คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 63
ผมเล่าประสบการณ์แล้วกันครับ
เรื่องของผมก็เหมือนเรื่องของคุณ แต่ตอนนี้มันจบไปแล้วครับ
ตัวผมเองด้วยสถานะหน้าที่การงาน ฐานะหรือเรื่องครอบครัวก็จัดว่าไม่มีอะไรบกพร่อง แต่งงานแล้วก็สามารถเลี้ยงลูกและภรรยาได้สบายๆโดยไม่ต้องให้ทำงาน ส่วนอดีตแฟนของผมก็มาจากครอบครัวมีฐานะ เรื่องการศึกษาและหน้าที่การงานก็จัดว่าเป็นระดับท็อปของคนส่วนมากครับ
เราคบกับตั้งแต่เราเจอกันตอนเรียนต่อในไทย ดูเหมือนทุกอย่างไปได้ดี เราเข้ากันได้ ครอบครัวเธอและผมก็ต้อนรับเราทั้งคู่ดี
ปัญหามันเริ่มตอนที่เธอไปเรียนต่อเมืองนอก ส่วนผมเริ่มทำงานเต็มตัวอยู่เมืองไทย เรายังติดต่อกันเหมือนเดิม แต่ระยะทางมันเหมือนทำให้ความสัมพันธ์มันจางลงไป เรายังเรียกว่าเป็นแฟนกันนะครับ แต่ไม่ได้หวานจี๋จ๋า อาจจะเป็นเพราะอายุเยอะขึ้น รวมถึงเธอเองก็จัดว่าเก่ง มั่นใจ ดูแลตัวเองได้ ก็เลยไม่ได้มีความหวานอะไรตรงนี้
เราคบกันจบผมคิดว่าพร้อมในปีที่ 8 หลังเธอกลับมาไทยได้สักพัก เราไม่เคยมีอะไรกัน ผมขอเธอแต่งงาน แต่เธอตอบว่าอยากรอไปก่อน ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าปัญหาของเธอคืออะไร จริงๆเราอยู่กันคนละที่ แต่ผมก็พยายามไปเจอเธออาทิตย์ละครั้ง เราคุยกันทุกวัน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเรื่องรสนิยมเราจะต่างกันพอสมควร เช่น ผมชอบกินข้าวข้างทาง เธอชอบเข้าห้างหรูๆ แต่ผมก็ไม่ได้ขัดเธอนะครับ จ่ายเงินตลอดด้วย
ตกลงครับ ผมรอ ระหว่างนั้นก็มีคุยบ้าง ปรึกษาผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายบ้าง ทางผู้ใหญ่ก็อยากให้แต่ง แต่เธอก็ไม่ตกลง
ปีที่ 8 ปีที่ 10 เธอก็ไม่ตกลง เพื่อนผม รุ่นน้องผมมีลูกน่ารัก ผมก็อยากมี แต่เธอก็ไม่อยากมี
จนจุดนึงในปีที่ 11 ผมก็บอกเลิกเธอครับ บอกตามตรง เหมือนโลกถล่มสำหรับผมเลยครับ ผมรู้ว่าเธอก็เสียใจ สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้ กลับไปง้อเธอ ทั้งๆที่ระหว่างนี้มีรุ่นน้องคนนึงมาชอบผม เธอก็เป็นคนดีและนิสัยน่ารักมาก แต่ผมก็เลือกกลับไปดีกับแฟน ไม่ใช่รุ่นน้อง
ทุกอย่างเหมือนจะดี เธอตามใจผมมากขึ้น แต่ลึกๆ ผมก็รู้ว่ามันไม่เหมือนเดิม ผมรู้ว่าเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน ผมรู้ว่าเธอก็รู้ ผมเองก็มีข้อเสียที่เธอไม่ชอบ ผมไม่ได้มีบุคลิกผู้นำพอสำหรับเธอที่เป็นผู้หญิงเก่ง
