ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนเลยน่ะครับว่า นี่คือกระทู้แรกของผม
ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใด ผมขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยน่ะครับ ^^
โอเครรู้เรื่อง ป่ะ ! ไปอ่านความไร้สาระของผมกันเถอะ
อย่างที่หัวข้อบอกไว้เลยครับเที่ยวภูอานม้า หลายคนขมวดคิ้วสงสัยว่าที่พะเยามีที่เที่ยวชื่อนี้ด้วยหรอ ?
จริงๆ มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่จะให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัส จะเปิดอย่างเป็นทางการก็คงจะปีหน้าแหละ
( พ.ศ.2560 ) แต่ผมชอบบุกเบิกตะลุยแบกเป้ไปก่อนคนอื่น 55555
เมื่อฤดูฝนเข้ามา ฤดูถัดไปก็เป็นฤดูหนาวสิน่ะ นี่เขาเรียกว่าปลายฝน ต้นหนาวรึเปล่า
ผมเห็นรีวิวจากเพจ เชียงคำทูเดย์ แล้วผมอดใจไม่ไหวถ้าจะห้ามให้สองเท้าไม่ก้าวไปสัมผัส
ยอดภู ผมคงนอนไม่หลับ 55555 ถึงเวลานัดหมายกับพวกพ้องแล้วละครับ ..
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภูอานม้าอะไรนี่มันอยู่ตรงไหน ทำได้แค่ขี่รถวนไปครับ วนไปจนกว่าจะถึงปลายทาง
( แลดูชิวมากกับการเดินทาง และแดดเวลาเที่ยงๆ ) เราใช้เส้นทางเชียงคำ - ปางถ้ำ
บรรยากาศสองข้างทางชวนให้หลงไหลซะเหลือเกิน นึกแล้วก็อยากไปอีกล่ะ ><
จะถึงปลายทางอยู่แล้วเชียว รถคู่ใจก็ดันมาหมดแรงจนได้ ถนนตอนหน้าฝนก็อย่างว่าเนาะ
ทั้งลื่น ทั้งอันตราย ผมมีความคิดที่จะกลับบ้านด้วยซ้ำไป แต่อย่างว่าแหละครับ
ในความโชคร้าย ก็มักมีความโชคดีแฝงไว้อยู่ พี่ๆที่คุมงานก่อสร้างถนนเขาได้ผ่านมาพอดี
เราเลยขอติดรถไปด้วย ให้พี่เขาไปส่งปากทางเข้าภูอานม้า
หลังจากนั้นพวกเราก็ต้องใช้แรงเท้าที่เรามีเดินขึ้นไปครับ มันลำบากมากจริงๆ
( แนะนำ ถ้าใจไม่รักการบุกเบิกจริงๆ อย่าไปครับ ) เดินเกือบๆ 1 กิโล ผมก็พบบรรไดขึ้นยอดภู
พักหายใจ ให้ร่างกายหายเหนื่อยก่อนมั้ยแล้วค่อยขึ้นไป ( ความคิดของผมคิดไว้อย่างนั้น )
แต่เวลาไม่เคยรอใครครับ ผมตัดสินใจเดินขึ้นบรรไดที่ไม่รู้ว่ามีกี่ขั้น เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา
โอ๊ยยยย !! อะไรจะโค้งเยอะขนาดนั้นคร้าบบบบ ถ้าให้กะระยะทางก็น่าจะเกือบๆ
1 กิโลเหมือนกัน เกือบตายเลยทีเดียว
เมื่อเท้าได้สัมผัสกับยอดภูแล้ว สายตาของผมค่อยๆกวาดดูรอบๆตัวของผม
มันน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากที่มีสายหมอกลอยล้อมรอบกายของผม มันคุ้มค่ามากเลยครับ
กับการที่เราเสียเหงื่อเราไป เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศดีๆแบบนี้
" เ ธ อ เ ห็ น เ ส้ น ท า ง ค ด เ คี้ ย ว ต ร ง นั้ น ไ ห ม ? "
เปิดดูนาฬิกา ก็พบว่า " หมดเวลาสนุกของคุณแล้วน่ะ กลับบ้านได้แล้ว "
( ซึ่งบอกกาอนน่ะว่าไม่มีใครสักคนเลยนอกจากพวกเพื่อนๆของผมทั้ง 3 คน )
เอาไงละทีนี้ พี่ที่มาส่งเรา เขากลับไปแล้ว แล้วเราจะกลับไปเอารถได้ไงละทีนี้ ?
แต่อัศวินขี่ม้าขาวไม่ได้มีแต่ในเทพนิยายอย่างเดียว นี่ !!
