แผนเที่ยวครั้งนี้ 3 วัน 2 คืน ค่ะ (ไปรถไฟ กลับรถตู้)
วันแรก
7.50 ขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี
12.30 ถึงสถานีน้ำตก จ.กาญจนบุรี
13.00 นั่งรถสองแถวจากสถานีน้ำตกมาถึงน้ำตกไทรโยคน้อย
14.00 นั่งรอรถจนรถบัสสาย 8203 ผ่านมาแล้วขึ้นรถเพื่อไปสังขละบุรี
18.00 ถึงสังขละบุรี
18.10 นั่งวินมาถึงที่พักไฮกุ
18.30 เดินเที่ยวที่สะพานมอญและหาอะไรกิน
20.30 กลับถึงที่พัก
วันที่สอง
6.00 ตื่น
7.00 ออกจากที่พักเดินไปสะพานหาอะไรกินแถวสะพาน
8.00 ลงเรือเที่ยววัดจมน้ำ 3 ที่
9.30 เที่ยวเสร็จ เดินตลาด ถ่ายรูป กลับที่พัก
9.40 มานั่งเล่นที่ร้านกาแฟ Kaf Café ข้างหน้าที่พัก
11.30 ออกจากที่พัก ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านเจ๊พร
12.30 ออกจากเจ๊พร มาท่ารถสองแถวไปด่านเจดีย์สามองค์
14.45 ถึงด่านเจดีย์สามองค์ (รอรถสองแถวออกนานมากค่ะ)
15.00 ข้ามไปพม่า และเที่ยววัดในพม่า
16.40 กลับมาที่ด่าน นั่งรถสองแถวกลับสังขละบุรี
17.40 ถึงสังขละบุรี เดินไปตลาดตรงเซเว่น กินหมูไม้จุ่ม
18.20 ดูพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานไม้
19.00 มานั่งกินข้าวที่พีเกสต์เฮาส์
20.30 กลับถึงที่พัก
วันที่สาม
5.00 ตื่น
6.00 ออกไปใส่บาตรตอนเช้าที่สะพานไม้
7.30 ใส่บาตรเสร็จ ไปเที่ยววัดวังวิเวการามและเจดีย์พุทธคยา
9.30 เที่ยวเสร็จ กลับถึงที่พัก นั่งเล่นที่ร้านกาแฟ Kaf Café
11.00 กินพิซซ่าที่ Kaf Café
12.00 ออกจากที่พัก
12.15 เดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยรถตู้ กาญจนบุรี-สังขละบุรี
16.00 ถึงขนส่งกาญจนบุรี นั่งรถตู้กลับกรุงเทพฯ
18.30 ถึงกรุงเทพ

ว่างจนนอนยาวๆ

รถแดงหน้าน้ำตกไทรโยคน้อย ไปสังขละบุรี มาทุกๆ 30 นาที

หน้าที่พักไฮกุ เป็นร้ากาแฟของเจ้าของเค้าค่ะ

หมาประจำร้าน

ที่พักไฮกุ

บรรยากาศสะพาน
การเริ่มต้นไปเที่ยวสังขละบุรีครั้งนี้เริ่มที่ “สถานีรถไฟธนบุรี” ค่ะ เรานัดเจอกับเพื่อนกันประมาณ 7.30 น. ที่ท่ารถไฟ