สิ่งที่ทำให้เราคบกันก็คือความเหมาะสม เธอเก่งและรวย ผู้ชายที่จะเท่าเทียมเธอมีไม่มาก ผมเป็นหนึ่งในนั้น เธอเพื่อนน้อย ผมเป็นหนึ่งในคนที่เธอสนิทไม่กี่คน เธอเลยเสียใจที่ผมบอกเลิก เพราะมันจะทำให้เธออ้างว้างไม่มีใคร แต่เธอไม่ได้ต้องการผมในฐานะคนรัก หรือคู่ชีวิต เพราะเธอดูแลตัวเองได้
เธอแค่อยากมีผมเป็นเพื่อนใกล้ชิดเพราะความผูกพันธ์ที่เรามีกันมา เพราะเธอรู้ว่าเธอจะมีผมในชีวิต แต่เธอไม่ได้อยากใช้ชีวิตกับผม เธอเลยยื้อผมไว้แต่ไม่แต่งกับผม
ตอนนี้ผมจบกับเธอแล้วครับ เจ็บเจียนตายในช่วงแรก แต่เชื่อผมเถอะ ไม่มีอะไรที่เวลารักษาไม่ได้ แล้วความเจ็บมันจะจางไปครับ แต่ในเมื่อเป้าหมายเราไม่ได้ไปด้วยกัน ทิ้งเวลา 12 ปีไป ดีกว่ายื้อกันต่อแล้วเสียเวลาเพิ่มอีก 1 ปี 2 ปี หรือมากกว่านั้น ที่แย่กว่าคงเป็นแต่งแล้วเลิกทั้งๆที่รู้ว่าไปกันไม่ได้ตั้งแต่แรก
ผมเองก็ไม่รู้สถานการณ์ของคุณ แต่ถ้ามองจากมุมคนนอกอย่างผม การที่เราขอแต่งงานไปหลายครั้ง การที่เราคบกันมาจนทุกอย่างพร้อม ไม่มีข้อโต้แย้งว่าฐานะ การเรียน การทำงาน หรืออายุไม่พร้อม แล้วเธอไม่ยอมแต่ง
... เธอไม่ได้รักคุณครับ เธออยู่ด้วยความผูกพันธ์ ไม่อยากเสียคุณไป แต่เธอไม่ได้มองคุณเป็นคู่ชีวิต
ถ้าคุณอยากมีครอบครัวอบอุ่น อยากมีลูก ขอให้เดินต่อไปได้แล้วครับ อย่าเหมือนผมที่เลือกผิดแล้วเสียรุ่นน้องคนนั้นไป
เรื่องของผมก็เหมือนเรื่องของคุณ แต่ตอนนี้มันจบไปแล้วครับ
ตัวผมเองด้วยสถานะหน้าที่การงาน ฐานะหรือเรื่องครอบครัวก็จัดว่าไม่มีอะไรบกพร่อง แต่งงานแล้วก็สามารถเลี้ยงลูกและภรรยาได้สบายๆโดยไม่ต้องให้ทำงาน ส่วนอดีตแฟนของผมก็มาจากครอบครัวมีฐานะ เรื่องการศึกษาและหน้าที่การงานก็จัดว่าเป็นระดับท็อปของคนส่วนมากครับ
เราคบกับตั้งแต่เราเจอกันตอนเรียนต่อในไทย ดูเหมือนทุกอย่างไปได้ดี เราเข้ากันได้ ครอบครัวเธอและผมก็ต้อนรับเราทั้งคู่ดี
ปัญหามันเริ่มตอนที่เธอไปเรียนต่อเมืองนอก ส่วนผมเริ่มทำงานเต็มตัวอยู่เมืองไทย เรายังติดต่อกันเหมือนเดิม แต่ระยะทางมันเหมือนทำให้ความสัมพันธ์มันจางลงไป เรายังเรียกว่าเป็นแฟนกันนะครับ แต่ไม่ได้หวานจี๋จ๋า อาจจะเป็นเพราะอายุเยอะขึ้น รวมถึงเธอเองก็จัดว่าเก่ง มั่นใจ ดูแลตัวเองได้ ก็เลยไม่ได้มีความหวานอะไรตรงนี้
เราคบกันจบผมคิดว่าพร้อมในปีที่ 8 หลังเธอกลับมาไทยได้สักพัก เราไม่เคยมีอะไรกัน ผมขอเธอแต่งงาน แต่เธอตอบว่าอยากรอไปก่อน ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าปัญหาของเธอคืออะไร จริงๆเราอยู่กันคนละที่ แต่ผมก็พยายามไปเจอเธออาทิตย์ละครั้ง เราคุยกันทุกวัน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเรื่องรสนิยมเราจะต่างกันพอสมควร เช่น ผมชอบกินข้าวข้างทาง เธอชอบเข้าห้างหรูๆ แต่ผมก็ไม่ได้ขัดเธอนะครับ จ่ายเงินตลอดด้วย