ประเทศไทยก็มีอัศวินมาล่วยเหมือนกัน แต่ขี่ CBR น่ะ หืมมมม !!! 55555
เอาเป็นว่าเราขอติดรถพวกเขา เพื่อไปเอารถของเราที่ด้านล่างครับ เฮ้ออออ !!
โล่งอกไปที นึกว่าจะได้นอนบนภูอานม้าซะละ
" เ ส้ น ท า ง มิ ต ร พ า พ เ ส้ น ท า ง แ ห่ ง ก า ร เ ดิ น ท า ง "
" นี่ มั น ท า ง ไ ป ห รื อ ท า ง ก ลั บ แ ต่ จ ะ ท า ง ไ ห น ไ ห น
มั น ก็ คื อ ท า ง เ ห มื อ น กั น นั้ น แ ห ล ะ "
ระว่างทางกลับบ้าน ผมก็เจอน้ำตกเล็กใหญ่ ตามข้างทาง ไม่แวะถ่ายสักหน่อยก็คงไม่ใช่ผมสิน่ะ
เอ้า !! 1 2 ซั่มมม ! แช๊ะ !! ถ่ายเสร็จก็ save ลงในแกลลอรี่สิครับจะรออะไร น้ำตกนี้ยังไม่มีลื่อเรียกเลย
เพราะมันเป็นน้ำตกสาขาเล็กๆที่แตกย่อยออกมา งั้นผมขอตั้งชื่อให้มันว่า " น้ำตกภูอานน้อย "
เนื่องจากเป็นเส้นทางไปพูอานม้า แต่ด้วยความที่น้ำตกมันมีขนาดเล็ก ตั้งลื่อแบบนี้แหละน่ารักดี 5555
ห ม ด เ ว ล า เ อ็ น จ อ ย กั บ ธ ร ร ม ช า ติ แ ล้ ว . . .
วันทั้งวัน ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติจริงๆ
ทริปนี้ เป็นทริปที่ตื่นเต้น สนุกสนานปนความเครียด แต่ดูรวมๆแล้วเป็นทริปที่มีเสน่ห์เหลือเกิน
สัญญาถ้ามีโอกาสได้ไป ผมก็จะแบ็คแพ็คกระเป๋าไปอีก
ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านเรื่องราวการเดินทางของผมจนจบ #ทริปพูอานม้า
ฝากติดตามทวิตเตอร์ @ilovetravel___ ของผมด้วยน่ะครับ
[CR] " แบกเป้ เที่ยวไพร ไปเที่ยวภูอานม้า " บ้านหนองห้า อ.เชียงคำ จ.พะเยา
ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใด ผมขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยน่ะครับ ^^
โอเครรู้เรื่อง ป่ะ ! ไปอ่านความไร้สาระของผมกันเถอะ
อย่างที่หัวข้อบอกไว้เลยครับเที่ยวภูอานม้า หลายคนขมวดคิ้วสงสัยว่าที่พะเยามีที่เที่ยวชื่อนี้ด้วยหรอ ?
จริงๆ มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่จะให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัส จะเปิดอย่างเป็นทางการก็คงจะปีหน้าแหละ
( พ.ศ.2560 ) แต่ผมชอบบุกเบิกตะลุยแบกเป้ไปก่อนคนอื่น 55555
เมื่อฤดูฝนเข้ามา ฤดูถัดไปก็เป็นฤดูหนาวสิน่ะ นี่เขาเรียกว่าปลายฝน ต้นหนาวรึเปล่า
ผมเห็นรีวิวจากเพจ เชียงคำทูเดย์ แล้วผมอดใจไม่ไหวถ้าจะห้ามให้สองเท้าไม่ก้าวไปสัมผัส
ยอดภู ผมคงนอนไม่หลับ 55555 ถึงเวลานัดหมายกับพวกพ้องแล้วละครับ ..
