จากกระทู้
http://pantip.com/topic/35811717
ที่เคยเกริ่นไว้ว่าอยากจะลองเขียนเกี่ยวกับจิตอาสาดูบ้าง จุดเริ่มต้นจริงๆ น่าจะมาจากการที่ได้พบกับคุณทีม จิตติวัฒน์ ที่งานวิ่งเมื่อวันก่อน พอได้พูดคุยก็ทำให้รู้ว่า บางครั้งจิตอาสาเริ่มต้นง่ายๆ “แค่ช่วยกันเก็บกันคนละชิ้น2ชิ้นก็เรียบร้อยแล้ว” (สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักคุณทีมลองค้นหาในกูเกิ้ลดูครับ เนื้อหาเยอะเกินกว่าที่ผมจะเล่าหมด แต่หลายคนรู้จักจากที่คุณทีมเดินเท้าทั่วประเทศเพื่อในหลวง คุ้นๆกันบ้างมั้ยครับ? ^^)
‘แค่ภายในไม่กี่นาทีได้ที่คุย ก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขึ้นมาทันที’ นี่คือสิ่งที่ผมและเพื่อนคิดเหมือนกัน T^T (ขอเล่าแบบรวมๆ เพื่อไม่ยาวจนเกินไปนะครับ)
งานที่ผมได้เจอกับคุณทีม เพิ่งมารู้ว่าคุณทีมตั้งใจมาวิ่งกับเดินและทำจิตอาสาอยู่แล้ว แถมยังมีการชักชวนคนในเพจให้มาทำกิจกรรมด้วย
ในส่วนของการทำจิตอาสา หลายคนที่ไปร่วมงานก็ไม่รู้พอวิ่งเสร็จก็กลับบ้านทันที แต่ก็มีจิตอาสาอยู่หลายคนที่ตั้งใจมาเพื่อทำโดยเฉพาะ
ในการทำจิตอาสาของคุณทีมนั้น หลายครั้งที่นำคำสอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้...ท่านบอกว่า “ความพอเพียงคือความพอดี ความพอดีคือความพอเพียง” ไม่ต้องมากหรือน้อยเกินไปเพียงแต่ต้องพอดี การจะทำอะไรต้องเริ่มจากตัวเองก่อน
แล้วพอพูดถึงจิตอาสาที่ทำอยู่ที่สนามหลวงก็รู้สึกว่าบุคคลคนนี้มีความคิดที่ไม่เหมือนใคร “เปลี่ยนจากแจกข้าวแจกน้ำ มาแจกอะไรที่มีประโยชน์ เพื่อคนที่ได้รับไปแล้วจะไม่ทิ้งและกระตุ้นจิตใจได้ เพราะการจะเปลี่ยนแปลงคนให้พลิกตัวเองขึ้นมาทำสิ่งดีๆได้ต้องเริ่มจากจิตใจก่อน ให้เค้าเริ่มกับตัวเอง กับสิ่งที่เห็นแล้วย้อนไปปรับปรุงตัวเอง”
และถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะสืบทอดและสานต่อสิ่งที่พระองค์ท่านได้ทำไว้ อย่างน้อยเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนแต่พยายามคิดอะไรไม่เกินตัว
เพราะผมไม่ต้องใช้เงินเยอะ ไม่มีภาระผูกพันธ์ “เราไม่มีหนี้ เลยใช้จ่ายไม่ฟุ้มเฟือย เลยมีเวลาอะไรเพื่อท่านได้เต็มที่ ยังทำได้เรื่อยๆ นิดๆหน่อยๆ อะไรก็แล้วแต่ พระองค์ท่านทำมา 70ปี เราทำเท่าไหร่เอง ถวายพระองค์ท่านเป็นเรื่องเล็ก แต่ก็ต้องทำแบบพอดีให้กินให้อยู่ได้ อย่าไปเบียดเบียนผู้อื่นเค้า”
ประโยคนี้แหละครับที่ผมฟังแล้วตัวเองดูไม่มีประโยชน์ขึ้นทันที เพราะคิดว่าไม่ค่อยมีคนมาทำอะไรแบบนี้ แต่คุณทีมกลับมองต่างแล้วบอกว่า..
“คนอุทิศเยอะแล้วเพียงแต่ไม่ค่อยมีคนเห็น ไม่มีคนสนใจ บางครั้งต้องทำอะไรดึงดูดให้คนมาร่วมกันได้ ต้องทำอะไรจากจุดเล็กๆ เพราะเราไม่ใช่ศิลปินดาราที่จะชักชวนให้มาทำโปรเจคได้”
สำหรับผม มันเป็นอะไรที่ยากที่จะผุดไอเดียหรือโครงการสักอันเพื่อให้ทุกคนพร้อมใจมาทำสิ่งดีๆ แต่คุณทีมกลับมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเองก่อน ถ้าเราตั้งใจเราก็จะทำมันได้ แค่ทำสิ่งเล็กๆ แต่ถ้าได้ทำกันหลายๆกันก็กลายเป็ฯสิ่งยิ่งใหญ่ได้...จบกระทู้นี้ผมคงต้องหาอะไรดีทำเพื่อสังคมบ้างแล้วล่ะ

.
.
