สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกคน นี่เป็นกระทู้ที่เราอยากขอพื้นที่ระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจ ประสบการณ์โดนเทของเราเอง เราไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา ถ้าเราทำอะไรที่ไม่ตรงกับความคิดใครก็ขอโทษมา ณ ที่นี้นะ
เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา เราถูกผู้ชายคนหนึ่งเท ทิ้งรอยแผลไว้เป็นที่ระลึกในใจ 1 แผลจี๊ดๆ เราขอเรียกเขาว่า น.
เรารู้จัก น. มา 6 ปีแล้ว เจอกันครั้งแรกสมัยเรียนปี 1 ตอนที่เรียน section เดียวกันในมหาวิทยาลัย แล้วเราก็ไม่เคยเจอกันอีกเลยในช่วงเวลาของการเป็นนักศึกษา ช่วงปีแรกก็มีพูดคุยกันใน Facebook บ้าง ปีละไม่กี่ครั้ง แค่ช่วงปีใหม่กับช่วงวันเกิด ตอนนั้นเราไม่รู้สึกว่าชอบหรือรู้สึกดีอะไร พอเรียนจบ น. ก็กลับไปช่วยธุรกิจครอบครัวที่บ้านที่ต่างจังหวัด เราห่างหายกันไปเพราะต่างคนต่างมีแฟน จนมาถึงต้นปีที่ผ่านมา (2559) เราต่างถูกแฟนหักหลังจึงโสดด้วยกันทั้งคู่ น. ส่งข้อความมาทักทายเราช่วงวันวาเลนไทน์ เราได้พูดคุยถามไถ่ความเป็นอยู่กันพอสมควร พอได้รู้ว่าต่างคนต่างโสด เราก็ให้กำลังใจกัน ตอนนั้นก็ยังไม่มีเจตนาหรือความรู้สึกอื่นใดแอบแฝง เพราะเราต่างก็ยังลืมคนเก่าไม่ได้
เราเริ่มคุยกันมากขึ้น ทุกๆวัน น. จะส่งข้อความมาอรุณสวัสดิ์ และจบบทสนทนาของแต่ละวันด้วยการด้วยบอกฝันดีเราก่อนนอนทุกคืน จะกิน จะทำอะไร ก็ถ่ายรูปส่งมาให้ดูตลอด เราเองก็คุย ทักทาย และถ่ายรูปการใช้ชีวิตประจำวันของเราส่งไปตลอดเหมือนกัน จนเวลาผ่านไปหลายเดือน จากคุยแชทก็เริ่มคอลหากันก่อนนอนทุกคืน มีบางคืนที่ น. ไปดื่ม ไม่ว่ากลับดึกแค่ไหนก็จะแชทหรือคอลมาบอก(ซึ่งเราก็นั่งรอทุกวัน แต่ไม่เคยบอกให้รู้ ) ความรู้สึกของเราก็เริ่มมา เรารอข้อความของ น. ทุกวัน รอเวลาได้คอลในทุกๆคืน อ้อ...มีช่วงหนึ่ง ที่ น. ไปชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยู่ไกลและไม่ค่อยสนใจ น. เท่าไหร่ น. บ่นให้เราฟังทุกวัน เราก็ให้กำลังใจ น. เสมอ แต่ในใจนี่ภาวนาตลอดว่ามุงห้ามรักกันนะ และสุดท้าย น. ก็ถอดใจเพราะหลายๆเหตุผล
จากความสนิทสนม ที่เราเริ่มเรียกสถานะทางใจไม่ถูก (ปากก็เรียกว่าเพื่อนนะ แต่เพื่อนต่างเพศนี่ต้องคุยต้องคอลกันทุกวันขนาดนี้มั้ย? ) เราสองคนเริ่มคุยกันเล่นๆ(แต่เรา "จริงจัง") ว่าอีกไม่กี่เดือน น. มารับงานฟรีเเลนซ์ในจังหวัดที่เราอยู่ น. จะมาขอเราอยู่ด้วย ซึ่งเราก็ไม่มีปัญหา อยากให้มาอยู่ด้วยอยู่แล้ว เพราะเราก็อยู่คนเดียว ช่วงที่คุยกันทุกอย่างมันดีมาก เรารู้สึกมีความสุข นั่งยิ้มกับโทรศัพท์ได้ทั้งวัน เราเริ่มรู้สึกว่าชอบ น. แต่ก็ไม่เคยพูดอะไรออกไป เพราะ น. เองก็ไม่ได้พูดอะไรมา อีกเหตุผลที่เรายังไม่ได้บอกชอบออกไป เพราะความที่เราสองคนไม่ได้เจอกันนานมาก (ประมาณ 5 ปี) และในช่วงที่เรียนด้วยกันก็แทบไม่ได้คุยกัน เราอยากเจอกันก่อน อยากเรียนรู้ตัวตนที่สัมผัสกันได้ไม่ใช่แค่โลกโซเชี่ยล จึงเก็บความในใจเอาไว้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่า น. คิดอะไรอยู่ เราต่างบ่นว่าเหงาใส่กัน ต่างบอกว่าอยากมีแฟน แล้วเราก็ต่างคุยกันตลอดเวลาที่คุยกันได้ (งงมั้ย?...)
