สวัสดีคะ วันนี้จะมารีวิวการเดินทางจากเมืองคุณหมิง –ต้าลี่- ลี่เจียง พร้อมถึงแนะนำสถานที่น่าไปอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลย คือ อุทยานแห่งชาติ Pu Da Cuo (香格里拉普达措国家公园)ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการเดินทางครั้งนี้โดยสารโดยรถยนต์ส่วนตัว จึงค่อนข้างจะไปไหนได้นอกแผนมากขึ้น จนทำให้มาเจอกับอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ได้ ตอนแรกตั้งใจจะมาดูภูเขาหิมะมังกรหยก พอขึ้นไปได้แค่10นาทีก็ต้องรีบแจ้นลงมาเนื่องจากอากาศที่เบาบางและทนความหนาวเหน็บไม่ได้เซลฟี่ก็ยังไม่จุใจเลย แต่พอได้หลงเข้ามาเที่ยวอุทยานแห่งนี้บอกได้เลยว่าหลงรักมากกกก บรรยากาศคล้ายๆประเทศนิวซีแลนด์ตอนหน้าหนาวเลย มีหิมะ สัตว์เลี้ยง ภูเขา ทุ่งหญ้า โอบล้อมด้วยแม่น้ำ การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาที่หมด7วัน มาเริ่มเดินทางไปด้วยกันเลยดีกว่าคะ

อันดับแรกเลยต้องทำวีซ่าให้พร้อมก่อนการเดือนทางนะคะ ไม่อย่างนั้นเราก็จะเข้าประเทศจีนไม่ได้ ครั้งแรกกังวลมากคะว่าจะยาก วีซ่าไม่ผ่าน เพราะเราจองตั๋วไปแล้ว แต่ถ้าเรามีเอกสารครบถ้วน ต่อให้ไม่มีเอกสารรับรองการทำงานก็สามารถไปได้คะ จขกท แนบแต่เอกสารที่เพิ่งเรียนจบแทนการยื่นเอกสารรับรองการทำงาน และให้แม่เป็นสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายในการเดินทางแทน การยื่นวีซ่าอาจจะยุ่งยากนิดหน่อย
สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมเลยคือ
-แบบฟอร์มคำร้องวีซ่า ต้องเป็นเวอร์ชั่น2013 (จขทก ทำที่เชียงใหม่ เมื่อถึงหน้าประตูจะมียามรออยู่ข้างหน้ายื่นแบบฟอร์มให้ แต่เราปริ้นและกรอกเองจากบ้านมาแล้วก็เดินเข้าไปกดบัตรคิวได้เลยจะได้ไม่เสียเวลา)
-หนังสือเดินทาง(Passport) /สำเนาพาสปอร์ต จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า6เดือนนับจากวันเดินทาง และมีหน้าว่างอย่างน้อย2หน้า
-รูปถ่าย ฉากหลังสีขาว ขนาด2นิ้ว จำนวน2รูป
-ใบจองตั๋วเครื่องบิน (บางคนไม่ชัวร์กลัววีซ่ายังไม่ผ่านอาจจะไม่ต้องจองแล้วจ่ายตังก่อน จองเป็นแค่ให้มีบุ้คกิ้งแล้วปริ้นแนบไปก่อนก็ได้ แต่เรามั่นใจมากว่าจะต้องไปให้ได้จริงๆเลยกดจองและจ่ายตังพร้อมเสร็จสรรพ)
-ใบจองที่พัก/โรงแรม (อันนี้ง่ายๆเลย ถ้าใครยังไม่ชัวร์เรื่องที่พักแนะนำให้จองจากเว็บ Booking.com เพราะไม่ต้องชำระเงินก่อน เมื่อวีซ่าผ่านก็ค่อยยกเลิก)
-หนังสือการรับรองทำงาน (ถ้าใครยังไม่ได้ทำงานก็สามารถแนบเอกสารอื่นที่จำเป็นได้เช่น ไม่มีงานประจำหรือเป็นฟรีแลนด์ก็แนบผลงานของตัวเองไปให้ดู ยังเรียนอยู่ก็แนบรูปถ่ายหรือเอกสารรับรองการเป็นนศ ธุรกิจส่วนตัวก็แนบเอกสารการครอบครองหรือเอกสารในการจัดการดูแลกิจการของตัวเองไปได้)
ปล.ถ้าไม่ยังคิดว่าเอกสารไม่พอสามารถเขียนแผนการเดินทางไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกได้ จขกทก็แนบไปนะแต่เค้าเอาคืน รวมถึงสเตทเม้นท์ด้วย
หน้าตาของวีซ่าก็จะประมาณนี้คะ