ตกลงครับ ผมรอ ระหว่างนั้นก็มีคุยบ้าง ปรึกษาผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายบ้าง ทางผู้ใหญ่ก็อยากให้แต่ง แต่เธอก็ไม่ตกลง
ปีที่ 8 ปีที่ 10 เธอก็ไม่ตกลง เพื่อนผม รุ่นน้องผมมีลูกน่ารัก ผมก็อยากมี แต่เธอก็ไม่อยากมี
จนจุดนึงในปีที่ 11 ผมก็บอกเลิกเธอครับ บอกตามตรง เหมือนโลกถล่มสำหรับผมเลยครับ ผมรู้ว่าเธอก็เสียใจ สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้ กลับไปง้อเธอ ทั้งๆที่ระหว่างนี้มีรุ่นน้องคนนึงมาชอบผม เธอก็เป็นคนดีและนิสัยน่ารักมาก แต่ผมก็เลือกกลับไปดีกับแฟน ไม่ใช่รุ่นน้อง
ทุกอย่างเหมือนจะดี เธอตามใจผมมากขึ้น แต่ลึกๆ ผมก็รู้ว่ามันไม่เหมือนเดิม ผมรู้ว่าเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน ผมรู้ว่าเธอก็รู้ ผมเองก็มีข้อเสียที่เธอไม่ชอบ ผมไม่ได้มีบุคลิกผู้นำพอสำหรับเธอที่เป็นผู้หญิงเก่ง
สิ่งที่ทำให้เราคบกันก็คือความเหมาะสม เธอเก่งและรวย ผู้ชายที่จะเท่าเทียมเธอมีไม่มาก ผมเป็นหนึ่งในนั้น เธอเพื่อนน้อย ผมเป็นหนึ่งในคนที่เธอสนิทไม่กี่คน เธอเลยเสียใจที่ผมบอกเลิก เพราะมันจะทำให้เธออ้างว้างไม่มีใคร แต่เธอไม่ได้ต้องการผมในฐานะคนรัก หรือคู่ชีวิต เพราะเธอดูแลตัวเองได้
เธอแค่อยากมีผมเป็นเพื่อนใกล้ชิดเพราะความผูกพันธ์ที่เรามีกันมา เพราะเธอรู้ว่าเธอจะมีผมในชีวิต แต่เธอไม่ได้อยากใช้ชีวิตกับผม เธอเลยยื้อผมไว้แต่ไม่แต่งกับผม
ตอนนี้ผมจบกับเธอแล้วครับ เจ็บเจียนตายในช่วงแรก แต่เชื่อผมเถอะ ไม่มีอะไรที่เวลารักษาไม่ได้ แล้วความเจ็บมันจะจางไปครับ แต่ในเมื่อเป้าหมายเราไม่ได้ไปด้วยกัน ทิ้งเวลา 12 ปีไป ดีกว่ายื้อกันต่อแล้วเสียเวลาเพิ่มอีก 1 ปี 2 ปี หรือมากกว่านั้น ที่แย่กว่าคงเป็นแต่งแล้วเลิกทั้งๆที่รู้ว่าไปกันไม่ได้ตั้งแต่แรก
ผมเองก็ไม่รู้สถานการณ์ของคุณ แต่ถ้ามองจากมุมคนนอกอย่างผม การที่เราขอแต่งงานไปหลายครั้ง การที่เราคบกันมาจนทุกอย่างพร้อม ไม่มีข้อโต้แย้งว่าฐานะ การเรียน การทำงาน หรืออายุไม่พร้อม แล้วเธอไม่ยอมแต่ง
... เธอไม่ได้รักคุณครับ เธออยู่ด้วยความผูกพันธ์ ไม่อยากเสียคุณไป แต่เธอไม่ได้มองคุณเป็นคู่ชีวิต
ถ้าคุณอยากมีครอบครัวอบอุ่น อยากมีลูก ขอให้เดินต่อไปได้แล้วครับ อย่าเหมือนผมที่เลือกผิดแล้วเสียรุ่นน้องคนนั้นไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 64