แต่ทุกอย่างก็เข้าสู่จุดเปลี่ยน ในช่วงที่เข้าเดือนที่ 7 ที่เราคุยๆกัน เป็นช่วงที่อีกแค่สองสัปดาห์ น. จะมางานสำคัญที่จังหวัดของเรา น. เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มไม่ทักแชทมา ไม่มีบอกราตรีสวัสดิ์ แรกๆเราก็เปลี่ยนบทบาทไปเป็นคนทักบ้าง จนบ่อยๆเข้าเราก็เริ่มเหนื่อย จริงๆเราก็ยังคุยกันทุกวัน แต่น้อยลงมาก น. เริ่มตอบคำถามช้าลง เราเองก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรไป เพราะรู้ตัวอยู่ว่าเราไม่อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรได้ "เราเป็นแค่เพื่อน" จนวันหนึ่งเราก็แซว น. ไปเล่นๆ ว่าพฤติกรรมแบบนี้ มีสาวแน่นอน ... เราภาวนาในใจอีกแล้ว ว่าอย่าเป็นจริงเลย .... และคำตอบกระตุกใจก็เริ่มมา น. บอกเราว่าตอนนี้เริ่มมีคนเข้ามาคุย(เป็นคนในจังหวัดเดียวกับตูด้วย) แต่ก็บอกเราว่าไม่ได้เร่งรีบความสัมพันธ์อะไร แค่คุยเฉยๆ จ้า.... แค่นี้เราก็เริ่มเสียฟิลละ แต่ น. ยังยืนยันว่าเราสองคนต้องได้เจอกัน
แล้ว น. ก็มางานสำคัญที่จังหวัดของเรา อันที่จริง น. จะมาหาเราตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เเต่เราติดนั่นติดนี่ และยังไม่พร้อมเจอ จนเข้าวันที่ 3 เราก็นัดให้ น. มาเจอช่วงค่ำๆ (เจอกันมืดๆจะได้รู้สึกสวย 555) วันนั้นเราต่างมีนัดสังสรรค์กับเพื่อน แต่ก็แชทหากันอยู่เรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืน เราก็กลับห้องแล้วก็คิดว่าวันนี้คงไม่ได้เจอกันแล้ว ไว้ค่อยเจอกันวันถัดไป เราอาบน้ำ ปิดไฟ นอน ....