กงสุลเปิดทำการ 9.00-11.30 เมื่อยื่นเอกสารครบแล้วจะได้ใบสีชมพูเป็นใบนัดให้มารับพาสปอร์ต ห้ามทำหายเด็ดขาดด!!
เราทำแบบปกติ 4 วันทำการ วีซ่าเข้า-ออก ครั้งเดียว (Single) 1,000 บาท
สถานที่ขอวีซ่าจีน จังหวัดเชียงใหม่ 111 ถ.ช่างหล่อ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100 โทร.053-208-380,053-276-457,053-276-125 เวลารับวีซ่า 15.00-16.00 จ-ศ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
วันที่20 กุมภาพันธ์ ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองโดยสารการบิน AirAsia FD582 DMK-KMG 09:00-12:30

ถึงคุณหมิงตอนเที่ยงๆ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเสร็จก็เดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่เมือง Shuanglang ใช้เวลาประมาณ4-5ชั่วโมง ณ เวลานั้น ฝนตกปรอยๆ อากาศหนาวมากกกก ประมาณ 1 องศา
นั่งรถมาได้ประมาณ2ชั่วโมง แวะพักระหว่างทาง หาอะไรอุ่นๆกินแก้หนาว เราได้มันต้มใส่พริกรสชาติก็ใช้ได้ กับเต้าหู้หั่นเป็นแผ่น รสชาติห่วยแตกมาก ฮ่าๆ พร้อมผลไม้หน้าตาน่ารักซื้อมาลองกิน จานละ10หยวน
พักรอบที่สองแวะเติมน้ำมัน หาซื้อช้อตโกแลตกิน พร้อมลูกอมแก้ง่วง เพราะเมื่อถึงเขตหนาวๆจะช้อคโกแลตช่วยได้เยอะเลย ทำให้ร่างกายอบอุ่นด้วย

ปั๊มน้ำมันที่แวะระหว่างทางอยู่บนเนินเขา บรรยากาศดีมากเลย แถมยังมีคล้ายๆกำแพงยาวๆ มีรูปภาพและเขียนบรรยายถึงคนมีชื่อเสียงในสมัยก่อนให้ดูอีกด้วย น่าสนใจดี
ระหว่างทางจะปลูกคล้ายๆผักกาดบ้านเราแต่ใหญ่และยาวกว่ามากเต็มสองข้างทางเลย สวยมมาก แวะถ่ายรูปซะหน่อย คนจีนเรียกว่า 油菜花
และแล้วก็เดินทางมาถึงเขตเมือง Shuang Lang ซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายภาคตะวันออกเฉียงเหนืองของเมืองตาหลี่ ติดกับทะเลสาบเอ๋อไห่ และตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวให้เป็นที่พักตากอากาศที่ดีแห่งหนึ่ง เราตกลงจะพักกันที่นี่ เพราะบรรยากาศดีและคนไม่ผลุกผล่าน
ก็วนหาที่พักกันอยู่นาน จำไม่ได้ว่าโรงแรมชื่ออะไร แต่ห้องพักอยู่ติดกับทะเลสาบเอ๋อไห่ บรรยากาศดีมากๆ แถวๆนั้นเป็นคล้ายๆเมืองเก่า มีร้านค้าร้านขายมากมาย
ด้านหน้าโรงแรม

