พอดีเพิ่ง counseling การใช้ยาในผู้ป่วยที่ใช้ยาต้านเพื่อการป้องกันการติดเชื้อมาสดๆร้อนๆ เห็นสีหน้าที่คลายกังวลของคนไข้แล้วอมยิ้มเลย ^^
เราเป็นเภสัชคะ เจอผู้ป่วยวันนึงหายร้อยคน แต่ละคนก็มาหลากหลายรูปแบบมาก
ได้ฝึกหลายๆทักษะไปในตัว ตอนนี้กลายเป็นคนช่างสังเกตแล้วก็ใส่ใจรายละเอียดมาก
การทำงานไม่ใช่แค่การยื่นยาให้คนไข้ ..... เพิ่งเข้าใจจริงๆก็ตอนที่มาทำงานนี่แหละคะ ตอนเป็นนักศึกษาก็ม่วนๆไป 5555
ก่อนยื่นเราต้องประมวลผลในหัวเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมของยาก่อนเป็นอันดับแรก
ระหว่างยื่นให้ต้องประเมินคนไข้ด้วย คนนี้อ่านออกไหม หูดีไหม ถ้าอ่านไม่ออก ก็วาดรูปติดฉลากยาให้ ถ้าหูไม่ดีก็คุยเสียงดังๆ
หลังจากยื่นยาเสร็จ ก็ต้องตรวจสอบความเข้าใจคนไข้ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมต่างๆ เราว่าตรงจุดนี้แหละสำคัญที่สุด ^^
นอกเหนือจาการให้ความรู้เรื่อง life style modification แล้ว เราว่าการให้กำลังใจก็เป็นสิ่งสำคัญฝุดๆ
"คุณยายเก่งมากเลยคะ วันนี้น้ำตาลลงเยอะเลย ออกกำลังกายเหมือนที่สัญญากันไว้แล้วใช่ไหมคะ"
คุณยายก็จะยิ้มหน้าบานเลย เจ้าาา ออกทุกวันเลยเจ้า คุมอาหารต๋วยหน๋า 555555
หึ หึ ออกบ่อยกว่าคนแนะนำอีก ก็จะแอบอมยิ้มแล้วอายในใจนิดหน่อย
เรื่องคุมน้ำตาลเป็นตัวอย่างที่เจอบ่อยที่สุด บางทียังไม่ทันชมเลยคะ เห็นหน้าเราปุ๊บ รีบอวดก่อนเลย น่ารักดีนะคะ
คนไข้จะจำเราได้แล้วก็เชื่อใจเรา มีอะไรก็จะบอกหม๊ด ได้รับพรจากพ่ออุ้ยแม่อุ้ยทุกวัน
ที่สำคัญได้ของฝากประจำคะ อิอิ สาย-ๆๆ 555
ถ้าเราทำงานสักแต่ว่าทำงาน ไม่เกิน 5 ปีก็คงเหี่ยวเฉาแน่ แต่ถ้าเราใส่ความรู้สึกลงไปด้วย การทำงานมันมีความสุขขึ้นมามากจริงๆคะ
บางทีคิดแค่ว่า ถ้าเราเป็นคนที่อยู่ตรงหน้า เราต้องการคำพูดแบบไหน ต้องการเห็นกริยายังไง เราก็ปฏิบัติไปแค่นั้น
เรามอบความสุขให้คนไข้ แต่เชื่อไหมคนที่สุขก่อนใครก็คือ ตัวเราเอง
ปล. ถึงแม้ว่าคืนสิ้นปีนี้จะต้องอยู่เวรเช้า-บ่ายก็ตาม อันนี้ก็เจ็บปวดอยู่ ฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไรให้คนอื่นได้ไปเที่ยวกัน คนโสดก็เฝ้าห้องยาไปตามระเบียบ 55555
วันหลังถ้าว่างๆจะมาเล่าเรื่องการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายนะคะ พอดีรับผิดชอบงานตรงนี้อยู่ ได้อะไรเยอะมาก คิดว่าเป็นสิ่งที่ควรนำมาแบ่งปัน น่าจะเกิดประโยชน์กับหลายๆคน ^^