เราหลับไปจนถึงประมาณเกือบตีสาม น.ก็โทรมา เรางัวเงียตื่นขึ้นมารับสาย น.บอกว่าตอนนี้ไม่มีที่นอน เพื่อนๆแต่ละคนก็มีแฟน บางคนหิ้วสาวกลับห้อง เราก็คิดหนักอยู่ ว่าดึกขนาดนี้จะทำยังไงดี ต้องเจอกันในสภาพหน้าสด? เราเลยบอกให้ น. ขับรถมาหา ซึ่งเราก็ส่ง location ไป แต่ น. บอกมาไม่ได้ เพราะเมา มีด่านตำรวจอยู่ระหว่างทางด้วย เราก็ด้วยสปิริตแรงกล้า โอเค เราจะไปรับเธอเอง ...แรดมาก ไปรับผู้ชายเกือบตีสาม ซึ่งอีกวันมีงานแปดโมง
พอไปถึง เจอ น. ตัวเป็นๆครั้งแรกในรอบหลายปีก็โอเคอ่ะ ดูดีกว่าตอนเรียนด้วยกันเยอะ ระหว่างทางก็พูดคุยกันพอสมควร พอมาถึงห้องเรา น. ก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำ เราเองก็เปิดทีวีดูแก้ง่วง พอ น. อาบน้ำเรียบร้อยเราต่างก็เข้านอน .... แต่ก็นอนไม่หลับ! เราตื่นเต้นที่มีผู้ชายมานอนข้างๆ เพราะที่ข้างๆเราเคยเป็นของแฟนเก่าเราซึ่งเราเคยมีแฟนมาแค่คนเดียว เราไม่เคยนอนใกล้ผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนมาก่อนเลย น.เองก็นอนไม่หลับ ดูจะตื่นๆกัน เรานอนคุยๆกันไป หัวเราะกันบ้าง เริ่มมีแตะๆตัวกันมากขึ้น ขยับใกล้กันมากขึ้น จากนั้นความเงียบก็เกิด น. เริ่มหอมแก้มเรา จากนั้นก็เกิดอะไรหลายต่อหลายอย่าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับมีอะไรกันแบบสมบูรณ์ เพราะเราไม่ได้เตรียมถุงยางอนามัยไว้ แล้วก็คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา คืนนั้นเรานอนไม่ถึงสองชั่วโมง ช่วงเช้าเราตื่นก่อน แต่ยังไม่ลุกไปไหน ยังนอนมองหน้า น. ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง พอเราแต่งตัวเสร็จ น. ก็ตื่น แล้วเราก็ไปส่ง น. ซึ่งก่อนจากกันวันนั้นเราก็ยังยิ้มให้กันแล้วก็คุยกันว่าช่วงเย็นวันถัดไปเราจะไปทานข้าวด้วยกัน วันนั้นเราง่วงมาก ทำงานแบบงงงวย แต่ก็มีความสุข
แต่ความสุข... กลับอยู่กับเราเพียงไม่กี่ชั่วโมง ช่วงกลางวันของวันนั้น น. ไม่ทักมา เราก็เข้าใจว่า น. คงยุ่งกับงานต่างๆ ช่วงเย็นเราจึงทักไป ซึ่ง น. ก็ตอบมาสั้นๆ แบบถามคำตอบคำ และไม่มีคำถามส่งกลับหาเราเหมือนเมื่อก่อน กลางคืนเราก็ทักไปอีก คราวนี่ น. เริ่มคุยจริงจัง ว่ารู้สึกไม่ดีกับตัวเอง น. ขอโทษเรากับเรื่องที่เกิดขึ้น บอกเราว่ารู้สึกผิด เราเองก็ตอบไปว่าอย่าคิดมาก เพราะสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันเกิดจากความยินยอมของเราเอง ไม่ใช่การบังคับ ไม่ใช่การขาดสติ แล้ววันนั้นก็เป็นวันที่เราทนเก็บความในใจต่อไปไม่ไหว เราก็บอกชอบ น. ไป และคำตอบที่ได้กลับมาก็คือ น. ไม่ได้ชอบเรา ไม่ได้คิดอะไรกับเรา และที่สำคัญ เขารู้สึกผิดกับคนที่คุยด้วยอยู่... น. ขอโทษเราอีกหลายรอบ เราก็ได้แต่ตอบว่า "ไม่เป็นไร" (จริงๆแล้วแบบ โหย! จุก มาก ไม่ได้ชอบกูแล้วมาทำแบบนี้ทำไมฟร๊ะ! ) เราก็ตามสเต็ปวายร้ายที่แสนดี ก็ยิงคำถามไปว่าต่อจากนี้จะคุยกันได้อยู่มั้ย? น. ก็ตอบว่า "ได้ มีอะไรก็ปรึกษากันได้" ... จ่ะ คืนนั้นเราก็นอนไม่หลับไปอีก และนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่เราได้คุยกัน
2 วันต่อมา ช่วงกลางวัน น. โพสต์ภาพคู่กับผู้หญิงที่คุยด้วยพร้อมกับขึ้นสถานะคบหากัน แล้วก็หวานแหววกันจนมาถึงทุกวันนี้ และตั้งแต่วันนั้นเราต่างเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่มีการทักทาย ไม่มีการพูดคุยกันใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหน เราไม่อันเฟรนด์กัน แต่ไม่มีการกดไลค์ หรือคอมเมนท์ใดๆให้กัน เมื่อเขาไม่ทักมาเราก็ไม่รู้จะทักไปทำไม มันกลายเป็นภาวะที่คุยกันไม่ได้ มองหน้ากันไม่ติด ที่เคยพูดๆกันไว้ก็กลายเป็นโมฆะเป็นอัตโนมัติ ซึ่งจริงๆเราไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย เสียดายมิตรภาพ
พิมพ์มาจนจบก็รู้ตัวนะ อย่างที่บอกตอนต้นว่าเราไม่ใช่คนดีมาก มีเรื่องที่ทำไม่ถูก แต่ก็อยากฝากถึงผู้ชายทุกคนว่า ถ้าคุณไม่ได้มีใจให้ใคร คุณอย่าทำอะไรให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นคนพิเศษ ขอให้คุณทำทุกสิ่งด้วยสติเสมอ จะได้ไม่ต้องมาพูดคำว่า "ขอโทษ" ทีหลัง ท้ายนี้เราก็ได้แต่ขอให้เขารักกันนานๆ ส่วนเราก็แค่กลับมาเหงาคนเดียวเหมือนเดิม ขอบคุณที่อ่านนะคะ
เพราะเรื่องวันนั้น ทำให้เสียเธอไปตลอดกาล.... ฝากถึงผู้ชายทุกคน อย่าทำแบบนี้ ถ้าคุณไม่ได้ชอบเธอจริงๆ (T__T)
เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา เราถูกผู้ชายคนหนึ่งเท ทิ้งรอยแผลไว้เป็นที่ระลึกในใจ 1 แผลจี๊ดๆ เราขอเรียกเขาว่า น.
