเมียเป็นดารา ไม่จริงเลยค่ะ ไม่เป็นความจริงค่ะ ลูกชายดิฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ดิฉันขอปฏิเสธคำพูดเหล่านี้ด้วยค่ะ ดิฉันสอบถามคนในร้านแล้ว ลูกชายไม่ได้พูดเช่นนั้นค่ะ
ขอบคุณ
http://hilight.kapook.com/view/145852
แม่บอล กฤษณะ ออกโรงยืนยัน ลูกชายไม่ได้สั่งตื้บลูกนายพล เผยตอนนี้โดนคุกคาม
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้นำเสนอความคืบหน้าคดีทำร้ายร่างกายลูกชายนายพล ที่ร้านมาลินสกาย จ.เชียงใหม่ ว่า ได้รับการติดต่อจากคุณแม่ของ บอล กฤษณะ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม เพราะลูกชายถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว อีกทั้งตอนนี้ยังถูกคุกคามด้วย
โดยนางสาวิกา ณ ตะกั่วทุ่ง แม่ของบอล กฤษณะ เปิดใจทางโทรศัพท์กับเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสให้ความเป็นจริงกับสังคมได้รู้เรื่อง เพราะทนายบอกเสมอว่าห้ามออกข่าว เกรงจะเสียรูปคดี ทีนี้เลยกลายเป็นว่าลูกชายดิฉันกลัวมาก เก็บตัวอยู่ในคอนโดตลอด แต่ในช่วงที่เก็บตัวจะมีรถมาซุ่มดูอยู่ตลอด ส่วนตัวดิฉันที่บ้านก็มีรถมาเวียนดูอยู่ตลอดเลย เราถูกจับตามอง อีกทั้งโทรศัพท์มือถือถูกดักฟังและถูกตัดสัญญาณบ่อยมาก ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ปกติ ต้องเปลี่ยนเบอร์ใหม่อยู่ตลอดเวลา ดิฉันไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวดิฉัน...
"ลูกชายดิฉันเขาจบวิศวะมานะคะ เขาก็เข้ามาทำงานในฐานะผู้บริหารแล้วเขาก็รับช่วยดูแลโครงการบ้านจัดสรรที่ระยอง ประมาณ 40-50 หลัง ยังมีคอนโดที่ภูเก็ตอีก หลักร้อยล้านที่เขาทำให้กับโครงการนี้อยู่ ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า ทำไมเขาต้องคาดคั้นว่าลูกชายเป็นเจ้าของร้าน แต่จริง ๆ มันไม่ใช่ มันเป็นหลักการบริหารของน้องบอลเขา หลักการที่ว่าอยากให้ทุกคนเป็นเจ้าของ โดยที่ว่าแบ่งส่วนแต่ละอย่างให้แต่ละคนบริหารเอง ให้ดำเนินงานเหมือนกับเป็นเจ้าของเอง ร่วมกันเป็นเจ้าของ แต่ลูกชายดิฉันเป็นผู้บริหารอยู่นะคะ
ทีนี้อีกเรื่องหนึ่งก็คือในวันที่เกิดเหตุ จังหวะที่เกิดเหตุ น้องเขาไม่ค่อยพอใจที่เข้าห้องน้ำไม่ได้ ก็เลยไปเข้าห้องน้ำหญิงก็เลยไม่ค่อยมีความสุข ไม่พอใจ มีการปิดประตูห้องน้ำหญิงเสียงดัง เมื่อขึ้นมาข้างบนก็พูดจาเสียงดังโวยวาย พูดทำนองว่า ผมหรือกูไม่ทราบนะคะ เป็นลูกของนายพล เดี๋ยวจะสั่งให้ สห. มาปิดร้าน ลูกชายดิฉันได้ยินก็เข้าไป คือเขาก็มีอารมณ์โกรธ ก็พูดไปว่า มาปิดสิ ที่ร้านเนี่ยมันผิดอะไร ระหว่างนั้นก็มีคนมาดึงเขาออกไป บอกว่าดาราจะกลับ เขาก็หันหลังเดินออกมา พอเดินมาส่งดาราปั๊บ ด้านหลังเกิดเหตุตุ้บตั้บ ๆ ขึ้นมา มันเป็นเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้อยากให้เกิด แล้วไม่ได้สั่ง ไม่ทันที่จะสั่งใคร เพราะว่าจริง ๆ เขาโวยวายต่อ ระหว่างที่หันหลังมาแป๊บเดียวอะค่ะ มันเป็นเหตุการณ์ที่ห้ามไม่ทัน มันเป็นเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เลย คือน้องเขาเจ็บสาหัส