ยื่นบัตรประชาชนที่ช่องขายตั๋วก็ได้ตั๋วรถไฟฟรีมาแล้วค่ะ ตามตั๋วรถไฟออก 7.50 น. แต่ความเป็นจริงคือ 7.50 น. เรียกให้คนขึ้นขบวน ออกจริงๆ ประมาณ 8.00 น. ค่ะ ขึ้นรถไฟเราสองขึ้นจับจองที่ฝั่งซ้าย แล้วนั่งตรงข้ามกันค่ะ เพราะฝั่งซ้ายจะเป็นฝั่งได้เห็นวิวตอนผ่านเส้นทางรถไฟสายมรณะค่ะ ระหว่างนั่งไปก็ชมวิว หาข้อมูลเที่ยว หลับบ้าง แล้วก็ตื่นมากินก๋วยเตี๋ยว 10 บาทบนรถไฟ โชคดีวันที่เดินทางด้วยรถไฟอากาศไม่ร้อนแถมมีฝนตกปรอยๆ ให้เย็นกันได้หน่อยนึง บวกกับไปวันธรรมดาคนไม่เยอะมาก นั่งกันโล่งๆ เลยค่ะ พอเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีเริ่มมีกลุ่มนักท่องเที่ยวฝรั่งขึ้นมาเพื่อนั่งไปเส้นทางรถไฟสายมรณะค่ะ แล้วเขาก็จะลงกัน ไม่ได้ไปสุดทางที่น้ำตกเหมือนพวกเรา เราลงกันที่สถานีน้ำตกค่ะ
ถึงประมาณ 12.30 น. จากสถานีน้ำตกเรานั่งรถสองแถวมาลงหน้าน้ำตกไทรโยคน้อยคนละ 30 บาทค่ะ แล้วก็นั่งรอรถบัสสีแดงสาย 8203 ผ่านมา เพื่อจะต่อไปสังขละบุรี รอนานอยู่นะคะ แม่ค้าแถวนั้นบอกว่ารถจะมาทุก 30 นาที รถที่เรานั่งเป็นรถพัดลมค่ะ ราคา 130 บาท ดีที่อากาศไม่ร้อน แนะนะถ้านั่งช่วงบ่ายให้นั่งฝั่งขวานะคะ จะได้ไม่โดนแดด กว่าจะถึงสังขละบุรีก็เย็นแล้วค่ะ ยังไม่ได้เที่ยวไหนเลย แต่ได้ชมวิวอิ่มแทน ลงรถสองแถวปุ๊บเรากับเพื่อนก็โดดขึ้นวินบอกว่าไปที่พักไฮกุ เหมือนพี่วินที่นี่เค้าจะรู้จักที่พักหมดนะคะว่าแต่ละที่อยู่ตรงไหน มาถึงหน้าที่พักก็เจอกับพี่เรืองกิตต์ เจ้าของและเพื่อนๆ ของพี่เค้ากำลังนั่งคุยกันอยู่ข้างหน้า เราสองคนรีบเค้าไปเก็บของแล้วออกมา เพื่อนของพี่เรืองกิตต์แนะนำให้เราสองคนไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ๊พร เขาบอกว่าอร่อย แต่วันนี้คงเย็นไป เราเลยเก็บไว้กินพรุ่งนี้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่เรืองกิตต์เป็นนักเขียนบทกวี มีได้รางวัลซีไรต์มาแล้วด้วยค่ะ ถ้าใครเป็นนักอ่านก็ลองมาพักที่นี่ได้นะคะ เผื่อได้เจอและคุยกับนักเขียน พี่ๆ เขาใจดีค่ะ
แต่พี่ๆ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำนะคะ เขายังชวนพวกเรานั่งคุยด้วยกันอยู่เลย แต่พวกเราติดอยากเที่ยวชมวิวและเจอ
คนสังขละเลยไม่ได้นั่งคุยกับพวกพี่เขา วันแรกจบไปด้วยกานเดินทางและเดินเล่นสะพานตอนดึกแล้ว

วันที่สอง เรากับเพื่อนออกจากที่พักประมาณ 7.00 น. พอมาเที่ยวทีไรต้องตื่นเช้าทุกครั้ง เพราะกลัวไม่คุ้ม เพื่อนๆ