เรารู้จัก น. มา 6 ปีแล้ว เจอกันครั้งแรกสมัยเรียนปี 1 ตอนที่เรียน section เดียวกันในมหาวิทยาลัย แล้วเราก็ไม่เคยเจอกันอีกเลยในช่วงเวลาของการเป็นนักศึกษา ช่วงปีแรกก็มีพูดคุยกันใน Facebook บ้าง ปีละไม่กี่ครั้ง แค่ช่วงปีใหม่กับช่วงวันเกิด ตอนนั้นเราไม่รู้สึกว่าชอบหรือรู้สึกดีอะไร พอเรียนจบ น. ก็กลับไปช่วยธุรกิจครอบครัวที่บ้านที่ต่างจังหวัด เราห่างหายกันไปเพราะต่างคนต่างมีแฟน จนมาถึงต้นปีที่ผ่านมา (2559) เราต่างถูกแฟนหักหลังจึงโสดด้วยกันทั้งคู่ น. ส่งข้อความมาทักทายเราช่วงวันวาเลนไทน์ เราได้พูดคุยถามไถ่ความเป็นอยู่กันพอสมควร พอได้รู้ว่าต่างคนต่างโสด เราก็ให้กำลังใจกัน ตอนนั้นก็ยังไม่มีเจตนาหรือความรู้สึกอื่นใดแอบแฝง เพราะเราต่างก็ยังลืมคนเก่าไม่ได้
เราเริ่มคุยกันมากขึ้น ทุกๆวัน น. จะส่งข้อความมาอรุณสวัสดิ์ และจบบทสนทนาของแต่ละวันด้วยการด้วยบอกฝันดีเราก่อนนอนทุกคืน จะกิน จะทำอะไร ก็ถ่ายรูปส่งมาให้ดูตลอด เราเองก็คุย ทักทาย และถ่ายรูปการใช้ชีวิตประจำวันของเราส่งไปตลอดเหมือนกัน จนเวลาผ่านไปหลายเดือน จากคุยแชทก็เริ่มคอลหากันก่อนนอนทุกคืน มีบางคืนที่ น. ไปดื่ม ไม่ว่ากลับดึกแค่ไหนก็จะแชทหรือคอลมาบอก(ซึ่งเราก็นั่งรอทุกวัน แต่ไม่เคยบอกให้รู้ ) ความรู้สึกของเราก็เริ่มมา เรารอข้อความของ น. ทุกวัน รอเวลาได้คอลในทุกๆคืน อ้อ...มีช่วงหนึ่ง ที่ น. ไปชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยู่ไกลและไม่ค่อยสนใจ น. เท่าไหร่ น. บ่นให้เราฟังทุกวัน เราก็ให้กำลังใจ น. เสมอ แต่ในใจนี่ภาวนาตลอดว่ามุงห้ามรักกันนะ และสุดท้าย น. ก็ถอดใจเพราะหลายๆเหตุผล
จากความสนิทสนม ที่เราเริ่มเรียกสถานะทางใจไม่ถูก (ปากก็เรียกว่าเพื่อนนะ แต่เพื่อนต่างเพศนี่ต้องคุยต้องคอลกันทุกวันขนาดนี้มั้ย? ) เราสองคนเริ่มคุยกันเล่นๆ(แต่เรา "จริงจัง") ว่าอีกไม่กี่เดือน น. มารับงานฟรีเเลนซ์ในจังหวัดที่เราอยู่ น. จะมาขอเราอยู่ด้วย ซึ่งเราก็ไม่มีปัญหา อยากให้มาอยู่ด้วยอยู่แล้ว เพราะเราก็อยู่คนเดียว ช่วงที่คุยกันทุกอย่างมันดีมาก เรารู้สึกมีความสุข นั่งยิ้มกับโทรศัพท์ได้ทั้งวัน เราเริ่มรู้สึกว่าชอบ น. แต่ก็ไม่เคยพูดอะไรออกไป เพราะ น. เองก็ไม่ได้พูดอะไรมา อีกเหตุผลที่เรายังไม่ได้บอกชอบออกไป เพราะความที่เราสองคนไม่ได้เจอกันนานมาก (ประมาณ 5 ปี) และในช่วงที่เรียนด้วยกันก็แทบไม่ได้คุยกัน เราอยากเจอกันก่อน อยากเรียนรู้ตัวตนที่สัมผัสกันได้ไม่ใช่แค่โลกโซเชี่ยล จึงเก็บความในใจเอาไว้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่า น. คิดอะไรอยู่ เราต่างบ่นว่าเหงาใส่กัน ต่างบอกว่าอยากมีแฟน แล้วเราก็ต่างคุยกันตลอดเวลาที่คุยกันได้ (งงมั้ย?...)