เราเคยเป็นแบบแฟนคุณคะ เราคบกับแฟนเก่ามา 7 ปี พอเค้าขอแต่งงานก็รู้สึกว่าไม่เห็นต้องแต่งเลย ไม่อยากมีลูก ไม่อยากแต่งงาน สุดท้ายคือรู้ตัวว่าไอ้ที่ไม่อยากแต่งงานกับมีลูกอะ เป็นเฉพาะกับแฟนเรา สรุปคือเค้าไม่ใช่คนที่เราอยากให้เป็นพ่อของลูกเราคะ เราก็เลยขอเลิกกับเค้า
เราคิดว่าแฟนคุณก็อาจจะคิดอย่างนี้หรือยังไม่รู้ตัว หรือว่ากลัวการต้องอยู่คนเดียว คบกัน 12 ปี บางทีความผูกผันมันเป็นทำให้ตัดสินใจยาก
แฟนเก่าเราพอเลิกกับเราไป 1-2 ปี ก็เจอคนใหม่ที่อยากแต่งงานและมีลูกกับเค้า ตอนนี้เค้าก็ดูมีความสุขดี มีลูกสาวน่ารัก
เราเองเจอสามีเรา คบกันได้ 4 เดือนเค้าขอแต่งงาน เราก็ตกลง แต่งงานหลังจากคบกันได้ 6 เดือน คือเจอแล้วรู้เลยว่าคนนี้แหละที่เราอยากอยู่ด้วยจริงๆ อยากให้เป็นพ่อของลูก
สรุปก็คือไม่ผิดหรอกคะ ที่คุณจะเลิกกับแฟนคุณ ความต้องการไม่ตรงกัน อย่าไปเสียเวลาอีกเลย คุณเองก็จะได้เปิดตัวเองได้เจอคนใหม่ๆ
โชคดีคะ
เราคิดว่าแฟนคุณก็อาจจะคิดอย่างนี้หรือยังไม่รู้ตัว หรือว่ากลัวการต้องอยู่คนเดียว คบกัน 12 ปี บางทีความผูกผันมันเป็นทำให้ตัดสินใจยาก
แฟนเก่าเราพอเลิกกับเราไป 1-2 ปี ก็เจอคนใหม่ที่อยากแต่งงานและมีลูกกับเค้า ตอนนี้เค้าก็ดูมีความสุขดี มีลูกสาวน่ารัก
เราเองเจอสามีเรา คบกันได้ 4 เดือนเค้าขอแต่งงาน เราก็ตกลง แต่งงานหลังจากคบกันได้ 6 เดือน คือเจอแล้วรู้เลยว่าคนนี้แหละที่เราอยากอยู่ด้วยจริงๆ อยากให้เป็นพ่อของลูก
สรุปก็คือไม่ผิดหรอกคะ ที่คุณจะเลิกกับแฟนคุณ ความต้องการไม่ตรงกัน อย่าไปเสียเวลาอีกเลย คุณเองก็จะได้เปิดตัวเองได้เจอคนใหม่ๆ
โชคดีคะ
ความคิดเห็นที่ 60
ขอเข้ามาตอบในฐานะผู้หญิงคนนึง ที่เจอเรื่องแบบนี้มาเหมือนกันค่ะ
ดิฉันกับแฟน คบกันมาได้ปีกว่า อยู่ด้วยกัน นอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน แต่ ไม่มีอะไรกัน
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า ผู้หญิง ก็มีความต้องการเหมือนกัน แต่ฝ่ายชาย ไม่อินตาม ซึ่งบางทีก็อ่อยแล้ว แต่ก็เฉย ซึ่งดิฉันก็แปลกใจ พยายามหาคำตอบต่างๆนานา แต่ไม่ได้หันหน้ามาคุยกันตรงๆ เพราะไม่กล้าเริ่มก่อน ไม่กล้าเปิดประเด็นก่อน เพราะหน้าบางค่ะ บางที การที่ผู้หญิงต้องการเรื่องแบบนั้นแต่เจอพฤติกรรม เฉย หรือ พยายามบ่ายเบี่ยงของผู้ชายแล้ว ทำให้เรารู้สึกอายค่ะ พอหลายครั้งมากๆเข้า ก็จะมีอาการฝังใจและไม่อยากมีอะไรกับผู้ชายคนนี้แล้ว นั่นกลายเป็นว่า เราถูกมองว่า หวงตัว ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่ใช่เลย เราเปิดโอกาสให้คุณแต่แรกแล้ว แต่ เค้ากลับทำให้เรารู้สึกอาย ที่เวลาเราต้องการแล้วถูกบ่ายเบี่ยง
