เมื่อเด็กบ้านนอกต้องย้ายมาเรียนไฮสคูลสุดหรู

สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน
ตอนนี้ผมเรียนอยู่ไฮสคูลที่เมือง Houston, TX ในอเมริกาครับ พึ่งย้ายมาเรียนเมื่อปีที่แล้ว เข้าเกรด11 ครับ
ระบบโรงเรียนรัฐบาลที่นี้คือ ถ้าบ้านใครอยู่ใกล้โรงเรียนไหน ก็ไปเรียนโรงเรียนนั้นๆ ซึ่งนี้และคือจุดเปลี่ยนของผม

ผมคือเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ตอนอยู่เมืองไทยเรียนอยู่โรงเรียนประจำอำเภอเล็กๆ ภาษาอังกฤษไม่ต้องพูดถึงครับ ยิ้มๆ
แต่เมื่อรู้ตัวว่าต้องย้ายมาเรียน(แม่มาอยู่เมกาก่อนแล้ว) ผมก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ทั้งฟังเพลง ดูหนัง อ่านแกรมม่า
คิดว่าตัวเองพร้อมมาก อ่านรีวิวและประสบการณ์ต่างประเทศบลาๆ เอาเป็นว่าเตรียมมาพร้อมมาก พร้อมลุย ทั้งตื่นเต้นและท้าทาย
แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ขาผมเหยียบที่อเมริกา รู้สึกได้เลยว่า "เอาวะ ลองกันซักตั้ง" (ก่อนมาคือตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องเปลี่ยนตัวเอง)
นาทีนั้นผมนี่พกความมั่นใจมาเต็มร้อยมาก(ไม่ได้ดูความเป็นจริงเลย555)

แล้วเรื่องมันก็มีอยู่ว่า
ผมต้องมาอยู่กับแม่ซึ่งบ้านออกจะอยู่ชานเมือง ไม่ค่อยมีสีสัน ห้างขายของดีสุดก็ walmart(คล้ายบิ๊กซีบ้านเราแต่ของเยอะกว่า)
แล้วตัวผมเองเนี่ยและห้าวเอง นั่งหาข้อมูลโรงเรียนต่างๆในเมือง ซึ่งก็ไปเจอโรงเรียนหนึ่ง .....Memorial High School....
Memorial เป็นโรงเรียนที่อยู่ในระแวกนักธุรกิจ คนรวย บ้านที่พักต่างๆแพงไปหมด เด็กที่โรงเรียนส่วนมากก็จะรวยมากๆ
รวยขนาดที่ว่า(รอฟังเอานะครับ) ประมาณได้ว่า ผิวขาว70% เอเชี่ยน13% Hispanic15% ผิวสีหรือดำ2% (คือน้อยมากๆ)
หลายคนเตือนนะครับว่า แน่ใจหรอจะเข้าโรงเรียนนี้ แข่งกับคนอื่นเยอะนะ ไหนจะสังคมที่น่าจะต่างกับตัวเรามากๆ
แต่ในใจผมคือ เอาวะ! เลือกแล้ว เดินแล้ว เรื่องแค่นี้ต้องปรับตัวให้ได้สิวะ อย่าไปกลัว....
แล้วนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างเลยดีกว่าครับ โรงเรียนที่ว่าอยู่ไกลจากบ้าน ขับรถประมาณ 40นาที ด้วยความที่ว่า
ชื่อเสียงดี ผลประเมินและเกรดของโรงเรียนดีมาก ติดหนึ่งใน 10 โรงเรียนที่ดีที่สุดในเมืองนี้ ก็เลยไปปรึกษาแม่ว่าจะเข้าโรงเรียนนี้และ
ความโชคดีที่ตามมาคือ โรงเรียนนี้ใกล้กับที่ทำงานของแม่ ขับรถไม่ถึง10นาที ผมเลยขอแม่ให้เช่าอพาทเม้นใกล้ๆโรงเรียน
เพื่อที่จะได้เรียนที่นี้ ซึ่งแม่ก็ไม่โอเคในตอนแรก เพราะบ้านก็มีทำไมต้องมาอยู่ห้องเล็กๆ แต่สุดท้ายแม่ก็คือแม่ เพื่อการศึกษาของลูก
(รักแม่ที่สูดดดดด)

เอาละครับ วันลงทะเบียนเข้าเรียน
ความที่ว่าวันแรกขอแต่งตัวดีๆหน่อยวะ เดินเข้าโรงเรียนก้าวแรก แอร์หนาวมาก555
แม่ก็เข้าไปติดต่อนู้นนี่ ลงทะเบียนบลาๆ ปัญหาคือเด็กต่างประเทศต้องไปทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษก่อน
อือหือออ พอแม่มาบอกเท่านั้นละ ใจไม่ดีเลย ในใจคือถ้าไม่ผ่านจะได้เข้าเรียนไม่เนี่ย มาแล้วด้วยกลับไทยก็ไม่ได้
ด้วยความที่แม่ลูกไม่ค่อยรู้ประสีประสาอะไร ก็ขับรถไปอีกโรงเรียนหนึ่งที่ใกล้ๆกันเพื่อมาทำนัดว่าจะสอบวันไหน
แล้วด้วยความที่แม่ลูกไม่ค่อยเก่งภาษา ไปๆมาๆ โดนจับสอบวันนั้นเลย ตายห่าสิครับบบบ หืออออออออ
ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาทั้งสิ้น สอบทั้งหมด 4อย่าง คณิตแยกเป็น2ระดับ สอบฟังพูด แล้วสุดท้ายก็สอบวิชาอังกฤษ
ตายระเนระนาดมากครับบบ ทั้งตื่นเต้น ทั้งไม่ได้เตรียมตัว ไม่ได้ทำอะไรท้ังนั้น ทำแบบมึนๆ ฟังอะไรไม่ออก
การเตรียมตัวมาจากไทยพังหมด ทำไมข้อสอบไม่ได้มีความคล้ายยากไปแปดสิบเท่า แล้วคนที่นี้พูดเร็วอีก
โชว์เบลอโดยการพูดว่า Yes/No/Again please คะแนนออกมาคือ ผ่านคณิตทั้งสองตัว ส่วนภาษาอังกฤษหรอครับ ตกทั้งสองตัว
(ต้องขอบคุณครูที่ไทยที่สอนคณิตมาดี555) เอาจริงๆแล้ว วันนี้สำหรับผมคือยังไม่ได้ลงทะเบียนไรหรอกครับ เพราะว่าต้องรอคะแนนทดสอบที่ว่า ไปยื่นพร้อมวิชาที่เคยเรียนมาแล้วจากเมืองไทย