เป็นกันไหมคะ เรามาหาอะไรกินแถวสะพานมอญค่ะ เป็นร้านอาหารที่นั่งแล้วเห็นวิวสะพานมอญสวยดีค่ะ กินข้าวเสร็จ พวกเราก็ลงเรือ เหมาไปเที่ยว 3 วัด ได้ราคา 350 บาทค่ะ ส่วนประวัติแต่ละวัดกับสาเหตุการจมน้ำ ไว้เพื่อนๆ มาแล้วมาฟังจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่นดีกว่าค่ะ สนุกกว่าและได้ฟังสำเนียงการพูดของคนที่นี่ด้วย ตรงวัดที่ต้องเดินขึ้นเขานิดนึงจะมีมัคคุเทศก์เด็กสองคนมาเล่าให้ฟังนะคะ เราสองคนก็นิสัยชอบแกล้งเด็กค่ะ แกล้งถามคำถามยากๆ และแกล้งทำเป็นถ้า
พี่ขึ้นไม่ไหว แบกพี่ด้วยนะ เด็กๆ ก็น่ารักดีค่ะ แบบซนบ้างตามประสาเด็ก คำแนะนำของมัคคุเทศก์เด็กคือถ้าพี่ไม่อยากเหนื่อย พี่ต้องเดินขึ้นเร็วๆ...อย่างนี้พี่ต้องวิ่งสินะ จบเที่ยววัดจมน้ำแล้ว เรากลับที่พักเพื่อไปนั่งเล่น เพราะเห็นว่ามีกาแฟขาย เมื่อเช้าตอนนออกมาร้านยังไม่เปิด นั่งเล่นดื่มกาแฟไป พี่ๆ นักเขียนหยิบยื่นหนังสือที่ตัวเองเขียนมาให้พวกเราอ่าน บอกตามตรงนะคะ นานๆ เลยที่พวกเราจะอ่านบทกวี ส่วนใหญ่อ่านนิยายหรือเรื่องสั้นกัน พออ่านบทกวีแล้วต้องใช้สมาธิในการคิดวิเคราะห์ และซึมซับนาน เลยนั่งกันเกือบสองชั่วโมงได้ พอใกล้เที่ยงพวกเราก็ไปหาอะไรกิน นึกขึ้นมาได้ว่าพี่เขาแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊พร จากที่พักเจอถนนใหญ่เลี้ยวซ้ายร้านอยู่ตรงข้ามค่ายตำรวจชายแดนค่ะ ตอนเราสองคนกำลังจะออกไปกินก๋วยเต๋ยว โชคดีที่เจ้าของพีเกสต์เฮาส์มานั่งคุยกับพี่ๆ ที่ร้านกาแฟ พี่เค้าเลยให้คนที่พีเกสต์เฮาส์ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่ร้านเจ๊พร การเที่ยวครั้วนี้เราสองคนไม่ได้เช่ามอเตอร์ไซค์นะคะ เพราะว่าขับไม่แข็งกัน เพื่อนเคยล้มและอาชีพเพื่อนต้องใช้ความสวยงาม เลยไม่เสี่ยงดีกว่าค่ะ พวกเราอาศัยเดินกับเรียกวิน แต่ส่วนใหญ่ก็เดินนะคะ เพราะไม่ได้ลำบากอะไรมาก มาถึงร้านเจ๊พร คนเยอะพอสมควร กินหมดอย่างรวดเร็วเพราะอร่อยสมคำร่ำลือ ระหว่างที่เรากำลังมองป้ายรอบๆร้านแกที่มีติดทัวร์พม่า เจ๊พรก็เข้ามาคุยด้วยว่าหนูสนใจไปพม่ากันเหรอ พี่ยักษ์ที่เค้าติดป้ายไว้ก็โอเค ลูกป้าพาเพื่อนไปเที่ยวหลายครั้งแล้ว นี่หนูพักที่ไหนกัน พอเราบอกว่าไฮกุ ป้าแกรีบบอกเลยว่าฝากขอบคุณพี่ที่ไฮกุมากนะที่แนะนำร้านป้า เสร็จแล้วป้าแกรีบโทรหาพี่ยักษ์ให้เราสองคนได้คุยกับแก เราต่อราคาพาทัวร์เรียบร้อยตกคนละ 350 บาท แล้วเจ๊พรก็ใจดีให้ลูกสาว