แต่ทุกอย่างก็เข้าสู่จุดเปลี่ยน ในช่วงที่เข้าเดือนที่ 7 ที่เราคุยๆกัน เป็นช่วงที่อีกแค่สองสัปดาห์ น. จะมางานสำคัญที่จังหวัดของเรา น. เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มไม่ทักแชทมา ไม่มีบอกราตรีสวัสดิ์ แรกๆเราก็เปลี่ยนบทบาทไปเป็นคนทักบ้าง จนบ่อยๆเข้าเราก็เริ่มเหนื่อย จริงๆเราก็ยังคุยกันทุกวัน แต่น้อยลงมาก น. เริ่มตอบคำถามช้าลง เราเองก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรไป เพราะรู้ตัวอยู่ว่าเราไม่อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรได้ "เราเป็นแค่เพื่อน" จนวันหนึ่งเราก็แซว น. ไปเล่นๆ ว่าพฤติกรรมแบบนี้ มีสาวแน่นอน ... เราภาวนาในใจอีกแล้ว ว่าอย่าเป็นจริงเลย .... และคำตอบกระตุกใจก็เริ่มมา น. บอกเราว่าตอนนี้เริ่มมีคนเข้ามาคุย(เป็นคนในจังหวัดเดียวกับตูด้วย) แต่ก็บอกเราว่าไม่ได้เร่งรีบความสัมพันธ์อะไร แค่คุยเฉยๆ จ้า.... แค่นี้เราก็เริ่มเสียฟิลละ แต่ น. ยังยืนยันว่าเราสองคนต้องได้เจอกัน
แล้ว น. ก็มางานสำคัญที่จังหวัดของเรา อันที่จริง น. จะมาหาเราตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เเต่เราติดนั่นติดนี่ และยังไม่พร้อมเจอ จนเข้าวันที่ 3 เราก็นัดให้ น. มาเจอช่วงค่ำๆ (เจอกันมืดๆจะได้รู้สึกสวย 555) วันนั้นเราต่างมีนัดสังสรรค์กับเพื่อน แต่ก็แชทหากันอยู่เรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืน เราก็กลับห้องแล้วก็คิดว่าวันนี้คงไม่ได้เจอกันแล้ว ไว้ค่อยเจอกันวันถัดไป เราอาบน้ำ ปิดไฟ นอน ....
เราหลับไปจนถึงประมาณเกือบตีสาม น.ก็โทรมา เรางัวเงียตื่นขึ้นมารับสาย น.บอกว่าตอนนี้ไม่มีที่นอน เพื่อนๆแต่ละคนก็มีแฟน บางคนหิ้วสาวกลับห้อง เราก็คิดหนักอยู่ ว่าดึกขนาดนี้จะทำยังไงดี ต้องเจอกันในสภาพหน้าสด? เราเลยบอกให้ น. ขับรถมาหา ซึ่งเราก็ส่ง location ไป แต่ น. บอกมาไม่ได้ เพราะเมา มีด่านตำรวจอยู่ระหว่างทางด้วย เราก็ด้วยสปิริตแรงกล้า โอเค เราจะไปรับเธอเอง ...แรดมาก ไปรับผู้ชายเกือบตีสาม ซึ่งอีกวันมีงานแปดโมง
พอไปถึง เจอ น. ตัวเป็นๆครั้งแรกในรอบหลายปีก็โอเคอ่ะ ดูดีกว่าตอนเรียนด้วยกันเยอะ ระหว่างทางก็พูดคุยกันพอสมควร พอมาถึงห้องเรา น. ก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำ เราเองก็เปิดทีวีดูแก้ง่วง พอ น. อาบน้ำเรียบร้อยเราต่างก็เข้านอน .... แต่ก็นอนไม่หลับ! เราตื่นเต้นที่มีผู้ชายมานอนข้างๆ เพราะที่ข้างๆเราเคยเป็นของแฟนเก่าเราซึ่งเราเคยมีแฟนมาแค่คนเดียว เราไม่เคยนอนใกล้ผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนมาก่อนเลย น.เองก็นอนไม่หลับ ดูจะตื่นๆกัน เรานอนคุยๆกันไป หัวเราะกันบ้าง เริ่มมีแตะๆตัวกันมากขึ้น ขยับใกล้กันมากขึ้น จากนั้นความเงียบก็เกิด น. เริ่มหอมแก้มเรา จากนั้นก็เกิดอะไรหลายต่อหลายอย่าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับมีอะไรกันแบบสมบูรณ์ เพราะเราไม่ได้เตรียมถุงยางอนามัยไว้ แล้วก็คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา คืนนั้นเรานอนไม่ถึงสองชั่วโมง ช่วงเช้าเราตื่นก่อน แต่ยังไม่ลุกไปไหน ยังนอนมองหน้า น. ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง พอเราแต่งตัวเสร็จ น. ก็ตื่น แล้วเราก็ไปส่ง น. ซึ่งก่อนจากกันวันนั้นเราก็ยังยิ้มให้กันแล้วก็คุยกันว่าช่วงเย็นวันถัดไปเราจะไปทานข้าวด้วยกัน วันนั้นเราง่วงมาก ทำงานแบบงงงวย แต่ก็มีความสุข
แต่ความสุข... กลับอยู่กับเราเพียงไม่กี่ชั่วโมง ช่วงกลางวันของวันนั้น น. ไม่ทักมา เราก็เข้าใจว่า น. คงยุ่งกับงานต่างๆ ช่วงเย็นเราจึงทักไป ซึ่ง น. ก็ตอบมาสั้นๆ แบบถามคำตอบคำ และไม่มีคำถามส่งกลับหาเราเหมือนเมื่อก่อน กลางคืนเราก็ทักไปอีก คราวนี่ น. เริ่มคุยจริงจัง ว่ารู้สึกไม่ดีกับตัวเอง น. ขอโทษเรากับเรื่องที่เกิดขึ้น บอกเราว่ารู้สึกผิด เราเองก็ตอบไปว่าอย่าคิดมาก เพราะสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันเกิดจากความยินยอมของเราเอง ไม่ใช่การบังคับ ไม่ใช่การขาดสติ แล้ววันนั้นก็เป็นวันที่เราทนเก็บความในใจต่อไปไม่ไหว เราก็บอกชอบ น. ไป และคำตอบที่ได้กลับมาก็คือ น. ไม่ได้ชอบเรา ไม่ได้คิดอะไรกับเรา และที่สำคัญ เขารู้สึกผิดกับคนที่คุยด้วยอยู่... น. ขอโทษเราอีกหลายรอบ เราก็ได้แต่ตอบว่า "ไม่เป็นไร" (จริงๆแล้วแบบ โหย! จุก มาก ไม่ได้ชอบกูแล้วมาทำแบบนี้ทำไมฟร๊ะ! ) เราก็ตามสเต็ปวายร้ายที่แสนดี ก็ยิงคำถามไปว่าต่อจากนี้จะคุยกันได้อยู่มั้ย? น. ก็ตอบว่า "ได้ มีอะไรก็ปรึกษากันได้" ... จ่ะ คืนนั้นเราก็นอนไม่หลับไปอีก และนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่เราได้คุยกัน
2 วันต่อมา ช่วงกลางวัน น. โพสต์ภาพคู่กับผู้หญิงที่คุยด้วยพร้อมกับขึ้นสถานะคบหากัน แล้วก็หวานแหววกันจนมาถึงทุกวันนี้ และตั้งแต่วันนั้นเราต่างเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่มีการทักทาย ไม่มีการพูดคุยกันใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหน เราไม่อันเฟรนด์กัน แต่ไม่มีการกดไลค์ หรือคอมเมนท์ใดๆให้กัน เมื่อเขาไม่ทักมาเราก็ไม่รู้จะทักไปทำไม มันกลายเป็นภาวะที่คุยกันไม่ได้ มองหน้ากันไม่ติด ที่เคยพูดๆกันไว้ก็กลายเป็นโมฆะเป็นอัตโนมัติ ซึ่งจริงๆเราไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย เสียดายมิตรภาพ
พิมพ์มาจนจบก็รู้ตัวนะ อย่างที่บอกตอนต้นว่าเราไม่ใช่คนดีมาก มีเรื่องที่ทำไม่ถูก แต่ก็อยากฝากถึงผู้ชายทุกคนว่า ถ้าคุณไม่ได้มีใจให้ใคร คุณอย่าทำอะไรให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นคนพิเศษ ขอให้คุณทำทุกสิ่งด้วยสติเสมอ จะได้ไม่ต้องมาพูดคำว่า "ขอโทษ" ทีหลัง ท้ายนี้เราก็ได้แต่ขอให้เขารักกันนานๆ ส่วนเราก็แค่กลับมาเหงาคนเดียวเหมือนเดิม ขอบคุณที่อ่านนะคะ