ห้องเราเป็นโซนริเวอร์วิว ห้องติดแม่น้ำ

ห้องนอน เตียงนุ้มม มากเลย แต่พื้นนี้ถอดรองเท้าไม่ได้เลยนะ โคตรสากเลย

ห้องน้ำมีฮีทเตอร์คล้ายเตาปิ้งหมูย่างอยู่ด้านบนด้วย เวลาอาบน้ำหรือหลังอาบก็ไม่ได้รู้สึกหนาวเลย อิอิ

ชมวิวระเบียงหลังห้อง

อีกสักท่า ด้านหลังนี่คือแขกมาต่อรองเช่าห้องข้างๆ เสียงดังมาก ทุกห้องตรงระเบียงคือไม่มีอะไรกันเลย งง มากกกก

โอเคเก้กซะให้หายเหนื่อย ทั้งกล้องAction กล้องSony (ด้านล่าง) ฮ่าๆ

อีกสักภาพก่อนออกไปกินข้าวว กลังหลง
เมื่อจัดแจงสัมภาระเข้าที่ก็ได้เวลาออกหากิน เดินวนหาอาหารอยู่นานเดินไปหลงไปคล้ายๆเขาวงกต ก็โผล่มาเจอคล้ายๆสุกี้บ้านเรา ที่นี่เค้าเรียก火锅บนป้ายเขียนไว้ว่า ไม่อร่อยไม่ต้องจ่ายตัง เอาวะลองสักตั้ง เข้าไปนั่งก็จะมีใบสั่งของให้เลือก เราก็จิ้มๆมั่วๆ อ่านออกบ้างมั่วบ้าง รสชาติพอใช้ได้นะ แต่น้ำจิ้มที่ให้ผสมเองนี่ดิมีให้ผสมอยุ่เกือบยี่สิบออย่างเลย เราก็ผสมมั่วๆ ปรากฏว่ากินไปกินมาลิ้นชา ฮ่าๆๆๆๆ ที่จริงไม่อร่อยเอามากๆเลย รึว่าลิ้นเราไม่ถึงก็รู้

บรรยากาศภายในร้าน

กินเสร็จก็รีบกลับที่พัก เข้านอน เหนื่อยมากๆ ที่นี่เงียบสงบมาก ไม่พลุกผล่านแต่ได้ยินเสียงดนตรีตลอดทั้งคืนเลย
21กุมภาพันธ์ เช้าวันรุ่งขึ้นเรานั่งรถลัดเลาะริมทะเลสาบตลอดข้างทางมีทั้งร้านอาหาร และโรงแรมผุดเป็นดอกเห็นเชียว แต่สังเกตได้ว่ามันเยอะกว่านักท่อเที่ยวเสียอีก ก่อนจะมุ่งหน้าไปต่อเราก็พักกินข้าวกัน อาหารที่นี่สดมาก เราสั่งคล้ายๆผัดไข่ ผัดกุ้งแม่น้ำ แล้วก็น้ำต้มผัก ทุกอย่างอร่อยและสดมากกกกกกกกก ฟินนน กินอิ่มแล้วก็เดินย่อย แวะถ่ายรูปเล่น วิวที่นี่สวยมาก สามารถเช่นจักรยาน หรือ มอเตอร์ไซค์เที่ยวได้เลย อ้อ มีอีกอย่างเราเห็นเมืองนี้มีแต่มอเตอร์ไซค์คล้ายๆเวสป้าขับทั้งเมือง และไม่มีรุ่นอื่นให้เห็นเลยเป็นอะไรที่แปลกมากๆ ชอบมากๆ