ปล. ไม่ได้เป็นอะไรกับ จขกท. นะคะ แค่มาเล่าให้ฟังเฉยๆค่ะ 5555+
ดิฉันกับแฟน คบกันมาได้ปีกว่า อยู่ด้วยกัน นอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน แต่ ไม่มีอะไรกัน
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า ผู้หญิง ก็มีความต้องการเหมือนกัน แต่ฝ่ายชาย ไม่อินตาม ซึ่งบางทีก็อ่อยแล้ว แต่ก็เฉย ซึ่งดิฉันก็แปลกใจ พยายามหาคำตอบต่างๆนานา แต่ไม่ได้หันหน้ามาคุยกันตรงๆ เพราะไม่กล้าเริ่มก่อน ไม่กล้าเปิดประเด็นก่อน เพราะหน้าบางค่ะ บางที การที่ผู้หญิงต้องการเรื่องแบบนั้นแต่เจอพฤติกรรม เฉย หรือ พยายามบ่ายเบี่ยงของผู้ชายแล้ว ทำให้เรารู้สึกอายค่ะ พอหลายครั้งมากๆเข้า ก็จะมีอาการฝังใจและไม่อยากมีอะไรกับผู้ชายคนนี้แล้ว นั่นกลายเป็นว่า เราถูกมองว่า หวงตัว ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่ใช่เลย เราเปิดโอกาสให้คุณแต่แรกแล้ว แต่ เค้ากลับทำให้เรารู้สึกอาย ที่เวลาเราต้องการแล้วถูกบ่ายเบี่ยง
ปล. ไม่ได้เป็นอะไรกับ จขกท. นะคะ แค่มาเล่าให้ฟังเฉยๆค่ะ 5555+
ความคิดเห็นที่ 24
แปลกตรงที่ผู้หญิงยังไม่อยากใช้ชีวิตคู่กับคุณ ทั้งที่คุณก็พร้อมหมดแล้วทุกอย่าง
อายุขนาดนี้แล้ว ผู้หญิงบางคนอยากจะแต่งงานอยากจะรีบมีลูกก่อน 30 ด้วยซ้ำ
เคยคุยกับเธอไหมคะ ว่ายังไม่พร้อมแต่งงานเพราะอะไร ไม่อยากแต่งเพราะอะไร ไม่เอาที่คุณคิดเอง
หรือเธอยังต้องการใช้ชีวิตโสด หรือรักอิสระ หรือเธอยังไม่แน่ใจอะไรในตัวคุณหรือเปล่า
หรือว่าคุณอยากมีลูกแต่เธอไม่อยากมี หรือทัศนคติในการใช้ชีวิตคู่ต่างกัน
เปิดใจคุยกันเลยค่ะ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจปล่อยเธอไป คุยกันให้รู้ไปเลยในสิ่งที่คุณสงสัย
- สิ่งที่คุณขอ เธอให้คุณไม่ได้เพราะอะไร คุณต้องรอแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
- ถามเธอด้วยว่ารักคุณไหม รักของเธอคือแบบไหน มันตรงกับสิ่งที่คุณต้องการรึเปล่า
- การใช้ชีวิตคู่ของเธอคืออะไร คือการอยู่ด้วยกัน นอนจับมือกันไปตลอดชีวิต หรือยังไง
หรือคำว่าครอบครัวของเธอหมายถึงอะไร เธออาจยังไม่อยากสร้างครอบครัวตอนนี้ อาจติดเพื่อน ฯลฯ
- เธอไม่ชอบนิสัยอะไรของคุณหรือเปล่า ยังลังเลอะไรไหม หรือที่ไม่อยากเลิกกับคุณแค่กั๊กๆ เอาไว้