แต่ดิฉันมีความรู้สึกว่า ลูกของดิฉัน จะต้องถูกข้อกล่าวหาว่า เป็นผู้สั่งการให้กระทำ โดยพยายามหาว่า 1. คุณเป็นเจ้าของร้าน 2. เด็กคนนี้ (การ์ด) เป็นคนของคุณ" คุณแม่ เล่าพร้อมบอกว่า ได้สอบถามจากหลาย ๆ ฝ่ายที่เห็นเหตุการณ์ ไม่ได้ถามจากลูกชายเพียงคนเดียว ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนสั่งให้การ์ดไปทำร้ายลูกชายนายพล
ส่วนประเด็นที่มีรถมาซุ่มดูนั้น คุณแม่บอกว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้ง บอล กฤษณะ ว่ามีรถแปลก ๆ มาซุ่มดู ทำให้น้องบอลเขากลัวมาก ทำให้ต้องจ้างคนเฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง คือเขาประสาทเสียมาก ไม่ที่จะออกไปไหนเลย ไม่กล้าแม้แต่จะออกมาชี้แจงอะไรทั้งสิ้น เพราะมีความรู้สึกว่า กลัวจะถูกอุ้มไปฆ่า
สำหรับเรื่องการดักฟังโทรศัพท์มือถือ คุณแม่สาวิกา บอกว่า โดยเฉพาะเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืน ลูกชายดิฉันถูกสอบสวนนาน 10 กว่าชั่วโมง ถูกปล่อยออกมาตี 1 แล้วช่วงนั้นเราก็พยายามสื่อสารกันทางโทรศัพท์ แต่ก็ติดต่อกันไม่ได้เลย ทำให้เข้าใจว่าอาจจะถูกดักฟังอยู่
นอกจากนี้คุณแม่ของบอล กฤษณะ ยังบอกด้วยว่า ในช่วงที่ถูกสอบสวนอยู่นั้น น้องบอลเขาเอนศีรษะไปพิงที่ผนังห้อง บังเอิญได้ยินเสียงห้องข้าง ๆ ที่เขาสัมภาษณ์เจ้าของร้านชื่อว่าออดี้ค่ะ ปรากฏว่าตำรวจตรวจฉี่แล้วเป็นสีม่วง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยออกมาแถลงข่าวยืนยันว่าเป็นเจ้าของร้าน ลูกชายตนได้ยินว่า ออดี้พูดว่าจะให้ผมทำอย่างไรก็ได้ อย่าเอาเรื่องกับผมเลย ทีนี้ดิฉันรู้สึกว่าลูกชายดิฉันจะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เพราะไม่ทราบออดี้ไปให้การอย่างไร ดิฉันมั่นใจว่าบอลอาจจะโดนคดีนี้ด้วย ซึ่งบอลอาจจะต้องโดนเป็นผู้บงการเรื่องสารเสพติด ซึ่ง 10.30 น. วันนี้แหละค่ะ ที่จะมีการออกหมายจับบอลอีกครั้งหนึ่งค่ะ
"เรื่องที่ทางฝ่ายนู้น (เจมส์บอนด์) อยากเจอตัวดิฉัน ดิฉันเข้าไปประมาณ 2 ครั้ง และติดต่อไปอีกประมาณ 2-3 ครั้ง เมื่อวานนี้ก็ไปรอครึ่งวันไม่ยอมให้เจอ จะไปเยี่ยมทางฝั่งคนเจ็บ และพยายามให้คนติดต่อ และตัวดิฉันเองก็ไปนั่งรอหน้าห้อง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้เข้าพบ ดิฉันก็พาลูกชายเข้าไปพบเพื่อขอขมา เขาผิดตรงที่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นในฐานะผู้บริหาร แต่เขาไม่ได้ผิดในเรื่องของการสั่งการค่ะ"
และที่เขาให้ข่าวว่าลูกชายดิฉันตะโกนออกมาว่า กูรวย กูมีเมียเป็นดารา ไม่จริงเลยค่ะ ไม่เป็นความจริงค่ะ ลูกชายดิฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ดิฉันขอปฏิเสธคำพูดเหล่านี้ด้วยค่ะ ดิฉันสอบถามคนในร้านแล้ว ลูกชายไม่ได้พูดเช่นนั้นค่ะ
ขอบคุณ
http://hilight.kapook.com/view/145852