ขี่มอเตอร์ไซค์พาหญิงง่อยสองคนไปส่งที่ท่ารถสองแถวไปด่านเจดีย์สามองค์ เราสองคนรอรถสองแถวนานมากกว่าจะได้ออก ที่จริงรถก็มีตลอดแหละแต่พี่เค้าไม่ออก เพราะคนไม่เยอะ เลยข้ามไปรอบนึง กว่าจะมาถึงด่านก็เกือบบ่ายสาม
ค่ารถสองแถว 30 บาท พอถึงด่านรีบโทรหาพี่ยักษ์ให้มารับข้ามไปเที่ยววัดที่พม่า เราประทับใจวัดพม่าตรงเอกลักษณ์ที่เค้าจะสร้างอะไรเรียงๆ ยาวๆ และต้องสร้างที่สูงชัน เอกลักษณ์อีกอย่างคือเน้นสีทองค่ะ เที่ยววัดเสร็จกลับมาทันรถสองแถวกลับสังขละรอบสุดท้ายพอดี รอบสุดท้ายรอบ 16.45 น. นะคะ พอถึงสังขละพวกเราหาหมูไม้จุ่มที่ตลาดกินกันค่ะ ไม้ละ
1 บาท ตอนเราไปมีสองเจ้านะคะมีเจ้าตรงเซเว่นกับเจ้าตรงตลาดที่เป็นน้องฝาแฝดช่วยกันขาย เรากินร้านน้องผู้หญิง
ฝาแฝดค่ะ กินเสร็จรีบนั่งวินไปดูพระอาทิตย์ตกที่สะพาน ก็เกือบจะไม่ทันอยู่นะคะ เพราะกินกันเพลิน หลังจากดู
พระอาทิตย์ตกและเดินตลาด เราเดินกันไปนั่งกินข้าวและชมวิวแม่น้ำที่พีเกสต์เฮาส์ หลังจากนั้นก็กลับที่พักค่ะ
วัดที่พม่าค่ะ >>>

ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊พร อยู่ตรงข้ามค่ายตำรวจชายแดน

หมูไม้จุ่ม ไม้ละบาท
วันที่สาม
ออกจากที่พักหกโมง ไปใส่บาตร ใส่บาตรเสร็จเราเหมาวินไปเที่ยววัดวังวิเวการามและเจดีย์พุทธคยา เราเหมาวินไปสองคันคันละ 100 บาท แล้วให้เขามาส่งที่พัก ตอนแรกจะออกเลย แต่เห็นว่ามีพิซซ่าเลยนั่งรอพ่อครัวทำพิซซ่ามา ได้กินตอนมาณ 11.00 น. กินเสร็จออกจากที่พัก กลับบ้าน กลับโดยรถตู้สังขละบุรีมาส่งที่ขนส่งกาญ ราคา 135 บาท จากนั้นจากขนส่งต่อรถตู้มาลงหมอชิต 120 บาท ถ้าลงสายใต้ 110 บาทค่ะ
โบส์ถวัดวังวิเวการาม

หน้าต่างโบสถ์ แกะสลักด้วยไม้

เจดีย์พุทธคยา

ขนมจีนหยวกกล้วย

พิซซ่าที่ไฮกุ

ทริปนี้ต้องขอบคุณ เจ้าของไฮกุและเพื่อนๆพี่ ที่หยิบยื่นหนังสือให้พวกเรา ขอบคุณพี่เจ้าของและพี่ที่พีเกสต์เฮาส์ที่ไปส่งพวกเราที่ร้านเจ๊พรและให้ยาสีฟันกับพวกเราถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พักกับพี่ ขอบคุณเจ๊พรและลูกเจ๊พรที่แนะนำไกด์พาเที่ยวพม่าและไปส่งพวกเราที่ท่ารถ ขอบคุณคุณป้าร้านขายของชำที่ให้แซมบัคกับเรา ขอบคุณชาวสังขละบุรีที่น่ารักทุกคน
ทั้งเด็กๆ ที่คอยมาถามว่าพี่รู้ประวัติสะพานมอญหรือยังครับ สำเนียงน้องๆหาที่ไหนไม่ได้แล้ว ขอบคุณความสงบและ
ความเป็นธรรมชาติของผู้คนที่สังขละบุรี