ถ้าความต้องการของคนสองคนสวนทางกันแล้ว ยังไงก็มีปัญหาค่ะ เลิกกันไปก่อนที่จะสายยังดีซะกว่า
หรือถ้าไม่อยากเลิก ก็ต้องเปิดใจคุยกันให้หมดทุกเรื่อง คุยกันด้วยเหตุผล อย่าใส่อารมณ์กันนะคะ จะยิ่งไปกันใหญ่
ถ้าเธอรักคุณจริงอย่างที่เธอพูด เธอต้องชัดเจน และช่วยคุณแก้ปัญหานี้ได้บ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้คุณเคว้งคว้างอยู่ลำพังค่ะ
อายุขนาดนี้แล้ว ผู้หญิงบางคนอยากจะแต่งงานอยากจะรีบมีลูกก่อน 30 ด้วยซ้ำ
เคยคุยกับเธอไหมคะ ว่ายังไม่พร้อมแต่งงานเพราะอะไร ไม่อยากแต่งเพราะอะไร ไม่เอาที่คุณคิดเอง
หรือเธอยังต้องการใช้ชีวิตโสด หรือรักอิสระ หรือเธอยังไม่แน่ใจอะไรในตัวคุณหรือเปล่า
หรือว่าคุณอยากมีลูกแต่เธอไม่อยากมี หรือทัศนคติในการใช้ชีวิตคู่ต่างกัน
เปิดใจคุยกันเลยค่ะ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจปล่อยเธอไป คุยกันให้รู้ไปเลยในสิ่งที่คุณสงสัย
- สิ่งที่คุณขอ เธอให้คุณไม่ได้เพราะอะไร คุณต้องรอแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
- ถามเธอด้วยว่ารักคุณไหม รักของเธอคือแบบไหน มันตรงกับสิ่งที่คุณต้องการรึเปล่า
- การใช้ชีวิตคู่ของเธอคืออะไร คือการอยู่ด้วยกัน นอนจับมือกันไปตลอดชีวิต หรือยังไง
หรือคำว่าครอบครัวของเธอหมายถึงอะไร เธออาจยังไม่อยากสร้างครอบครัวตอนนี้ อาจติดเพื่อน ฯลฯ
- เธอไม่ชอบนิสัยอะไรของคุณหรือเปล่า ยังลังเลอะไรไหม หรือที่ไม่อยากเลิกกับคุณแค่กั๊กๆ เอาไว้
ถ้าความต้องการของคนสองคนสวนทางกันแล้ว ยังไงก็มีปัญหาค่ะ เลิกกันไปก่อนที่จะสายยังดีซะกว่า
หรือถ้าไม่อยากเลิก ก็ต้องเปิดใจคุยกันให้หมดทุกเรื่อง คุยกันด้วยเหตุผล อย่าใส่อารมณ์กันนะคะ จะยิ่งไปกันใหญ่
ถ้าเธอรักคุณจริงอย่างที่เธอพูด เธอต้องชัดเจน และช่วยคุณแก้ปัญหานี้ได้บ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้คุณเคว้งคว้างอยู่ลำพังค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ผิดไหมครับ ที่ผมจะเลิกกับแฟนที่คบกันมา 12 ปี (28+)
ผมคบกับแฟนของผมมาเป็นเวลา 8 ปี ผมให้เกียรติเธอและดูแลเธอเท่าที่ผมจะทำได้ตลอดมา ผมพยายามไม่ล่วงเกินเธอ และหาทางออกแบบที่ผู้ชายทำกันเป็นปกติ (Self Service) รวมถึงเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองไปในการสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อที่ผมจะได้มีทุกอย่างพร้อมไว้สร้างครอบครัวกับคนที่ผมรัก