หน้าร้าน

ภายในร้าน

ลมแรงมากกกก และหนาวมากกด้วย
[CR] คุณหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่า เพิ่มเติมคือ อุทยาน Pu Da Cuo
สวัสดีคะ วันนี้จะมารีวิวการเดินทางจากเมืองคุณหมิง –ต้าลี่- ลี่เจียง พร้อมถึงแนะนำสถานที่น่าไปอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลย คือ อุทยานแห่งชาติ Pu Da Cuo (香格里拉普达措国家公园)ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการเดินทางครั้งนี้โดยสารโดยรถยนต์ส่วนตัว จึงค่อนข้างจะไปไหนได้นอกแผนมากขึ้น จนทำให้มาเจอกับอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ได้ ตอนแรกตั้งใจจะมาดูภูเขาหิมะมังกรหยก พอขึ้นไปได้แค่10นาทีก็ต้องรีบแจ้นลงมาเนื่องจากอากาศที่เบาบางและทนความหนาวเหน็บไม่ได้เซลฟี่ก็ยังไม่จุใจเลย แต่พอได้หลงเข้ามาเที่ยวอุทยานแห่งนี้บอกได้เลยว่าหลงรักมากกกก บรรยากาศคล้ายๆประเทศนิวซีแลนด์ตอนหน้าหนาวเลย มีหิมะ สัตว์เลี้ยง ภูเขา ทุ่งหญ้า โอบล้อมด้วยแม่น้ำ การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาที่หมด7วัน มาเริ่มเดินทางไปด้วยกันเลยดีกว่าคะ
อันดับแรกเลยต้องทำวีซ่าให้พร้อมก่อนการเดือนทางนะคะ ไม่อย่างนั้นเราก็จะเข้าประเทศจีนไม่ได้ ครั้งแรกกังวลมากคะว่าจะยาก วีซ่าไม่ผ่าน เพราะเราจองตั๋วไปแล้ว แต่ถ้าเรามีเอกสารครบถ้วน ต่อให้ไม่มีเอกสารรับรองการทำงานก็สามารถไปได้คะ จขกท แนบแต่เอกสารที่เพิ่งเรียนจบแทนการยื่นเอกสารรับรองการทำงาน และให้แม่เป็นสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายในการเดินทางแทน การยื่นวีซ่าอาจจะยุ่งยากนิดหน่อย
สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมเลยคือ
-แบบฟอร์มคำร้องวีซ่า ต้องเป็นเวอร์ชั่น2013 (จขทก ทำที่เชียงใหม่ เมื่อถึงหน้าประตูจะมียามรออยู่ข้างหน้ายื่นแบบฟอร์มให้ แต่เราปริ้นและกรอกเองจากบ้านมาแล้วก็เดินเข้าไปกดบัตรคิวได้เลยจะได้ไม่เสียเวลา)
-หนังสือเดินทาง(Passport) /สำเนาพาสปอร์ต จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า6เดือนนับจากวันเดินทาง และมีหน้าว่างอย่างน้อย2หน้า
-รูปถ่าย ฉากหลังสีขาว ขนาด2นิ้ว จำนวน2รูป
-ใบจองตั๋วเครื่องบิน (บางคนไม่ชัวร์กลัววีซ่ายังไม่ผ่านอาจจะไม่ต้องจองแล้วจ่ายตังก่อน จองเป็นแค่ให้มีบุ้คกิ้งแล้วปริ้นแนบไปก่อนก็ได้ แต่เรามั่นใจมากว่าจะต้องไปให้ได้จริงๆเลยกดจองและจ่ายตังพร้อมเสร็จสรรพ)