2วันต่อมา ก็กลับไปที่โรงเรียนอีกครั้ง คราวนี้และครับตาของเราแล้วจริงๆ ได้ลงเรียน รับหนังสืออย่างเขาซักที
แรกเลยก็ไปที่ห้องของ Counselor นางเป็นเหมือนคนกำหนดชีวิต ลงวิชาเรียน จัดการให้ทุกอย่าง ด้วยความที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ
นางบอกไรมา ผมตอบYes ครับ555 แล้วตารางสอนก็ออกมา รหัสนักเรียน อีเมลบลาๆ แอบดีใจที่ได้เป็นนักเรียนเต็มตัวแล้วซักที
ตารางสอนผมหรอครับ 1.Pre-AP AlgebraII 2.Pre-AP Chemistry 3.EnglishI ESL 4.World Geography 5.PE  6-7.Animation
ของแบ่งระดับความยากของที่เรียนนะครับ
ถ้าไม่รวม AP ซึ่งเป็นตัวเรียนของมหาลัย ที่ฝรั่งลงเรียนเยอะมากๆ แต่ส่วนมากจะมี เกรด11และ12
แต่วิชาที่ผมลงเรียนทั้งหมด คือของเกดร 9และ10 ซึ่งตัวผมเองเนี่ย เกรด11 แท้ๆ แต่ด้วยความอ่อนด้อยของภาษา555
Pre-AP ตัวเรียนระดับยาก สอบทุกสัปดาห์ การบ้านทุกวัน คะแนนสอบคิดเป็น70% ของเกรดเฉลี่ย
Acadamic ตัวเรียนระดับกลาง คนลงเรียนเยอะ การบ้านมีบ้างไม่ทุกวันและไม่เยอะเท่า Pre-AP สอบไม่บ่อย สอบคิดเป็น50%
ESL เฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ สำหรับเด็กต่างชาติที่ต้องเรียนตั้งแต่เบสิค แทบไม่มีการบ้าน มีสอบบ้างเล็กน้อย สอบคิดเป็น 50%
(ถ้าจะเน้นเรื่องเรียน เอาไว้คราวหน้านะครับ ผมสามารถเจาะละเอียดได้มากกว่านี้เยอะครับ)

พอได้ตารางสอนมาก็ต้องไปเอาหนังสือสิครับ รอไรละใช่ไม
หนังสือเล่มใหญ่มาก แล้วประมาณ4เล่ม ผมก็ต้องแบกไป3เล่ม แม่ช่วยถืออีก1เล่ม แล้วเราก็ไปต่อแถวลงทะเบียนยืมหนังสือ
ไม่คิดเลยว่าที่นี้จะฟรีทุกอย่างจริงๆ (ผมอยู่มาปีกว่าแล้ว ยังไม่เสียตังให้ รร ซักเหรียญเลยครับ) หลังจากลงทะเบียนเสร็จ
นางฟ้าผิวขาวตาน้ำขาว ก็เดินมาหา พอเขาเห็นว่าแม่ลูกยื่นหน้ามึนอยู่กลางทางเดิน ก็เข้ามาถามนู่นนี่ ไอ้เราก็เห่ยยยย
พูดไรกันวะ ฟังไม่รู้เรื่องงงง5555 ตกลงได้ว่าแม่บอกเขาว่า ให้ช่วยพาไปดูห้องเรียนที่ผมต้องเรียนหน่อย ผมก็เดินตามๆไป
แม่ก็ไงละครับ ถ่ายรูปนู่นนี่ปล่อยผมกับฝรั่งผมทองไว้สองคนคุยกัน อย่าคิดไรครับ ผมฟังห่าไรไม่ออกเลยครับ ยิ้มกับหัวเราะไปแค่นั้น555
หลังจากเราทัวร์ทริปรอบโรงเรียนเสร็จ แม่คงลืมว่าในมือผมนั้นมีหนังสือเล่มหนาๆ3เล่ม แขนนี่ปวดไปหมดครับ ถึงกับต้องหายาทาเลย
แม่กับผมก็ขอบคุณ จับไม้จับมือ กอดบอกลากับเด็กฝรั่งผมทองคนนั้น ตามมารยาทไทยกันไปครับ
จากนั้นเราก็เดินทัวร์กันต่อ ถ่ายรูปนู่นนี่ ตามประสาแม่ลูก อีกสักพักถึงจะได้กลับบ้าน

เดี่ยวมาต่อนะครับ วันแรกในไฮสคูลที่โหดร้ายแต่น่าจดจำ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่