ทำไมต้องสอนให้เด็กสงสารชาวนาด้วยคะ?

เวลาจะสอนเด็กว่าอย่ากินข้าวเหลือ ทำไมต้องอ้างกับเด็กว่าสงสารชาวนาที่ปลูกข้าวให้เรากินด้วยคะ
ในเมื่อข้าวนั้นเขาก็ไม่ได้ปลูกให้เรากินฟรีๆ ข้าวจะมาอยู่ในจานได้ชาวนาก็ต้องได้เงินค่าข้าวจานนั้นไปแล้วก่อนใครด้วยซ้ำ
จะกินหรือจะทิ้งเขาก็ได้ผลประโยชน์ไปแล้ว มีอะไรน่าสงสาร ความจริงยิ่งถ้าทุกคนช่วยกันกินทิ้งกินขว้าง
ข้าวก็ยิ่งขายได้เยอะ Demand ขึ้น ราคาขึ้น ชาวนายิ่งจะได้ประโยชน์ไปซะอีก
แทนที่จะสอนให้เด็กสงสารชาวนา น่าจะสอนให้เขาสงสารพ่อแม่ที่จ่ายเงินซื้อข้าวมาให้กินดีกว่าไหมคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 100
ไม่มีใครในกระทู้นี้บอกว่ากินทิ้งกินขว้างแล้วดีนะครับ

มีแต่บอกว่าถ้ากินทิ้งกินขว้าง คนที่เดือดร้อนไม่ใช่ชาวนา แต่เป็นพ่อแม่ที่เสียเงินซื้อข้าวให้เราต่างหาก
ซึ่งประเด็นของกระทู้นี้คือ ทำไมเราไม่สอนเหตุผลจริง ๆ ที่เราไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง แต่ไปสอนให้สงสารชาวนาที่ไม่ได้เดือดร้อนจากการกินทิ้งกินขว้างเลย

ย้ำอีกที ไม่มีใครสนับสนุนให้กินทิ้งกินขว้างครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เป็นคติที่สอนกันมาในยุคก่อน ก็ไม่นานมากนัก เอาว่าหลังสงครามโลกครั้งที่สองก็ประมาณนั้น

แต่ยุคเก่ากว่านั้น เขาสอนให้เคารพเจ้าแม่โพสพ สอนให้เชื่อว่าข้าวที่เรากินกันนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแล จึงไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง ต่อมาในยุคทันสมัยวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า จะมาสอนกันเรื่องเทพจ้งเทพเจ้าเทวดงเทวดา ก็จะถูกคนหัวทันสมัยเขาเหยียดหยามเอาว่าป่าเถื่อน  อันศรีวิลัย (uncivilized) จึงต้องพัฒนามาให้สงสารชาวนา ที่ต้องหลังขดหลังแข็ง ใช้หลังสู้ฟ้าก้มหน้าสู้ดิน ใช้ควายไถนา และหว่านข้าว ใส่ปุ๋ย ฉีดยาฆ่าแมลง เกี่ยวข้าวเอง ไม่ต้องใช้เครื่องจักร (เพราะมันยังไม่มี)

ทั้งหมดมันก็เป็นอุบายสอนให้เด็กรู้จักคุณค่าของสิ่งของต่างๆ ไม่กินใช้ทิ้งๆขว้างๆ สอนให้ประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย

แต่คำสอนมันคงจะเก่าไปแล้ว อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีกันใหม่ ส่วนการจะสอนให้เด็กสงสารพ่อแม่นั้น ยุคนี้คงยาก กินข้าวทิ้งๆขว้างๆทั้งปี ยังไม่ได้ค่ามือถือผลไม้แหว่งหรือค่ากาแฟดาวแมลงในแต่ละเดือนเลย สมัยนี้เป็นสมัยลูกบังเกิดเกล้า เอาว่าสอนเด็กว่า จ่ายเงินเดือนแล้วให้ซื้อข้าวพ่อแม่กิน ที่บ้านก็ไม่มีของฟรี ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ หักจากเงินเดือนตัวเองทั้งสิ้น ซื้อแล้วจะกินทิ้งขว้างก็ช่างหัว เงินไม่พอจ่ายค่าโทรศัพท์ค่าเนต หรือซื้อโทรศัพท์ใหม่ หรือไปเที่ยว เด็กๆก็คงจะรู้จักประหยัดได้บ้างกระมัง
ความคิดเห็นที่ 6
การสอนให้เห็นใจคนอื่นเป็นสิ่งดีไม่ใช่หรือครับ
ความคิดเห็นที่ 19
เราว่าประเด็นของ จขกทไม่น่าจะหมายถึงการสอนให้กินทิ้งกินขว้างมั้งคะ  แต่หมายถึงว่าคำสอนแบบที่จำๆกันมามันเริ่มล้าสมัยแล้วคือมันไม่เป็นเหตุเป็นผลในเชิงตอบให้เด็กหายสงสัย  บ้านเราพยายามมาหลายปีมากให้คนมีความคิดสร้างสรรค์แต่เมื่อไหร่ที่เด็กมีต่อมเอ๊ะโผล่ขึ้นมาก็จะโดนว่าๆขวางโลกบ้าง เถียงบ้าง มันเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อย่างเราๆรึเปล่าที่ต้องอดทนแล้วอธิบายให้เด็กเค้าหายสงสัยด้วยตัวเค้าเองไม่ใช่ยอมเพราะถูกดุหรือเพราะคนพูดเป็นผู้ใหญ่กว่า   กลับมาเรื่องประเด็นชาวนานะคะ  ความเห็นเราถ้าจะสอนให้เด็กรู้คุณค่าของอาหารน่าจะอธิบายถึงว่า ซื้อข้าวต้องใช้เงิน>>พ่อแม่ต้องทำงานงานเงิน เหนื่อย>> เด็กที่ประเทศอดอยากไม่มีข้าวกิน>>ถ้าเรากินประหยัดข้าวทิ้งน้อย พ่อแม่มีเงินเหลือไปซื้ออย่างอื่นมาให้ + มีข้าวเหลือไปให้คนอื่นด้วย มันดูน่าจะเป็นเหตุเป็นผลกว่าบอกเด็กแค่ว่าต้องกินข้าวให้หมดไม่งั้นคนโบราณเค้าถือ  เกิดเด็กมันถามกลับว่าคนโบราณหน่ะใคร  ชื่ออะไร คราวนี้ก็ได้แต่ดุเด็กแล้วเปลี่ยนเรื่องเพราะหาว่ากวน
ความคิดเห็นที่ 4
บ้านเรา(แม่เรา)สอนว่าแม่ทำงานหนักเพื่อซื้อของดีๆให้ลูกกิน ให้ลูกใช้ เพราะงั้นต้องกินให้หมด หิวน้อยก็ตักน้อยจะได้ไม่เหลือ ไม่เคยสอนให้สงสารชาวนาเลย พี่สาวคนโตเราที่โตมากับคำสอนนี้ก็อายุ 37 แล้ว ก็ไม่ใช่เป็นคนรุ่นใหม่อะไร
ความคิดเห็นที่ 5
โรงเรียนสอนแบบนี้มาตลอดค่ะ ทุกครั้งที่ซื้อข้าว ตักข้าวกิน จะคิดถึงหยาดเหงื่อชาวนาค่ะ  การปลูกข้าวไม่ได้ปลูกง่ายๆ มันมีอะไรหลายๆอย่าง กว่าจะได้ออกมาเป็นเม็ดข้าว  (คิดแบบนี้มา30ปี) โตมากับคำสอนเก่าๆ ก้ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ

ถึงแม้ว่าเราจะจ่ายเงินให้ชาวนาจริงๆ แต่ถ้าไม่มีชาวนา เราก็คงต้องปลูกข้าวกินเอง (ไม่ไหวนะ) /ต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศกิน หนักไปอีก

// ไม่ได้สงสารชาวนาค่ะ ต้องสงสารความลำบากของอาชีพเกษตรกรค่ะ


ถ้าคุณได้ลองปลูกต้นไม้แบบกินผล คุณจะรู้ว่า ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การลงทุนอย่างเดียวค่ะ มันมีเรื่องปัจจัยตามธรรมชาติที่น่าหงุดหงิดด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่