-ใบจองที่พัก/โรงแรม (อันนี้ง่ายๆเลย ถ้าใครยังไม่ชัวร์เรื่องที่พักแนะนำให้จองจากเว็บ Booking.com เพราะไม่ต้องชำระเงินก่อน เมื่อวีซ่าผ่านก็ค่อยยกเลิก)
-หนังสือการรับรองทำงาน (ถ้าใครยังไม่ได้ทำงานก็สามารถแนบเอกสารอื่นที่จำเป็นได้เช่น ไม่มีงานประจำหรือเป็นฟรีแลนด์ก็แนบผลงานของตัวเองไปให้ดู ยังเรียนอยู่ก็แนบรูปถ่ายหรือเอกสารรับรองการเป็นนศ ธุรกิจส่วนตัวก็แนบเอกสารการครอบครองหรือเอกสารในการจัดการดูแลกิจการของตัวเองไปได้)
ปล.ถ้าไม่ยังคิดว่าเอกสารไม่พอสามารถเขียนแผนการเดินทางไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกได้ จขกทก็แนบไปนะแต่เค้าเอาคืน รวมถึงสเตทเม้นท์ด้วย
หน้าตาของวีซ่าก็จะประมาณนี้คะ
กงสุลเปิดทำการ 9.00-11.30 เมื่อยื่นเอกสารครบแล้วจะได้ใบสีชมพูเป็นใบนัดให้มารับพาสปอร์ต ห้ามทำหายเด็ดขาดด!!
เราทำแบบปกติ 4 วันทำการ วีซ่าเข้า-ออก ครั้งเดียว (Single) 1,000 บาท
สถานที่ขอวีซ่าจีน จังหวัดเชียงใหม่ 111 ถ.ช่างหล่อ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100 โทร.053-208-380,053-276-457,053-276-125 เวลารับวีซ่า 15.00-16.00 จ-ศ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
วันที่20 กุมภาพันธ์ ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองโดยสารการบิน AirAsia FD582 DMK-KMG 09:00-12:30
ถึงคุณหมิงตอนเที่ยงๆ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเสร็จก็เดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่เมือง Shuanglang ใช้เวลาประมาณ4-5ชั่วโมง ณ เวลานั้น ฝนตกปรอยๆ อากาศหนาวมากกกก ประมาณ 1 องศา
นั่งรถมาได้ประมาณ2ชั่วโมง แวะพักระหว่างทาง หาอะไรอุ่นๆกินแก้หนาว เราได้มันต้มใส่พริกรสชาติก็ใช้ได้ กับเต้าหู้หั่นเป็นแผ่น รสชาติห่วยแตกมาก ฮ่าๆ พร้อมผลไม้หน้าตาน่ารักซื้อมาลองกิน จานละ10หยวน
พักรอบที่สองแวะเติมน้ำมัน หาซื้อช้อตโกแลตกิน พร้อมลูกอมแก้ง่วง เพราะเมื่อถึงเขตหนาวๆจะช้อคโกแลตช่วยได้เยอะเลย ทำให้ร่างกายอบอุ่นด้วย
ปั๊มน้ำมันที่แวะระหว่างทางอยู่บนเนินเขา บรรยากาศดีมากเลย แถมยังมีคล้ายๆกำแพงยาวๆ มีรูปภาพและเขียนบรรยายถึงคนมีชื่อเสียงในสมัยก่อนให้ดูอีกด้วย น่าสนใจดี
ระหว่างทางจะปลูกคล้ายๆผักกาดบ้านเราแต่ใหญ่และยาวกว่ามากเต็มสองข้างทางเลย สวยมมาก แวะถ่ายรูปซะหน่อย คนจีนเรียกว่า 油菜花