จนวันที่เรา 2 คนอายุเกิน 28 ปี ผมคิดว่าผมพร้อมที่จะรับผิดชอบเธอในทุกๆเรื่อง ผมอยากมีอะไรกับเธอตามภาษาผู้ชาย (น้องชายของผมปกติดีทุกอย่างนะครับ เผื่อใครจะสงสัย) และผมพร้อมที่จะแต่งงานทันทีที่เธอที่เธอต้องการ เพราะผมมีรายได้และทรัพย์สินเพียงพอที่จะให้เธอเลี้ยงลูกอยู่บ้านเฉยๆไปตลอดชีวิตแล้วครับ
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ เธอไม่ค่อยอยากจะมีอะไรกับผม และเธอก็ยังไม่อยากที่จะแต่งงาน ผมก็พยายามที่จะเข้าใจ ว่าเธออาจจะรักนวลสงวนตัว หรืออาจจะยังรักอิสระอยู่ ผมพยายามพิสูจน์ให้เธอเห็นด้วยการกระทำว่าผมจริงใจ ผมรับได้ที่เธอเป็นเธอ ผมเต็มใจที่จะรอ หรือจะแต่งก่อนแล้วค่อยมีอะไรกันก็ได้ครับ
ผมพยายามอยู่ต่อมาอีก 3 ปี ตอนนี้กำลังจะครบปีที่ 4 รวมทั้งหมดเป็น 12 ปี ผมท้อแล้วครับ เพราะผมไม่ได้ทั้งการแต่งงาน และผมไม่ได้สิ่งที่ผู้ชายปกติต้องการจากคนที่ผมรัก ตอนนี้ผมกลัวว่าถึงจะแต่งงานไปก็อาจจะมีปัญหากับชีวิตคู่ในระยะยาว
ผมเคยขอคุยกับเธอ ว่าเธอมีปัญหาอะไร จนเราทะเลาะกันหลายครั้ง ผมลองบอกเลิกเธอ เธอก็บอกผมว่าเธอก็รักผมมาก แต่เหมือนเธอจะไม่ได้ให้ความสำคัญในสิ่งที่ผมต้องการ และให้ผมรอไปก่อน ทั้งๆที่ผมให้เธอทุกอย่างเท่าที่ผู้ชายธรรมดาๆคนนึงจะให้ได้แล้วครับ
ในขณะที่เมื่อผมไปเยี่ยมเพื่อนสนิท ที่เพิ่งมีลูกอ่อน ผมก็รู้สึกได้ว่าครอบครัวของเพื่อนมีความสุขจนล้นบ้านมากครับ ภรรยาของเพื่อนดูแลลูกและสามี ถึงจะไม่ได้มากมายเพราะเพิ่งคลอดไม่นาน แต่มองแล้วดูน่ารักอบอุ่น ผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากได้ครอบครัวแบบนี้ครับ
(เหตุผลที่ 1) จากเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา 12 ปี และการคิดอย่างถี่ถ้วนเท่าที่สมองผมจะประมวลผลได้ ตอนนี้ผมกำลังตัดสินใจที่จะปล่อยเธอไปแล้วครับ
(คำถามที่ 1) ผมเห็นแก่ตัวไปไหมครับ เพราะเธอไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่ความต้องการของเราไม่ตรงกันมานานมากแล้ว สิ่งที่ผมขอมันมากเกินไปหรอครับ หรือผมต้องเป็นคนเสียสละไปตลอด ?
(เหตุผลที่ 2) ตอนนี้ผมเริ่มคิดว่า คนที่เรารัก หรือ ผู้หญิงที่เป็นกุลสตรี เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้ผู้ชายรัก และอยากทำให้เธอมีความสุข แต่เธออาจจะไม่ใช่ คู่ชีวิตที่ดี อาจจะไม่ใช่ ภรรยาที่ดี และอาจจะไม่ใช่ แม่ที่ดีของลูกก็ได้ครับ
(คำถามที่ 2) ความรักของชีวิตคู่ที่ผมเข้าใจคือ การร่วมทุกข์ร่วมสุข ถ้าไม่มีช่วงทุกข์ ก็ควรช่วยกันเติมเต็มความสุขซึ่งกันและกันไม่ใช่หรือครับ หรือผมเข้าใจผิดไปเอง ?
