The MATTER ร่วมเกาะกระแสภาพยนตร์ Kimi no Na Wa. [Your Name] บทวิเคราะห์เชิงสาระ ทำไมคุณถึงมี ‘สายใย’ กับคนไกลตัว



วันนี้ผมได้ร่วมดูภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ทั้งญี่ปุ่นกับไทยว่าเป็นภาพยนตร์วัยรุ่นที่สร้างกระแสหนังที่ดีในตอนนี้เป็นอย่างมาก
อย่างKimi no Na Wa. [Your Name] ของคุณชินไค มาโคโตะ ที่หลังดูมาแล้วถือว่าไม่มีที่ติเลย ที่คุณชินไคนำเรื่องสายสัมพันธ์ของมนุษย์ที่เ็นเรื่องซับซ้อนแต่สามารถอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์กับสังคมศาสตร์ได้อย่างสมจริงโดยที่คนดูไม่ต้องรู้เรื่องวิชาเหล่านี้ กับประเด็นตำนาน"มุสึบิ"จากเรื่องเล่าของครอบครัวมิตสึฮะ

เพราะว่า สายสัมพันธ์ของวัยรุ่น/ผู้ใหญ่นั้น แม้จะพบด้วยความบังเอิญ ปาฏิหาริย์ โชคชะตาจากตำนานเรื่องเล่า หรือปรากฏการณ์ธรรมชาตินั้นสร้างขึ้นมา
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ให้กับคู่ชายหญิงนั้นต้องเผชิญหน้ากับมันโดยไม่รู้ตัว

อนึ่งเนื้อหาข้างต้นนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ผมได้ดูมาจากการดูหนังครั้งนี้ และไม่มีเจตนาสปอยด์เนื้อหาใดๆทั้งสิ้น

ซึ่งผมได้นั่งอ่านบทความที่ เว็บไซด์ The MATTER นั้นได้มาเขียนตามกระแสนั้นนี้ที่ได้พึ่งเข้าโรงแล้วได้สร้างปรากฏการณ์หนังกระแสดีในตอนนี้
ผมจึงได้คัดลอกเนื้อหากับเขียนเพิ่มเติมบางส่วนจากเว็บไซด์นี้มาให้



"บทความนี้ไม่ได้เปิดเผยเนื้อเรื่องใดๆ ของ Your Name เราเพียงอยากให้คุณไปเห็นโครงสร้างทางความสัมพันธ์ที่โรแมนติกนิดๆ วิทย์หน่อยๆ"

นักวิทยาศาสตร์พบเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ทรงพลังของมิตรภาพ ซึ่งมันสามารถเป็นพลังขับดันให้คุณมีกระบวนทัศน์ต่อตัวเองและสิ่งรอบข้างดีขึ้น ลดความวิตกกังวล และเพิ่มความเป็นไปได้ในการสร้างความสัมพันธ์แบบโรแมนติก

Closer is better

ลองให้คุณจินตนาการถึง ลิงชิมแปนซี 2 ตัวที่อยู่บนต้นไม้สักแห่ง ชิมแปนซีตัวหนึ่งกรูมมิ่ง (Grooming) ปัดฝุ่นและหวีขนให้อีกตัวอย่างหมดจด มันใช้นิ้วลูบไล้ยังเรือนขนอย่างคล่องแคล่ว และเก็บแมลงปรสิตที่ซุกซ่อนอยู่ ชิมแปนซีอีกตัวดูผ่อนคลายราวได้รับการดูแลจากสปาระดับ 5 ดาว พร้อมบรรยากาศที่มีเพลงแจ๊สคลอเบาๆ (ถ้ามี)

นักวิจัยเคยไปศึกษาพวกมันในระดับฮอร์โมนขณะกำลังเอ็นจอยชีวิตคู่ พวกเขาพบ ออกซิโทซิน (Oxytocin) ฮอร์โมนที่ได้ขนานนามอย่างโรแมนติกว่า ฮอร์โมนแห่งรัก ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้ชิมแปนซีทั้งสองมีความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ส่งต่อความสุขให้กันและกัน การกรูมมิ่งเพิ่มพันธะให้พลังของฝูงแน่นแฟ้นขึ้น ลดข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดการกระทบกระทั่งในฝูง

ลิงวอก (Rhesus Macaques) ตามธรรมชาติในเปอร์โตริโก้ จากการติดตามของนักพฤติกรรมศึกษา Lauren J.N. Brent พบว่า ลูกลิงวอกมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นตามจำนวนเพื่อนๆและสมาชิกในครอบครัว ความสัมพันธ์ช่วยเพิ่มอัตราการอยู่รอด และเป็นเครื่องรับประกันขั้นพื้นฐานในการเข้าถึงทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด

- [มิตรภาพและความสัมพันธ์ไม่ใช่ของล้ำค่า แต่มันคือของจำเป็นเลยทีเดียว] -

"ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ จากข้อความของรายงานเชิงวิทยาศาสตร์ข้างต้น นักวิจัยได้วิจัยลิงชิมแปนซีผ่านการทดลองเนื่องจากพฤติกรรมของลิงที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ถึง 90% ขึ้นไปเลย จึงเหมาะสมพอที่จะลองเปรียบเทียบกับคนได้"

ความรักส่งต่อถึงคนไกล ผ่านสายใยล่องหน

นักสังคมศาสตร์ Nicholas A. Christakis จากมหาวิทยาลัย Yale ให้ทฤษฎี Diagram ที่เชื่อมโยงเครือข่ายผู้คนรอบตัวคุณไว้ด้วยกัน เขาออกแบบโมเดลนี้โดยใช้เวลา 20 ปีกับอาสาสมัครราว 5,000 ราย เมื่อผู้คนรู้สึกมีความสุข พวกเขาจะมีปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อผู้คนรอบๆอย่างไร เพื่อน เพื่อนของเพื่อน และเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน ฯลฯ ซึ่งมีผลทางความรู้สึกในระยะเวลา 1 ปี


จากฝังไดอะแกรม คลัสเตอร์ความสัมพันธ์ของผู้คน
ความสุขนั้นส่งต่อผ่านเส้นใยมิตรภาพที่มองไม่เห็น และมันเดินทางระหว่างกันคล้ายโครงสร้างเซลล์ที่มีชั้นในและชั้นนอก (ผู้ชายเป็นสัญลักษณ์สี่เหลี่ยม ผู้หญิงเป็นวงกลม) สีเหลืองคือ คนที่มีอารมณ์เชิงบวก สีฟ้า คือคนที่กำลังเศร้า และ สีเขียวคือคนที่รู้สึกเฉยๆ ความรู้สึกสามารถส่งต่อผ่านคลัสเตอร์ความสัมพันธ์ไปตามแขนงย่อยๆ คล้ายรากพืชที่ดูดสารอาหารไปเลี้ยงโครงสร้างส่วนต่างๆ


แน่นอน โครงข่ายความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพส่งอิทธิพลต่อสุขภาพแบบมวลรวมได้ เช่น หากในกรณีคนรอบข้างคุณเริ่มใส่ใจสุขภาพ หยุดสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย และท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ อิทธิพลทางเครือข่ายที่ถักทอก็ไว้มีแนวโน้มจะทำให้คุณเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามคลัสเตอร์ความสัมพันธ์ และมันไปไกลกว่าที่คาดคิดไว้

“ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนจะได้รับอิทธิพลจากพฤติกรรมของคนที่อยู่รายล้อม แต่ในเส้นใยความสัมพันธ์นั้น ยิ่งเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ เช่น แฟน พ่อแม่ คนใกล้ชิด ก็ยิ่งมีแนวโน้มส่งต่ออิทธิพลแก่คุณได้มากกว่าเพื่อนของเพื่อนที่อยู่ห่าง” Nicholas Christakis กล่าว

- [แม้คุณจะไม่คิดว่าความสัมพันธ์ครั้งใหม่เป็นปรากฏการณ์ที่เหนือธรรมชาติ แต่สายใยทางสังคมที่คุณสร้างไว้ก็เป็น ‘แผนที่ขุมทรัพย์’ แม้คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามันมีอยู่ก็ตาม] -




ซึ่งแน่นอนว่าไดอะแกรมกับการวิจัยนี้จึงเพียงพอที่จะอธิบายถึง สายใย สายสัมพันธ์ของมนุษย์ผ่านตัวเอกชาย/หญิง มันมากกว่าคำว่าเกิดจากความบังเอิญ
ความเป็นไปได้ที่จะเกิดแบบนี้เกิดได้ถึง 1% ขึ้นไปก็ตาม หรือแนวคิดจากความห่างเกิน ความเหงา สิ่งที่มนุษย์ต้องเผชิญในความจริงจาก
การเขียนและกำกับของคุณชินไคก็ตาม




เครดิตหรือจะดูบทความเต็ม : http://thematter.co/byte/the-diagram-of-relationship/12334
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่