ขอบคุณคุณทีมที่เสียสละเวลามาคุยกับผมเนิ่นนานนะครับ //แปะรูปร่างหน้าตาคุณทีมสักหน่อยเผื่อใครยังไม่รู้จัก
บางครั้งคนเราก็ทำจิตอาสาแบบไม่รู้ตัว...เริ่มต้นง่ายๆจากจุดเล็กๆรอบตัวเรา
ที่เคยเกริ่นไว้ว่าอยากจะลองเขียนเกี่ยวกับจิตอาสาดูบ้าง จุดเริ่มต้นจริงๆ น่าจะมาจากการที่ได้พบกับคุณทีม จิตติวัฒน์ ที่งานวิ่งเมื่อวันก่อน พอได้พูดคุยก็ทำให้รู้ว่า บางครั้งจิตอาสาเริ่มต้นง่ายๆ “แค่ช่วยกันเก็บกันคนละชิ้น2ชิ้นก็เรียบร้อยแล้ว” (สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักคุณทีมลองค้นหาในกูเกิ้ลดูครับ เนื้อหาเยอะเกินกว่าที่ผมจะเล่าหมด แต่หลายคนรู้จักจากที่คุณทีมเดินเท้าทั่วประเทศเพื่อในหลวง คุ้นๆกันบ้างมั้ยครับ? ^^)
‘แค่ภายในไม่กี่นาทีได้ที่คุย ก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขึ้นมาทันที’ นี่คือสิ่งที่ผมและเพื่อนคิดเหมือนกัน T^T (ขอเล่าแบบรวมๆ เพื่อไม่ยาวจนเกินไปนะครับ)
งานที่ผมได้เจอกับคุณทีม เพิ่งมารู้ว่าคุณทีมตั้งใจมาวิ่งกับเดินและทำจิตอาสาอยู่แล้ว แถมยังมีการชักชวนคนในเพจให้มาทำกิจกรรมด้วย
ในส่วนของการทำจิตอาสา หลายคนที่ไปร่วมงานก็ไม่รู้พอวิ่งเสร็จก็กลับบ้านทันที แต่ก็มีจิตอาสาอยู่หลายคนที่ตั้งใจมาเพื่อทำโดยเฉพาะ
ในการทำจิตอาสาของคุณทีมนั้น หลายครั้งที่นำคำสอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้...ท่านบอกว่า “ความพอเพียงคือความพอดี ความพอดีคือความพอเพียง” ไม่ต้องมากหรือน้อยเกินไปเพียงแต่ต้องพอดี การจะทำอะไรต้องเริ่มจากตัวเองก่อน
แล้วพอพูดถึงจิตอาสาที่ทำอยู่ที่สนามหลวงก็รู้สึกว่าบุคคลคนนี้มีความคิดที่ไม่เหมือนใคร “เปลี่ยนจากแจกข้าวแจกน้ำ มาแจกอะไรที่มีประโยชน์ เพื่อคนที่ได้รับไปแล้วจะไม่ทิ้งและกระตุ้นจิตใจได้ เพราะการจะเปลี่ยนแปลงคนให้พลิกตัวเองขึ้นมาทำสิ่งดีๆได้ต้องเริ่มจากจิตใจก่อน ให้เค้าเริ่มกับตัวเอง กับสิ่งที่เห็นแล้วย้อนไปปรับปรุงตัวเอง”
และถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะสืบทอดและสานต่อสิ่งที่พระองค์ท่านได้ทำไว้ อย่างน้อยเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนแต่พยายามคิดอะไรไม่เกินตัว
เพราะผมไม่ต้องใช้เงินเยอะ ไม่มีภาระผูกพันธ์ “เราไม่มีหนี้ เลยใช้จ่ายไม่ฟุ้มเฟือย เลยมีเวลาอะไรเพื่อท่านได้เต็มที่ ยังทำได้เรื่อยๆ นิดๆหน่อยๆ อะไรก็แล้วแต่ พระองค์ท่านทำมา 70ปี เราทำเท่าไหร่เอง ถวายพระองค์ท่านเป็นเรื่องเล็ก แต่ก็ต้องทำแบบพอดีให้กินให้อยู่ได้ อย่าไปเบียดเบียนผู้อื่นเค้า”
ประโยคนี้แหละครับที่ผมฟังแล้วตัวเองดูไม่มีประโยชน์ขึ้นทันที เพราะคิดว่าไม่ค่อยมีคนมาทำอะไรแบบนี้ แต่คุณทีมกลับมองต่างแล้วบอกว่า..
“คนอุทิศเยอะแล้วเพียงแต่ไม่ค่อยมีคนเห็น ไม่มีคนสนใจ บางครั้งต้องทำอะไรดึงดูดให้คนมาร่วมกันได้ ต้องทำอะไรจากจุดเล็กๆ เพราะเราไม่ใช่ศิลปินดาราที่จะชักชวนให้มาทำโปรเจคได้”
สำหรับผม มันเป็นอะไรที่ยากที่จะผุดไอเดียหรือโครงการสักอันเพื่อให้ทุกคนพร้อมใจมาทำสิ่งดีๆ แต่คุณทีมกลับมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเองก่อน ถ้าเราตั้งใจเราก็จะทำมันได้ แค่ทำสิ่งเล็กๆ แต่ถ้าได้ทำกันหลายๆกันก็กลายเป็ฯสิ่งยิ่งใหญ่ได้...จบกระทู้นี้ผมคงต้องหาอะไรดีทำเพื่อสังคมบ้างแล้วล่ะ
.
.
ขอบคุณคุณทีมที่เสียสละเวลามาคุยกับผมเนิ่นนานนะครับ //แปะรูปร่างหน้าตาคุณทีมสักหน่อยเผื่อใครยังไม่รู้จัก