[CR] เที่ยว สังขละบุรี-พม่า กับหญิงง่อยสองคนที่เจอแต่คนใจดี
วันแรก
7.50 ขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี
12.30 ถึงสถานีน้ำตก จ.กาญจนบุรี
13.00 นั่งรถสองแถวจากสถานีน้ำตกมาถึงน้ำตกไทรโยคน้อย
14.00 นั่งรอรถจนรถบัสสาย 8203 ผ่านมาแล้วขึ้นรถเพื่อไปสังขละบุรี
18.00 ถึงสังขละบุรี
18.10 นั่งวินมาถึงที่พักไฮกุ
18.30 เดินเที่ยวที่สะพานมอญและหาอะไรกิน
20.30 กลับถึงที่พัก
วันที่สอง
6.00 ตื่น
7.00 ออกจากที่พักเดินไปสะพานหาอะไรกินแถวสะพาน
8.00 ลงเรือเที่ยววัดจมน้ำ 3 ที่
9.30 เที่ยวเสร็จ เดินตลาด ถ่ายรูป กลับที่พัก
9.40 มานั่งเล่นที่ร้านกาแฟ Kaf Café ข้างหน้าที่พัก
11.30 ออกจากที่พัก ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านเจ๊พร
12.30 ออกจากเจ๊พร มาท่ารถสองแถวไปด่านเจดีย์สามองค์
14.45 ถึงด่านเจดีย์สามองค์ (รอรถสองแถวออกนานมากค่ะ)
15.00 ข้ามไปพม่า และเที่ยววัดในพม่า
16.40 กลับมาที่ด่าน นั่งรถสองแถวกลับสังขละบุรี
17.40 ถึงสังขละบุรี เดินไปตลาดตรงเซเว่น กินหมูไม้จุ่ม
18.20 ดูพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานไม้
19.00 มานั่งกินข้าวที่พีเกสต์เฮาส์
20.30 กลับถึงที่พัก
วันที่สาม
5.00 ตื่น
6.00 ออกไปใส่บาตรตอนเช้าที่สะพานไม้
7.30 ใส่บาตรเสร็จ ไปเที่ยววัดวังวิเวการามและเจดีย์พุทธคยา
9.30 เที่ยวเสร็จ กลับถึงที่พัก นั่งเล่นที่ร้านกาแฟ Kaf Café
11.00 กินพิซซ่าที่ Kaf Café
12.00 ออกจากที่พัก
12.15 เดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยรถตู้ กาญจนบุรี-สังขละบุรี
16.00 ถึงขนส่งกาญจนบุรี นั่งรถตู้กลับกรุงเทพฯ
18.30 ถึงกรุงเทพ
ว่างจนนอนยาวๆ
รถแดงหน้าน้ำตกไทรโยคน้อย ไปสังขละบุรี มาทุกๆ 30 นาที
หน้าที่พักไฮกุ เป็นร้ากาแฟของเจ้าของเค้าค่ะ
หมาประจำร้าน
ที่พักไฮกุ
บรรยากาศสะพาน
การเริ่มต้นไปเที่ยวสังขละบุรีครั้งนี้เริ่มที่ “สถานีรถไฟธนบุรี” ค่ะ เรานัดเจอกับเพื่อนกันประมาณ 7.30 น. ที่ท่ารถไฟ