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ยา ก็คือทักษะการ counseling คำพูดนี่แหละยาวิเศษชั้นเลิศเลย ^^
เราเป็นเภสัชคะ เจอผู้ป่วยวันนึงหายร้อยคน แต่ละคนก็มาหลากหลายรูปแบบมาก
ได้ฝึกหลายๆทักษะไปในตัว ตอนนี้กลายเป็นคนช่างสังเกตแล้วก็ใส่ใจรายละเอียดมาก
การทำงานไม่ใช่แค่การยื่นยาให้คนไข้ ..... เพิ่งเข้าใจจริงๆก็ตอนที่มาทำงานนี่แหละคะ ตอนเป็นนักศึกษาก็ม่วนๆไป 5555
ก่อนยื่นเราต้องประมวลผลในหัวเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมของยาก่อนเป็นอันดับแรก
ระหว่างยื่นให้ต้องประเมินคนไข้ด้วย คนนี้อ่านออกไหม หูดีไหม ถ้าอ่านไม่ออก ก็วาดรูปติดฉลากยาให้ ถ้าหูไม่ดีก็คุยเสียงดังๆ
หลังจากยื่นยาเสร็จ ก็ต้องตรวจสอบความเข้าใจคนไข้ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมต่างๆ เราว่าตรงจุดนี้แหละสำคัญที่สุด ^^
นอกเหนือจาการให้ความรู้เรื่อง life style modification แล้ว เราว่าการให้กำลังใจก็เป็นสิ่งสำคัญฝุดๆ
"คุณยายเก่งมากเลยคะ วันนี้น้ำตาลลงเยอะเลย ออกกำลังกายเหมือนที่สัญญากันไว้แล้วใช่ไหมคะ"
คุณยายก็จะยิ้มหน้าบานเลย เจ้าาา ออกทุกวันเลยเจ้า คุมอาหารต๋วยหน๋า 555555
หึ หึ ออกบ่อยกว่าคนแนะนำอีก ก็จะแอบอมยิ้มแล้วอายในใจนิดหน่อย
เรื่องคุมน้ำตาลเป็นตัวอย่างที่เจอบ่อยที่สุด บางทียังไม่ทันชมเลยคะ เห็นหน้าเราปุ๊บ รีบอวดก่อนเลย น่ารักดีนะคะ
คนไข้จะจำเราได้แล้วก็เชื่อใจเรา มีอะไรก็จะบอกหม๊ด ได้รับพรจากพ่ออุ้ยแม่อุ้ยทุกวัน
ที่สำคัญได้ของฝากประจำคะ อิอิ สาย-ๆๆ 555
ถ้าเราทำงานสักแต่ว่าทำงาน ไม่เกิน 5 ปีก็คงเหี่ยวเฉาแน่ แต่ถ้าเราใส่ความรู้สึกลงไปด้วย การทำงานมันมีความสุขขึ้นมามากจริงๆคะ
บางทีคิดแค่ว่า ถ้าเราเป็นคนที่อยู่ตรงหน้า เราต้องการคำพูดแบบไหน ต้องการเห็นกริยายังไง เราก็ปฏิบัติไปแค่นั้น
เรามอบความสุขให้คนไข้ แต่เชื่อไหมคนที่สุขก่อนใครก็คือ ตัวเราเอง
ปล. ถึงแม้ว่าคืนสิ้นปีนี้จะต้องอยู่เวรเช้า-บ่ายก็ตาม อันนี้ก็เจ็บปวดอยู่ ฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไรให้คนอื่นได้ไปเที่ยวกัน คนโสดก็เฝ้าห้องยาไปตามระเบียบ 55555
วันหลังถ้าว่างๆจะมาเล่าเรื่องการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายนะคะ พอดีรับผิดชอบงานตรงนี้อยู่ ได้อะไรเยอะมาก คิดว่าเป็นสิ่งที่ควรนำมาแบ่งปัน น่าจะเกิดประโยชน์กับหลายๆคน ^^