และแล้วก็เดินทางมาถึงเขตเมือง Shuang Lang ซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายภาคตะวันออกเฉียงเหนืองของเมืองตาหลี่ ติดกับทะเลสาบเอ๋อไห่ และตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวให้เป็นที่พักตากอากาศที่ดีแห่งหนึ่ง เราตกลงจะพักกันที่นี่ เพราะบรรยากาศดีและคนไม่ผลุกผล่าน
ก็วนหาที่พักกันอยู่นาน จำไม่ได้ว่าโรงแรมชื่ออะไร แต่ห้องพักอยู่ติดกับทะเลสาบเอ๋อไห่ บรรยากาศดีมากๆ แถวๆนั้นเป็นคล้ายๆเมืองเก่า มีร้านค้าร้านขายมากมาย
ด้านหน้าโรงแรม
ห้องเราเป็นโซนริเวอร์วิว ห้องติดแม่น้ำ
ห้องนอน เตียงนุ้มม มากเลย แต่พื้นนี้ถอดรองเท้าไม่ได้เลยนะ โคตรสากเลย
ห้องน้ำมีฮีทเตอร์คล้ายเตาปิ้งหมูย่างอยู่ด้านบนด้วย เวลาอาบน้ำหรือหลังอาบก็ไม่ได้รู้สึกหนาวเลย อิอิ
ชมวิวระเบียงหลังห้อง
อีกสักท่า ด้านหลังนี่คือแขกมาต่อรองเช่าห้องข้างๆ เสียงดังมาก ทุกห้องตรงระเบียงคือไม่มีอะไรกันเลย งง มากกกก
โอเคเก้กซะให้หายเหนื่อย ทั้งกล้องAction กล้องSony (ด้านล่าง) ฮ่าๆ
อีกสักภาพก่อนออกไปกินข้าวว กลังหลง
เมื่อจัดแจงสัมภาระเข้าที่ก็ได้เวลาออกหากิน เดินวนหาอาหารอยู่นานเดินไปหลงไปคล้ายๆเขาวงกต ก็โผล่มาเจอคล้ายๆสุกี้บ้านเรา ที่นี่เค้าเรียก火锅บนป้ายเขียนไว้ว่า ไม่อร่อยไม่ต้องจ่ายตัง เอาวะลองสักตั้ง เข้าไปนั่งก็จะมีใบสั่งของให้เลือก เราก็จิ้มๆมั่วๆ อ่านออกบ้างมั่วบ้าง รสชาติพอใช้ได้นะ แต่น้ำจิ้มที่ให้ผสมเองนี่ดิมีให้ผสมอยุ่เกือบยี่สิบออย่างเลย เราก็ผสมมั่วๆ ปรากฏว่ากินไปกินมาลิ้นชา ฮ่าๆๆๆๆ ที่จริงไม่อร่อยเอามากๆเลย รึว่าลิ้นเราไม่ถึงก็รู้
บรรยากาศภายในร้าน
กินเสร็จก็รีบกลับที่พัก เข้านอน เหนื่อยมากๆ ที่นี่เงียบสงบมาก ไม่พลุกผล่านแต่ได้ยินเสียงดนตรีตลอดทั้งคืนเลย
21กุมภาพันธ์ เช้าวันรุ่งขึ้นเรานั่งรถลัดเลาะริมทะเลสาบตลอดข้างทางมีทั้งร้านอาหาร และโรงแรมผุดเป็นดอกเห็นเชียว แต่สังเกตได้ว่ามันเยอะกว่านักท่อเที่ยวเสียอีก ก่อนจะมุ่งหน้าไปต่อเราก็พักกินข้าวกัน อาหารที่นี่สดมาก เราสั่งคล้ายๆผัดไข่ ผัดกุ้งแม่น้ำ แล้วก็น้ำต้มผัก ทุกอย่างอร่อยและสดมากกกกกกกกก ฟินนน กินอิ่มแล้วก็เดินย่อย แวะถ่ายรูปเล่น วิวที่นี่สวยมาก สามารถเช่นจักรยาน หรือ มอเตอร์ไซค์เที่ยวได้เลย อ้อ มีอีกอย่างเราเห็นเมืองนี้มีแต่มอเตอร์ไซค์คล้ายๆเวสป้าขับทั้งเมือง และไม่มีรุ่นอื่นให้เห็นเลยเป็นอะไรที่แปลกมากๆ ชอบมากๆ
หน้าร้าน
ภายในร้าน
ลมแรงมากกกก และหนาวมากกด้วย