ยื่นบัตรประชาชนที่ช่องขายตั๋วก็ได้ตั๋วรถไฟฟรีมาแล้วค่ะ ตามตั๋วรถไฟออก 7.50 น. แต่ความเป็นจริงคือ 7.50 น. เรียกให้คนขึ้นขบวน ออกจริงๆ ประมาณ 8.00 น. ค่ะ ขึ้นรถไฟเราสองขึ้นจับจองที่ฝั่งซ้าย แล้วนั่งตรงข้ามกันค่ะ เพราะฝั่งซ้ายจะเป็นฝั่งได้เห็นวิวตอนผ่านเส้นทางรถไฟสายมรณะค่ะ ระหว่างนั่งไปก็ชมวิว หาข้อมูลเที่ยว หลับบ้าง แล้วก็ตื่นมากินก๋วยเตี๋ยว 10 บาทบนรถไฟ โชคดีวันที่เดินทางด้วยรถไฟอากาศไม่ร้อนแถมมีฝนตกปรอยๆ ให้เย็นกันได้หน่อยนึง บวกกับไปวันธรรมดาคนไม่เยอะมาก นั่งกันโล่งๆ เลยค่ะ พอเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีเริ่มมีกลุ่มนักท่องเที่ยวฝรั่งขึ้นมาเพื่อนั่งไปเส้นทางรถไฟสายมรณะค่ะ แล้วเขาก็จะลงกัน ไม่ได้ไปสุดทางที่น้ำตกเหมือนพวกเรา เราลงกันที่สถานีน้ำตกค่ะ
ถึงประมาณ 12.30 น. จากสถานีน้ำตกเรานั่งรถสองแถวมาลงหน้าน้ำตกไทรโยคน้อยคนละ 30 บาทค่ะ แล้วก็นั่งรอรถบัสสีแดงสาย 8203 ผ่านมา เพื่อจะต่อไปสังขละบุรี รอนานอยู่นะคะ แม่ค้าแถวนั้นบอกว่ารถจะมาทุก 30 นาที รถที่เรานั่งเป็นรถพัดลมค่ะ ราคา 130 บาท ดีที่อากาศไม่ร้อน แนะนะถ้านั่งช่วงบ่ายให้นั่งฝั่งขวานะคะ จะได้ไม่โดนแดด กว่าจะถึงสังขละบุรีก็เย็นแล้วค่ะ ยังไม่ได้เที่ยวไหนเลย แต่ได้ชมวิวอิ่มแทน ลงรถสองแถวปุ๊บเรากับเพื่อนก็โดดขึ้นวินบอกว่าไปที่พักไฮกุ เหมือนพี่วินที่นี่เค้าจะรู้จักที่พักหมดนะคะว่าแต่ละที่อยู่ตรงไหน มาถึงหน้าที่พักก็เจอกับพี่เรืองกิตต์ เจ้าของและเพื่อนๆ ของพี่เค้ากำลังนั่งคุยกันอยู่ข้างหน้า เราสองคนรีบเค้าไปเก็บของแล้วออกมา เพื่อนของพี่เรืองกิตต์แนะนำให้เราสองคนไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ๊พร เขาบอกว่าอร่อย แต่วันนี้คงเย็นไป เราเลยเก็บไว้กินพรุ่งนี้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่เรืองกิตต์เป็นนักเขียนบทกวี มีได้รางวัลซีไรต์มาแล้วด้วยค่ะ ถ้าใครเป็นนักอ่านก็ลองมาพักที่นี่ได้นะคะ เผื่อได้เจอและคุยกับนักเขียน พี่ๆ เขาใจดีค่ะ
แต่พี่ๆ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำนะคะ เขายังชวนพวกเรานั่งคุยด้วยกันอยู่เลย แต่พวกเราติดอยากเที่ยวชมวิวและเจอ
คนสังขละเลยไม่ได้นั่งคุยกับพวกพี่เขา วันแรกจบไปด้วยกานเดินทางและเดินเล่นสะพานตอนดึกแล้ว
วันที่สอง เรากับเพื่อนออกจากที่พักประมาณ 7.00 น. พอมาเที่ยวทีไรต้องตื่นเช้าทุกครั้ง เพราะกลัวไม่คุ้ม เพื่อนๆ
