JJNY : เศรษฐกิจดี๊ดี..รอบดึก พัทยากระอักพิษล้างบางทัวร์ศูนย์เหรียญ นักท่องเที่ยวจีนลดฮวบ90%โรงแรมดัมพ์ราคาฝ่าวิกฤต

กระทู้คำถาม
ประธานชมรมโรงแรมเมืองพัทยาผวากวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญกระทบธุรกิจโรงแรมหนัก เผย 2 เดือนสุดท้าย นักท่องเที่ยวจีนหายวับ 90% ร้านอาหาร ที่เที่ยว โชว์พัทยา รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ เชื่อซึมยาวถึงตรุษจีน ชี้มาตรการเฉียบขาดไม่ส่งผลดี ด้านทิฟฟานี่โชว์รับเดือนตุลาวูบหนักสุด 30% ขณะที่แอตต้าเร่งแจงข้อมูลนักท่องเที่ยว หวั่นกระทบยาว

รร.พัทยาหงอยแขกเข้าพัก 15%

นายสุวัฒน์ แพภิรมย์รัตน์ ประธานชมรมโรงแรมเมืองพัทยา เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากปฏิบัติการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้พัทยามีจำนวนห้องพักมากถึง 150,000 ห้อง ได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ในทำเลยอดนิยม ในช่วงเดือนสิงหาคม กันยายน นักท่องเที่ยวจีนหายไป 30-40% เดือนตุลาคมหายไป 70-80% เดือนพฤศจิกายนคาดว่าจะถึง 90% ขณะที่ฝรั่งต่างชาติหายไปอีก 5-10%

"ปกติไฮซีซั่นมีอัตรานักท่องเที่ยวเข้าพัก 90% ตอนนี้เหลือเพียง 10-15% เท่านั้น แถมยังต้องลดราคาลง สำหรับโรงแรม 4 ดาว ปกติราคาขายห้องละ 1,300-1,500 บาท แต่ตอนนี้เหลือ 800-900 บาท ส่วน 3 ดาว จากราคา 900-1,000 บาท ตอนนี้เหลือ 700-800 บาท ขณะนี้เอกชนเริ่มต่อรองขอผ่อนผันดอกเบี้ยกับธนาคารแล้ว มองว่าภาพรวมพัทยาไม่น่าจะกระเตื้องในเร็ว ๆ นี้ จนถึงตรุษจีนก็ไม่น่าจะดี"

นายสุวัฒน์กล่าวว่า ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่บอกว่า หลังจากจับทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นผลดี ดูจากตัวเลข 10 เดือน นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 15% หากเป็นคนนอกวงการโรงแรมก็ต้องบอกว่าดี แต่ลองเทียบเดือนต่อเดือน จะเห็นตัวเลขที่น่าตกใจ คือ 8 เดือนแรกนักท่องเที่ยวพัทยาดีจริง แต่หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวหายไป 90% ทำให้ทุกส่วนของท่องเที่ยวพัทยากระทบหมด โรงแรมต้องให้พนักงานหยุดงานคนละ 7-10 วัน หรือโชว์โคลอสเซียม จากเดิมโชว์วันละ 5 รอบ รอบหนึ่งคนเข้า 1,000 คน ตอนนี้ลดรอบ และเหลือแขกรอบละ 200 คนเท่านั้น

"ทัวร์ศูนย์เหรียญต้องได้รับการแก้ไข แต่การกำจัดทันทีไม่ใช่ทางออก รัฐบาลต้องหาทางแก้ไขให้ตรงจุด ในส่วนตลาดออนไลน์ยอมรับดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ด้วยระบบขนส่งมวลชนของไทยเรายังไม่ดี ยกตัวอย่าง หากต้องเหมาแท็กซี่มาพัทยา แล้วยังต้องเหมาไปสถานที่เที่ยวต่าง ๆ วันหนึ่งค่ารถเป็นหมื่นบาท ถามว่าตลาดนักท่องเที่ยว FIT จะโตได้อย่างไร มองว่าการแก้ไขควรจะทำคู่ขนานกันไป"

ทิฟฟานี่โชว์หันจับตลาด FIT

ด้าน น.ส.อลิสา พันธุศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา จำกัด กล่าวว่า ยอมรับว่าเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวลดลงมากถึง 30% แต่ยังพอรับได้ เนื่องจากทิฟฟานี่ปรับการตลาดสู้ทัวร์ศูนย์เหรียญมาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ทำให้ปัจจุบันมีลูกค้า FIT มากกว่า 50% ส่วนมากเป็นลูกค้าจีน ยุโรป ออสเตรเลีย เกาหลี อาหรับ อินเดีย และไทย แต่ยอมรับว่าลูกค้ากรุ๊ปทัวร์หายไป อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเกิดจากการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญเท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ หรือบรรยากาศการแสดงความไว้อาลัย

"หากมองภาพรวมการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญก็ถือว่ากระทบแรง โดยเฉพาะโรงแรมที่เกิดขึ้นมากเพื่อรองรับกลุ่มศูนย์เหรียญในช่วง 2-3 ปีมานี้ แต่มองว่าถ้าการกระทบครั้งนี้ทำให้ภาคท่องเที่ยวเกิดการเรียนรู้ชัดเจน นักลงทุนเองรู้ว่าควรลงทุนอะไร แบบไหน เพื่อเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวก็ยินดีจะอดทน เพียงแต่อยากให้รัฐบาลสื่อสารกับผู้ประกอบการให้ชัดเจนถึงทิศทาง และสื่อสารกับทัวร์จีนให้ได้ว่าจะปกป้อง หรือสนับสนุนอย่างไรเมื่อทำถูกกฎหมาย เพราะตอนนี้หลายบริษัทก็ยังไม่เข้าใจว่าโดนจับข้อหาอั้งยี่คืออะไร อย่างไรก็ตามหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมโดยเร็ว"


แอตต้าเร่งแจงนักท่องเที่ยว

นายสมชาย ชมระกา อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า จากคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาไทยปี 2559 มีจำนวน 8-10 ล้านคน แต่หลังการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ คาดว่านักท่องเที่ยวน่าจะหายไปแล้วสัก 40% ในช่วงกลางเดือนธันวาคมอาจต้องเดินทางไปชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้าใจตรงกันถึงการจัดระเบียบดังกล่าวว่าเป็นเรื่องดีต่อนักท่องเที่ยวเอง เพราะตอนนี้เริ่มมีสัญญาณแล้วว่ามีการขายทัวร์ไปที่ฟิลิปปินส์ และบาหลีมากขึ้น จากเที่ยวบินเพิ่มเท่าตัว จึงต้องเร่งสร้างความเข้าใจเร่งด่วน มิเช่นนั้นอาจส่งผลระยะยาวกับการท่องเที่ยวไทย

นอกจากจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญแล้ว ยังมองว่าภาครัฐต้องเข้าควบคุมร้านจำหน่ายสินค้าที่คนจีนหันมาเปิดเองแล้วนำสินค้ามาจากจีน ประเด็นสำคัญคือไม่มีคุณภาพมาขายให้นักท่องเที่ยว อาทิ หมอนยางพารา หรือผ้าไหม เป็นต้น ซึ่งปัญหานี้หากภาครัฐไม่เร่งเข้าควบคุมคาดว่าจะส่งผลกระทบเสียรายได้จากตลาดจีนไป 30-40% จากรายได้ทั้งหมด 4 แสนล้านบาท ผู้ประกอบการจะนำเงินกลับประเทศ คิดเป็นมูลค่าปีละกว่า 1 แสนล้านบาททีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่