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภูอานม้าอะไรนี่มันอยู่ตรงไหน ทำได้แค่ขี่รถวนไปครับ วนไปจนกว่าจะถึงปลายทาง
( แลดูชิวมากกับการเดินทาง และแดดเวลาเที่ยงๆ ) เราใช้เส้นทางเชียงคำ - ปางถ้ำ
บรรยากาศสองข้างทางชวนให้หลงไหลซะเหลือเกิน นึกแล้วก็อยากไปอีกล่ะ ><
จะถึงปลายทางอยู่แล้วเชียว รถคู่ใจก็ดันมาหมดแรงจนได้ ถนนตอนหน้าฝนก็อย่างว่าเนาะ
ทั้งลื่น ทั้งอันตราย ผมมีความคิดที่จะกลับบ้านด้วยซ้ำไป แต่อย่างว่าแหละครับ
ในความโชคร้าย ก็มักมีความโชคดีแฝงไว้อยู่ พี่ๆที่คุมงานก่อสร้างถนนเขาได้ผ่านมาพอดี
เราเลยขอติดรถไปด้วย ให้พี่เขาไปส่งปากทางเข้าภูอานม้า
หลังจากนั้นพวกเราก็ต้องใช้แรงเท้าที่เรามีเดินขึ้นไปครับ มันลำบากมากจริงๆ
( แนะนำ ถ้าใจไม่รักการบุกเบิกจริงๆ อย่าไปครับ ) เดินเกือบๆ 1 กิโล ผมก็พบบรรไดขึ้นยอดภู
พักหายใจ ให้ร่างกายหายเหนื่อยก่อนมั้ยแล้วค่อยขึ้นไป ( ความคิดของผมคิดไว้อย่างนั้น )
แต่เวลาไม่เคยรอใครครับ ผมตัดสินใจเดินขึ้นบรรไดที่ไม่รู้ว่ามีกี่ขั้น เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา
โอ๊ยยยย !! อะไรจะโค้งเยอะขนาดนั้นคร้าบบบบ ถ้าให้กะระยะทางก็น่าจะเกือบๆ
1 กิโลเหมือนกัน เกือบตายเลยทีเดียว
เมื่อเท้าได้สัมผัสกับยอดภูแล้ว สายตาของผมค่อยๆกวาดดูรอบๆตัวของผม
มันน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากที่มีสายหมอกลอยล้อมรอบกายของผม มันคุ้มค่ามากเลยครับ
กับการที่เราเสียเหงื่อเราไป เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศดีๆแบบนี้
" เ ธ อ เ ห็ น เ ส้ น ท า ง ค ด เ คี้ ย ว ต ร ง นั้ น ไ ห ม ? "
เปิดดูนาฬิกา ก็พบว่า " หมดเวลาสนุกของคุณแล้วน่ะ กลับบ้านได้แล้ว "
( ซึ่งบอกกาอนน่ะว่าไม่มีใครสักคนเลยนอกจากพวกเพื่อนๆของผมทั้ง 3 คน )
เอาไงละทีนี้ พี่ที่มาส่งเรา เขากลับไปแล้ว แล้วเราจะกลับไปเอารถได้ไงละทีนี้ ?
แต่อัศวินขี่ม้าขาวไม่ได้มีแต่ในเทพนิยายอย่างเดียว นี่ !!
ประเทศไทยก็มีอัศวินมาล่วยเหมือนกัน แต่ขี่ CBR น่ะ หืมมมม !!! 55555
เอาเป็นว่าเราขอติดรถพวกเขา เพื่อไปเอารถของเราที่ด้านล่างครับ เฮ้ออออ !!
โล่งอกไปที นึกว่าจะได้นอนบนภูอานม้าซะละ
" เ ส้ น ท า ง มิ ต ร พ า พ เ ส้ น ท า ง แ ห่ ง ก า ร เ ดิ น ท า ง "
" นี่ มั น ท า ง ไ ป ห รื อ ท า ง ก ลั บ แ ต่ จ ะ ท า ง ไ ห น ไ ห น
มั น ก็ คื อ ท า ง เ ห มื อ น กั น นั้ น แ ห ล ะ "
ระว่างทางกลับบ้าน ผมก็เจอน้ำตกเล็กใหญ่ ตามข้างทาง ไม่แวะถ่ายสักหน่อยก็คงไม่ใช่ผมสิน่ะ
เอ้า !! 1 2 ซั่มมม ! แช๊ะ !! ถ่ายเสร็จก็ save ลงในแกลลอรี่สิครับจะรออะไร น้ำตกนี้ยังไม่มีลื่อเรียกเลย
เพราะมันเป็นน้ำตกสาขาเล็กๆที่แตกย่อยออกมา งั้นผมขอตั้งชื่อให้มันว่า " น้ำตกภูอานน้อย "
เนื่องจากเป็นเส้นทางไปพูอานม้า แต่ด้วยความที่น้ำตกมันมีขนาดเล็ก ตั้งลื่อแบบนี้แหละน่ารักดี 5555
ห ม ด เ ว ล า เ อ็ น จ อ ย กั บ ธ ร ร ม ช า ติ แ ล้ ว . . .
วันทั้งวัน ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติจริงๆ
ทริปนี้ เป็นทริปที่ตื่นเต้น สนุกสนานปนความเครียด แต่ดูรวมๆแล้วเป็นทริปที่มีเสน่ห์เหลือเกิน
สัญญาถ้ามีโอกาสได้ไป ผมก็จะแบ็คแพ็คกระเป๋าไปอีก
ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านเรื่องราวการเดินทางของผมจนจบ #ทริปพูอานม้า
ฝากติดตามทวิตเตอร์ @ilovetravel___ ของผมด้วยน่ะครับ