เป็นกันไหมคะ เรามาหาอะไรกินแถวสะพานมอญค่ะ เป็นร้านอาหารที่นั่งแล้วเห็นวิวสะพานมอญสวยดีค่ะ กินข้าวเสร็จ พวกเราก็ลงเรือ เหมาไปเที่ยว 3 วัด ได้ราคา 350 บาทค่ะ ส่วนประวัติแต่ละวัดกับสาเหตุการจมน้ำ ไว้เพื่อนๆ มาแล้วมาฟังจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่นดีกว่าค่ะ สนุกกว่าและได้ฟังสำเนียงการพูดของคนที่นี่ด้วย ตรงวัดที่ต้องเดินขึ้นเขานิดนึงจะมีมัคคุเทศก์เด็กสองคนมาเล่าให้ฟังนะคะ เราสองคนก็นิสัยชอบแกล้งเด็กค่ะ แกล้งถามคำถามยากๆ และแกล้งทำเป็นถ้า
พี่ขึ้นไม่ไหว แบกพี่ด้วยนะ เด็กๆ ก็น่ารักดีค่ะ แบบซนบ้างตามประสาเด็ก คำแนะนำของมัคคุเทศก์เด็กคือถ้าพี่ไม่อยากเหนื่อย พี่ต้องเดินขึ้นเร็วๆ...อย่างนี้พี่ต้องวิ่งสินะ จบเที่ยววัดจมน้ำแล้ว เรากลับที่พักเพื่อไปนั่งเล่น เพราะเห็นว่ามีกาแฟขาย เมื่อเช้าตอนนออกมาร้านยังไม่เปิด นั่งเล่นดื่มกาแฟไป พี่ๆ นักเขียนหยิบยื่นหนังสือที่ตัวเองเขียนมาให้พวกเราอ่าน บอกตามตรงนะคะ นานๆ เลยที่พวกเราจะอ่านบทกวี ส่วนใหญ่อ่านนิยายหรือเรื่องสั้นกัน พออ่านบทกวีแล้วต้องใช้สมาธิในการคิดวิเคราะห์ และซึมซับนาน เลยนั่งกันเกือบสองชั่วโมงได้ พอใกล้เที่ยงพวกเราก็ไปหาอะไรกิน นึกขึ้นมาได้ว่าพี่เขาแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊พร จากที่พักเจอถนนใหญ่เลี้ยวซ้ายร้านอยู่ตรงข้ามค่ายตำรวจชายแดนค่ะ ตอนเราสองคนกำลังจะออกไปกินก๋วยเต๋ยว โชคดีที่เจ้าของพีเกสต์เฮาส์มานั่งคุยกับพี่ๆ ที่ร้านกาแฟ พี่เค้าเลยให้คนที่พีเกสต์เฮาส์ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่ร้านเจ๊พร การเที่ยวครั้วนี้เราสองคนไม่ได้เช่ามอเตอร์ไซค์นะคะ เพราะว่าขับไม่แข็งกัน เพื่อนเคยล้มและอาชีพเพื่อนต้องใช้ความสวยงาม เลยไม่เสี่ยงดีกว่าค่ะ พวกเราอาศัยเดินกับเรียกวิน แต่ส่วนใหญ่ก็เดินนะคะ เพราะไม่ได้ลำบากอะไรมาก มาถึงร้านเจ๊พร คนเยอะพอสมควร กินหมดอย่างรวดเร็วเพราะอร่อยสมคำร่ำลือ ระหว่างที่เรากำลังมองป้ายรอบๆร้านแกที่มีติดทัวร์พม่า เจ๊พรก็เข้ามาคุยด้วยว่าหนูสนใจไปพม่ากันเหรอ พี่ยักษ์ที่เค้าติดป้ายไว้ก็โอเค ลูกป้าพาเพื่อนไปเที่ยวหลายครั้งแล้ว นี่หนูพักที่ไหนกัน พอเราบอกว่าไฮกุ ป้าแกรีบบอกเลยว่าฝากขอบคุณพี่ที่ไฮกุมากนะที่แนะนำร้านป้า เสร็จแล้วป้าแกรีบโทรหาพี่ยักษ์ให้เราสองคนได้คุยกับแก เราต่อราคาพาทัวร์เรียบร้อยตกคนละ 350 บาท แล้วเจ๊พรก็ใจดีให้ลูกสาว