มีท่านใดเจอปัญหาแบบผมบ้างครับ ทั้งก่อนแต่งและหลังแต่ง รบกวนขอคำชี้แนะด้วยครับ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงครับ ขอบคุณครับ
--- เพิ่มเติมครับ ----
- แฟนของผมเป็นผู้หญิงแท้ 100% ใช้คำว่านางสาวในบัตรประชาชนครับ
- ร่างกายของเธอปกติดีครับ ผมรักเธอมากพอที่จะไม่สนใจในจุดบกพร่องใดๆของเธอครับ โตๆกันแล้ว
- เรื่องการศึกษาและฐานะทางบ้านของผมดีกว่าเธอครับ และครอบครัวผมก็ไม่มีปัญหาใดๆกับเธอครับ
- ผมพอมีฐานะอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นเรื่องการจ่ายเงิน ผมจ่ายตลอดครับถ้าเธออยู่กับผม
- ผมพาเธอไปเที่ยวต่างประเทศเกือบทุกปีครับในช่วง 6 ปีสุดท้ายที่ผ่านมา เอเชีย ยุโรป อเมริกา
- ผมเป็นผู้ชายปกติที่รู้ว่าต้องเล้าโลมผู้หญิงยังไงครับ เพียงแต่ผมไม่อยากฝืนใจหากเธอไม่ยอมครับ
- ผมเคยคุยกับเธอหลายรอบแล้วครับ คำตอบที่ได้มาคือ ทำไมต้องคะยั้นคะยอกันด้วย
- ผมเคยพลาดบอกว่าถ้าเธอไม่อยากมีลูกก็ไม่เป็นไร คำตอบที่ได้คือ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีเซ็กซ์ใช่ไหม
- ผมเคยชวนเธอไปปรึกษากับหมอเพื่อวางแผนครอบครัวแล้วครับ เผื่อเธอจะมีปมอะไรในใจ แต่เธอไม่ยอมไปด้วยครับ
- ผมตระหนักได้ว่าเธอไม่พยายามแก้ปัญหา ในเรื่องที่ผมขอร้อง ทั้งๆที่มันจะเป็นปัญหาของผมไปตลอดชีวิตครับ
- ผมก็สงสัยว่าผมมีอะไรไม่ดีตรงไหน ถ้าไม่ดีทำไมไม่เลิกไป สุดท้ายที่ผมตัดสินใจแบบนี้เพราะผมมองที่ผลลัพธ์ครับ
- ประกอบกับคำบางคำจากคุณแม่ของผม ว่าคู่ชีวิตที่ดีจะไม่จะไม่ทิ้งให้เราต้องทนอยู่กับปัญหาคนเดียว ทั้งๆที่เขาสามารถช่วยเราแก้ได้ครับ
แค่นี้ก็เหมือนทิ้งกันโดยการยืนเฉยๆ แล้วปล่อยให้อีกคนนั่งจมกับปัญหาไปครับ บ้านผมลูกชาย 3 คน ปกติแม่จะเข้าข้างน้องสะใภ้มากกว่า
ด้วยซ้ำครับ เพราะแม่อยากได้ลูกสาว แต่พ่อผมไม่มีปัญญาทำครับ
- การบอกเลิกเจ็บมากครับ แต่ผมก็พยายามให้เธอเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม่ผมบอกว่าผู้หญิงจะไม่รู้สึกเจ็บ ถ้าเขาคิดได้ว่าดีแล้วที่ไม่
แต่งงานกับคนๆนี้ แต่ผมไม่ได้มีคนอื่นครับ ซึ่งทำให้ผมต้องเสียผู้หญิงดีๆบางคนไป
- บางทีคำโบราณก็ใช้ได้ดีครับ รักคนที่เขารักเราดีกว่า ชีวิตคนเรามันสั้นครับ ไม่มีอะไรดีกว่าการเติมเต็มความสุขให้คนข้างๆ
- ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ ขอบคุณสำหรับทุกข้อความหลังไมค์มากๆครับ ขอบคุณจริงๆ