ขี่มอเตอร์ไซค์พาหญิงง่อยสองคนไปส่งที่ท่ารถสองแถวไปด่านเจดีย์สามองค์ เราสองคนรอรถสองแถวนานมากกว่าจะได้ออก ที่จริงรถก็มีตลอดแหละแต่พี่เค้าไม่ออก เพราะคนไม่เยอะ เลยข้ามไปรอบนึง กว่าจะมาถึงด่านก็เกือบบ่ายสาม
ค่ารถสองแถว 30 บาท พอถึงด่านรีบโทรหาพี่ยักษ์ให้มารับข้ามไปเที่ยววัดที่พม่า เราประทับใจวัดพม่าตรงเอกลักษณ์ที่เค้าจะสร้างอะไรเรียงๆ ยาวๆ และต้องสร้างที่สูงชัน เอกลักษณ์อีกอย่างคือเน้นสีทองค่ะ เที่ยววัดเสร็จกลับมาทันรถสองแถวกลับสังขละรอบสุดท้ายพอดี รอบสุดท้ายรอบ 16.45 น. นะคะ พอถึงสังขละพวกเราหาหมูไม้จุ่มที่ตลาดกินกันค่ะ ไม้ละ
1 บาท ตอนเราไปมีสองเจ้านะคะมีเจ้าตรงเซเว่นกับเจ้าตรงตลาดที่เป็นน้องฝาแฝดช่วยกันขาย เรากินร้านน้องผู้หญิง
ฝาแฝดค่ะ กินเสร็จรีบนั่งวินไปดูพระอาทิตย์ตกที่สะพาน ก็เกือบจะไม่ทันอยู่นะคะ เพราะกินกันเพลิน หลังจากดู
พระอาทิตย์ตกและเดินตลาด เราเดินกันไปนั่งกินข้าวและชมวิวแม่น้ำที่พีเกสต์เฮาส์ หลังจากนั้นก็กลับที่พักค่ะ
วัดที่พม่าค่ะ >>>
ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊พร อยู่ตรงข้ามค่ายตำรวจชายแดน
หมูไม้จุ่ม ไม้ละบาท
วันที่สาม
ออกจากที่พักหกโมง ไปใส่บาตร ใส่บาตรเสร็จเราเหมาวินไปเที่ยววัดวังวิเวการามและเจดีย์พุทธคยา เราเหมาวินไปสองคันคันละ 100 บาท แล้วให้เขามาส่งที่พัก ตอนแรกจะออกเลย แต่เห็นว่ามีพิซซ่าเลยนั่งรอพ่อครัวทำพิซซ่ามา ได้กินตอนมาณ 11.00 น. กินเสร็จออกจากที่พัก กลับบ้าน กลับโดยรถตู้สังขละบุรีมาส่งที่ขนส่งกาญ ราคา 135 บาท จากนั้นจากขนส่งต่อรถตู้มาลงหมอชิต 120 บาท ถ้าลงสายใต้ 110 บาทค่ะ
โบส์ถวัดวังวิเวการาม
หน้าต่างโบสถ์ แกะสลักด้วยไม้
เจดีย์พุทธคยา
ขนมจีนหยวกกล้วย
พิซซ่าที่ไฮกุ
ทริปนี้ต้องขอบคุณ เจ้าของไฮกุและเพื่อนๆพี่ ที่หยิบยื่นหนังสือให้พวกเรา ขอบคุณพี่เจ้าของและพี่ที่พีเกสต์เฮาส์ที่ไปส่งพวกเราที่ร้านเจ๊พรและให้ยาสีฟันกับพวกเราถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พักกับพี่ ขอบคุณเจ๊พรและลูกเจ๊พรที่แนะนำไกด์พาเที่ยวพม่าและไปส่งพวกเราที่ท่ารถ ขอบคุณคุณป้าร้านขายของชำที่ให้แซมบัคกับเรา ขอบคุณชาวสังขละบุรีที่น่ารักทุกคน
ทั้งเด็กๆ ที่คอยมาถามว่าพี่รู้ประวัติสะพานมอญหรือยังครับ สำเนียงน้องๆหาที่ไหนไม่ได้แล้ว ขอบคุณความสงบและ
ความเป็นธรรมชาติของผู้คนที่สังขละบุรี
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น